การอบรมจิต ด้วยสิ่งสมควรแก่บรรพชา(พระสูตร)

ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า
จิตของพวกเราจักเป็นจิตได้รับอบรมแล้ว
ด้วยสิ่งสมควรแก่บรรพชา
อกุศลธรรมอันเป็นบาปที่เกิดขึ้นแล้ว
จักไม่รัดรึงจิตตั้งอยู่
-
จิตของพวกเราจักเป็นจิตได้รับอบรมแล้วด้วยอนิจจสัญญา
จิตของพวกเราจักเป็นจิตได้รับอบรมแล้วด้วยอนัตตสัญญา
จิตของพวกเราจักเป็นจิตได้รับอบรมแล้วด้วยอสุภสัญญา
จิตของพวกเราจักเป็นจิตได้รับอบรมแล้วด้วยอาทีนวสัญญา
-
จิตของพวกเราจักเป็นจิตรู้ความสม่ำเสมอ
และความไม่สม่ำเสมอของโลก
แล้ว ได้รับอบรมด้วยสัญญานั้น
-
จิตของพวกเราจักเป็นจิตรู้ความเจริญ
และความเสื่อมของโลก
แล้ว ได้รับอบรมด้วยสัญญานั้น
-
จิตของพวกเราจักเป็นจิตรู้ความเกิด
และความดับของโลก
แล้วได้รับอบรมด้วยสัญญานั้น
-
จิตของพวกเราจักเป็นจิตได้รับอบรมแล้วด้วยปหานสัญญา
จิตของพวกเราจักเป็นจิตได้รับอบรมแล้วด้วยวิราคสัญญา
จิตของพวกเราจักเป็นจิตได้รับอบรมแล้วด้วยนิโรธสัญญา
-
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แล ฯ
-
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อใดแล
จิตของภิกษุเป็นจิตได้รับอบรมแล้ว
ด้วยสิ่งสมควรแก่บรรพชา
อกุศลธรรมอันเป็นบาปที่เกิดขึ้นแล้วย่อมไม่รัดรึงจิตตั้งอยู่
จิตได้รับอบรมแล้วด้วยอนิจจสัญญา
จิตได้รับอบรมแล้วด้วยอนัตตสัญญา
จิตได้รับอบรมแล้วด้วยอสุภสัญญา
จิตได้รับอบรมแล้วด้วยอาทีนวสัญญา
-
จิตรู้ความสม่ำเสมอ
และความสม่ำเสมอของโลกแล้ว
ได้รับอบรมแล้วด้วยสัญญานั้น
-
จิตรู้ความเจริญและความเสื่อมของโลกแล้ว
ได้รับอบรมแล้วด้วยสัญญานั้น
-
จิตรู้ความเกิดและความดับของโลกแล้ว
ได้รับอบรมแล้วด้วยสัญญานั้น
-
จิตได้รับอบรมด้วยปหานสัญญา
จิตได้รับอบรมด้วยวิราคสัญญา
และจิตได้รับอบรมด้วยนิโรธสัญญา
-
เมื่อนั้น ภิกษุนั้นพึงหวังผลได้ ๒ อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่ง
คืออรหัตผลในปัจจุบัน
หรือเมื่อยังมียึดมั่นเหลืออยู่ เป็นพระอนาคามี ฯ
จบสูตรที่ ๙
---




พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๒๔
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต
หน้าที่ ๙๘ ข้อที่ ๕๙
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่