[MotoGP] รีวิว สนาม 11: Ducati vs Honda ในศึกแห่งศักดิ์ศรีที่สปีลเบิร์ก

เงินอาจจะซื้อไม่ได้ทุกอย่าง แต่ด้วยพลังทุนจาก Red Bull เจ้าของแบรนด์เครื่องดื่มยักษ์ใหญ่จากออสเตรียบวกกับ Passion ในกีฬามอเตอร์สปอร์ต ได้ทุ่มพัฒนาสนาม Red Bull Ring ในปัจุบัน (ก่อสร้างขึ้นมาครั้งแรกในชื่อ Österreichring  ก่อนที่จะมาเปลี่ยนเป็น A1-Ring) ให้กลายมาเป็นสนามที่ทันสมัยอันดับต้นๆของยุโรป ซึ่ง Press center ของที่นี่นั้นได้รับการกล่าวถึงว่าทันสมัยและสวยงามสุดๆ



ที่ยังมีปัญหาอยู่ก็เห็นจะเป็นเรื่องของความปลอดภัยเนื่องจากรันออฟ(พื้นที่สำหรับรองรับเวลารถหลุดออกนอกแทรค)ในบางโค้งนั้นค่อนข้างที่จะแคบ โดยเฉพาะในโค้ง 1 ที่บาเรียเออร์ด้านซ้ายนั้นใกล้กับแทรคมากๆ จนเรื่องนี้นำไปสู่ประเด็นดราม่าระหว่าง Aliex Espagaro แห่งทีม Aprilia กับ Josh Brookes (นักแข่งใน BSB) บนทวิตเตอร์ หลังจากที่ AE41 แสดงความคิดเห็นออกไปว่าเค้าจะไม่ลงแข่งถ้าหากต้องแข่งในฝน เพราะมันอันตรายเกินไป ทำให้ถูก Josh Brookes ออกมาวิจารณ์ว่า “ถ้าไม่อยากแข่ง ก็ให้คนอื่นที่อยากแข่งมาขี่แทนก็สิ้นเรื่อง” เรื่องมันเลยยาวเลยครับทีนี้ เมื่อโดนหยามแบบนี้ ทางเอสพากาโร่เลยใส่กลับเป็นชุดๆ ยังไงก็ไปหาอ่านเพิ่มเอาได้ คือเข้มข้นระดับที่ว่าถ้าเป็นวัยรุ่นบ้านเรา มีได้ซัดหมัดกันแน่ๆ 555 แต่เชื่อว่าในประเด็นนี้น่าจะมีการปรับปรุงตามมาในไม่ช้า



ผังสนามของสนาม Red Bull Ring นั้นไม่ซับซ้อน มีทางตรงยาวๆสลับกับโค้งที่ต้องแบรคหนักๆ แต่ด้วยทำเลที่ตั้งที่อยู่ท่ามกลางหุบเขา ทำให้มีจุดขึ้นเขาและลงเนินมาช่วยเพิ่มความท้าท้ายให้กับนักแข่งอีกเรื่องหนึ่ง เนื่องจากมีทางตรงค่อนข้างยาวทำให้ที่นี่กลายเป็นสนามที่เร็วที่สุดในปฏิทินในขณะนี้ ซึ่งความเร็วกับนักแข่งนั้นเป็นของคู่กันอยู่แล้ว ทำให้นักแข่งส่วนใหญ่ล้วนแต่ชื่นชอบการแข่งที่นี่ ถึงตอนนี้ Austrian Grand Prix ได้กลายมาเป็น 1 หนึ่งในอีเวนท์ที่โดดเด่นที่สุดในฤดูกาลไปแล้ว แม้ว่าพึ่งจะกลับมารับหน้าเสื่อจัดการแข่งขันโมโตจีพีในรอบนี้ ได้เพียงแค่ปีที่ 2 เท่านั้น



เนื่องจาก KTM นั้นเป็นรถสัญชาติออสเตรีย Red Bull เองก็เป็นแบรนด์ออสเตรียรวมถึงเป็นผู้สนับสนุนหลักของ KTM ในโปรเจค MotoGP ทำให้การแข่งขันที่นี่นั้นมีความพิเศษและสำคัญต่อทีมค่อนข้างมาก เราได้เห็น KTM Grandstand อันโดดเด่น เหมือน Ducati Grandstand ที่มูเจลโล่ ซึ่งจริงๆถ้าว่ากันด้วยตำแหน่งที่ตั้งแล้ว ต้องถือว่าของ KTM นั้นตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่าเสียอีก แต่ผลการแข่งขันปีนี้ถือว่าค่อนข้างโชคไม่ค่อยเข้าข้างเท่าไหร่ โดยเฉพาะในรุ่น Moto3 ที่รถทีมโรงงานไม่จบการแข่งทั้ง 2 คัน ส่วนใน Moto2 มิเกล โอลิเวล่าห์ที่กำลังไล่คั่วตำแหน่งบนโพเดี่ยม กลับมาพลาดล้มไปในช่วงท้ายของการแข่งขัน ทำให้ต้องออกจากการแข่งขันไปอย่างน่าเสียดาย ที่สำคัญยังส่งผลต่อการเก็บคะแนนในตารางคะแนนสะสมค่อนข้างเยอะ ยังดีว่าแบรด บินเดอร์นั้นก็ขี่ได้ค่อนข้างดีและจบการแข่งในอันดับที่ 7



ถึงคิวของรุ่นใหญ่อย่าง MotoGP พอล เอสพากาโร่นั้นโชคไม่ดี อย่างแรกคือรถ RC 16 ของเค้าดันมีปัญหากับจานดิสก์เบรกมารบกวนในบางเซสชั่น แถมยังโดนรถ GP16 ของเฮคเตอร์ บาเบร่า เข้ามาชนด้านข้างในช่วงออกสตาร์ท ทำให้เซ็นเซอร์เบรกหลังพัง ต้องออกจากการแข่งขันไปแบบสุดเซ็ง นี่เป็น GP ในบ้านของ KTM เป็นสนามที่ทีมงานของ KTM ที่โรงงานและแฟนๆมีโอกาสได้เข้ามาชมการแข่งขันอย่างใกล้ชิด แถม PE44 ยังขี่ได้ค่อนข้างดี เร็วสม่ำเสมอตลอดทั้ง 3 วัน โดยเฉพาะในรอบวอร์มอัพในช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่เค้าทำเวลาตามหลังผู้นำอยู่แค่ 0.5 วินาทีเท่านั้น นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเอสพากาโร่ผู้น้องถึงได้ผิดหวังสุดๆ



แบรดลีย์ สมิธยังไม่สามารถดึงเอาจุดแข็งของรถออกมาซ่าส์ได้เหมือนคนอื่น ทำให้ผลงานสนามนี้ก็ยังอยู่ในระดับเดิม ยังดีที่ Mika Kalio นักแข่งทดสอบของทีมที่ลงแข่งผ่าน Wildcard นั้นขี่ได้อย่างยอดเยี่ยมและจบการแข่งขันในอันดับ 10 ทำให้เป็นการจบใน Top 10 ได้ 2 สนามติดของ KTM ที่สำคัญคือในสนามนี้ไม่มีนักแข่งในกลุ่มนำล้มออกจากแข่งขันเลย โอเคว่านี่คือสนามหลังบ้านของ KTM คาลิโอ้เองก็เคยทดสอบรถที่นี่หลายครั้งแล้ว อาจจะได้เปรียบในเรื่องของความคุ้นเคย แต่ในอีกมุมนึงเค้าก็เสียเปรียบนักแข่งคนอื่นๆเพราะไม่ได้ลงแข่งเต็มฤดูกาล สภาพความฟิตของร่างกายก็เป็นรองคนอื่น ถือว่าเป็นผลงานอันยอดเยี่ยมของดาวบินจากฟินแลนด์ผู้นี้ ในอนาคต ถ้า KTM ทำตามแผนได้สำเร็จ สามารถรถสามารถขึ้นมาต่อกรกับโรงงานหัวแถวได้ การที่แฟนๆ KTM ได้มานั่งลุ้นรถ RC 16 เพื่อคว้าชัยชนะบนเคทีเอ็ม แกรนสแตนด์แห่งนี้ น่าจะเป็นอะไรที่พิเศษสุดๆแล้ว