" หวนคืนสู่ความเรียบง่าย "
หากลองเปิดใจแล้วก้าวออกไปดูด้วยสายตาตัวเอง แท้จริงแล้วการบูรณะครั้งนี้ ทำให้เห็นลวดลายที่อยู่รอบๆ พระปรางค์อย่างที่ไม่เคยเห็นชัดเจนแบบนี้มาก่อน วันนี้เป็นวันที่รอคอยมานานหลังจากไปครั้งสุดท้ายช่วงเริ่มบูรณะ ส่วนตัวชอบพระปรางค์องค์นี้มาก (มองจากระยะไกลเหมือนหอไอเฟล 55 5 ดูมีอัตลักษณ์ดี เสียดายที่การจัดภูมิทัศน์รอบข้างพระปรางค์ ณ ปัจจุบันทำให้เมื่อมองจากระยะไกลมีความโดดเด่นน้อยลงไป)
ความคิดเห็นส่วนตัวการบูรณะพระปรางค์ไม่ได้ทำให้ใหม่จ๋าขนาดนั้น ยังคงความเก่าไว้เหมือนเดิม แค่องค์พระปรางค์ดูสะอาด ลวดลายเด่นชัด และไม่มีเศษปูนเศษกระเบื้องที่หลุดร่อนลงมาที่พื้นให้เห็นแล้ว แต่มีบางช่วงบางมุมของพระปรางค์เหมือนมีคราบปูนสีขาวติดอยู่บนกระเบื้องอยู่บ้างแต่ไม่นานคงโดนน้ำฝนชะล้างหายไปตามกาลเวลา ซึ่งตามภาพข่าวเหมือนมีการเก็บขอบระหว่างปูนสีขาวกับกระเบื้องที่ไม่เรียบร้อย ในส่วนนี้ก็เป็นข้อเท็จจริงที่มีอยู่ให้เห็นอยู่บ้าง แต่โดยรวมก็ดูเรียบร้อยดี วันนี้ลองสังเกตนักท่องเที่ยวที่เป็นชาวต่างชาตินั้นดูให้ความสนใจยักษ์และลิงที่แสดงท่าทางมากกว่าจานกระเบื้องที่ติดอยู่บนพระปรางค์ (ส่วนใหญ่จะโพสท่าถ่ายภาพตามรูปปั้นยักษ์และลิง) ซึ่งพอพื้นพระปรางค์สีขาวทำให้ลวดลายจานชามจีนดูโดดเด่นกว่าเมื่อก่อนเสียอีก (อันนี้ส่วนตัวชอบมาก)

ลองไปพิสูจน์ดูด้วยสายตาตัวเองก่อนที่เสพข่าวแล้วตัดสินใจใดๆ อย่างไม่มีการตกผลึกทางความคิดที่มีเหตุมีผล เพราะการนำเสนอของแต่ละคนย่อมมีเป้าหมายที่แตกต่างกันออกไป ไม่มีอะไรผิดหรือถูกที่แท้จริง มีแต่สิ่งที่เหมาะสมกับตัวเองหรือไม่เท่านั้นเอง เสียดายที่พระปรางค์ยังไม่เปิดให้ขึ้นขึ้นไปด้านบนสุด แต่แค่นี้ก็พอใจแล้วไม่ผิดหวังที่รอคอยมานาน

เนื่องจากผมไม่ได้มีความรู้มากนักเกี่ยวด้านโบราณคดี สถาปัตยกรรม หรือประวัติศาสตร์
เพียงแต่ชื่นชอบสถาปัตยกรรม หรือประวัติศาสตร์เป็นการส่วนตัวจึงขอนำเสนอเป็นภาพถ่ายแล้วกันนะครับ
ทั้งนี้ภาพถ่ายทั้งหมดผมใช้ iPhone 6s plus ในการถ่ายภาพเก็บความทรงจำไว้ ขอให้มีความสุขกับการอ่านกระทู้นี้นะครับ

องค์พระปรางค์
หลังได้รับการบูรณะแล้ว เห็นได้ชัดว่าสังเกตเห็นลวดลายบนองค์ประปรางค์ชัดเจนขึ้น ความเข้มขลังอาจดูลดลงไปบ้าง แต่ความสวยงามไม่ได้ลดลงเลย

องค์ประปรางค์
ก่อนได้รับการบูรณะ หลายท่านอาจจะคุ้นเคยกับสีผิวขององค์พระปรางค์สีเทาอมเขียว (เมื่อมองจากระยะไกล) ก็ดูเข้มขลังดีไม่น้อย

สำหรับชาวต่างชาติต้องเสียค่าเข้าชมสถานที่ ส่วนคนไทยสามารถเข้าได้เลยไม่เสียค่าใช้จ่ายเหมือนเดิมครับ

สำหรับผู้เข้าชมสถานที่นี้ ต้องดูการแต่งกายนิดนึงนะครับ จริงๆก็เหมือนเดิม สำหรับท่านใดเคยมาแล้วคงรู้กฏระเบียบดี

หากยืนตรงกลางด้านล่างสุดขององค์พระปรางค์จะพบกับความสวยงามแบบนี้ สีขาวแบบนี้ไม่ได้ดูขี้เหร่เลย ผมว่ามุมนี้พอเจอกับฟ้าสีขาว (ฟ้าเน่า) กลับดูสวยกว่าเดิมด้วยซ้ำ

ตามภาพข่าว ผมเข้าใจว่าองค์พระปรางค์น่าจะดูใหม่จ๋าแบบไม่เหลือความเข้มขลัง แต่พอไปดูสภาพจริงแล้ว บอกเลยว่ามันไม่ได้เลวร้าย กลับดูเห็นรายละเอียดของสถาปัตยกรรม หรือลวดลายชัดเจนกว่าเดิมเสียอีก


การบูรณะคงต้องระมัดระวังพอสมควร ดูจากกระเบื้องแล้วมีโอกาสที่นักท่องเที่ยวจะเดินไปชนแล้วแตกหักได้เลย

การใช้กระเบื้องตกแต่งให้เป็นเหมือนภาพวาดแบบนี้ดูแปลกตาดี

รู้สึกได้ถึงลวดลายที่มันชัดเจนขึ้นจริงๆ

ตามภาพข่าวเหมือนมีการเก็บขอบระหว่างปูนสีขาวกับกระเบื้องที่ไม่เรียบร้อย ในส่วนนี้ก็เป็นข้อเท็จจริงที่มีอยู่ให้เห็นอยู่บ้าง แต่โดยรวมก็ดูเรียบร้อยดี

แต่พอบูรณะเรียบร้อย ก็ดูยักษ์แปลกตาออกไปบ้าง

ซึ่งก่อนหน้านี้ยักษ์จะดูน่ากลัวหน่อยๆ (เป็นยักษ์ตนละตนกับภาพบนนะครับ ตนนี้อยู่ชั้นบนสุดที่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปได้)

เหมือนยักษ์จะดูแปลกตาไปจริงๆ ต้องใช้เวลาสักพักน่ะแหละ 55 5 เดี๋ยวก็ชินไปเองนะครับ

เสียดายที่วันนี้ยังไม่เปิดให้ขึ้นไปด้านบน (เป็นยักษ์ตนละตนกับภาพบนนะครับ ตนนี้อยู่ชั้นบนสุดที่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปได้)


ดูองค์พระปรางค์สะอาดตาขึ้นมาก ส่วนตัวผมยืนชื่นชมจานนี้อยู่นาน พอเป็นพื้นองค์พระปรางค์สีขาว ลายจานกระเบื้องจึงโดดเด่นขึ้นมา


คงต้องใช้เวลาสักหน่อยให้พื้นที่ผิวพระปรางค์ปรับสภาพ สีขาวคงจะดูเป็นสีขาวตุ่นๆ (เทาลง) เดี๋ยวคงกลับมาดูเข้มขลังเหมือนเดิม



มีบางจุดบางมุมที่ดูเหมือนกับว่าการเก็บรายละเอียดระหว่างปูนกับกระเบื้องดูไม่เรียบร้อย แต่ถ้าใช้เวลาสักพักให้น้ำชะล้างมีตะไคร่น้ำขึ้นก็คงดูธรรมชาติ ในมุมของผมก็รู้สึกขัดใจเหมือนกัน ส่วนตัวคิดว่าช่างซ่อมแซ่มน่าจะทำได้ดีกว่านี้ (ในจุดนี้)

วันนี้ยังไม่เปิดให้ขึ้นไปด้านบนนะครับ ได้แต่ยืนมองดูอย่างห่างๆ อย่างห่วงๆ (อยากขึ้นไปมาก 55 5)


เหมือนบูรณะยังไม่แล้วเสร็จดี ยังมีบางจุดบางมุมของพระปรางค์ที่ยังไม่สามารถเข้าถึงได้



องค์พระปรางค์องค์รองที่อยู่รอบๆ (พระปรางค์องค์หลัก) ก็ดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติไม่น้อยเลยทีเดียว ลิงกำลังแบกพระปรางค์เป็นท่าโพสถ่ายภาพของนักท่องเที่ยวอยู่เสมอๆ



ส่วนใหญ่การเก็บรายละเอียดยังคงไม่ค่อยดีเท่าที่ควร (เมื่อมองระยะใกล้) แต่ถ้ามองจากระยะไกลโดยรวมก็ถือว่าทำได้ดี

หลายครั้งที่เรายังคงยึดติดหรือคิดถึงผู้คน สิ่งของ หรือสถานที่ที่เป็นอดีต

อาจยังคิดถึงท้องฟ้าในอดีตที่สวยงาม

หรือยังเฝ้ารอให้โคมไฟสวยๆ กลับมาที่เดิมอีกครั้ง

แต่ต้องไม่ลืมว่าควรอยู่กับความจริงในปัจจุบัน แล้วก้าวผ่านไปในอนาคตให้ได้
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมครับ
[CR] TEMPLE OF DAWN จาก "เก่าสู่ใหม่" พระปรางค์วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร
หากลองเปิดใจแล้วก้าวออกไปดูด้วยสายตาตัวเอง แท้จริงแล้วการบูรณะครั้งนี้ ทำให้เห็นลวดลายที่อยู่รอบๆ พระปรางค์อย่างที่ไม่เคยเห็นชัดเจนแบบนี้มาก่อน วันนี้เป็นวันที่รอคอยมานานหลังจากไปครั้งสุดท้ายช่วงเริ่มบูรณะ ส่วนตัวชอบพระปรางค์องค์นี้มาก (มองจากระยะไกลเหมือนหอไอเฟล 55 5 ดูมีอัตลักษณ์ดี เสียดายที่การจัดภูมิทัศน์รอบข้างพระปรางค์ ณ ปัจจุบันทำให้เมื่อมองจากระยะไกลมีความโดดเด่นน้อยลงไป)
ความคิดเห็นส่วนตัวการบูรณะพระปรางค์ไม่ได้ทำให้ใหม่จ๋าขนาดนั้น ยังคงความเก่าไว้เหมือนเดิม แค่องค์พระปรางค์ดูสะอาด ลวดลายเด่นชัด และไม่มีเศษปูนเศษกระเบื้องที่หลุดร่อนลงมาที่พื้นให้เห็นแล้ว แต่มีบางช่วงบางมุมของพระปรางค์เหมือนมีคราบปูนสีขาวติดอยู่บนกระเบื้องอยู่บ้างแต่ไม่นานคงโดนน้ำฝนชะล้างหายไปตามกาลเวลา ซึ่งตามภาพข่าวเหมือนมีการเก็บขอบระหว่างปูนสีขาวกับกระเบื้องที่ไม่เรียบร้อย ในส่วนนี้ก็เป็นข้อเท็จจริงที่มีอยู่ให้เห็นอยู่บ้าง แต่โดยรวมก็ดูเรียบร้อยดี วันนี้ลองสังเกตนักท่องเที่ยวที่เป็นชาวต่างชาตินั้นดูให้ความสนใจยักษ์และลิงที่แสดงท่าทางมากกว่าจานกระเบื้องที่ติดอยู่บนพระปรางค์ (ส่วนใหญ่จะโพสท่าถ่ายภาพตามรูปปั้นยักษ์และลิง) ซึ่งพอพื้นพระปรางค์สีขาวทำให้ลวดลายจานชามจีนดูโดดเด่นกว่าเมื่อก่อนเสียอีก (อันนี้ส่วนตัวชอบมาก)
ลองไปพิสูจน์ดูด้วยสายตาตัวเองก่อนที่เสพข่าวแล้วตัดสินใจใดๆ อย่างไม่มีการตกผลึกทางความคิดที่มีเหตุมีผล เพราะการนำเสนอของแต่ละคนย่อมมีเป้าหมายที่แตกต่างกันออกไป ไม่มีอะไรผิดหรือถูกที่แท้จริง มีแต่สิ่งที่เหมาะสมกับตัวเองหรือไม่เท่านั้นเอง เสียดายที่พระปรางค์ยังไม่เปิดให้ขึ้นขึ้นไปด้านบนสุด แต่แค่นี้ก็พอใจแล้วไม่ผิดหวังที่รอคอยมานาน
เนื่องจากผมไม่ได้มีความรู้มากนักเกี่ยวด้านโบราณคดี สถาปัตยกรรม หรือประวัติศาสตร์
เพียงแต่ชื่นชอบสถาปัตยกรรม หรือประวัติศาสตร์เป็นการส่วนตัวจึงขอนำเสนอเป็นภาพถ่ายแล้วกันนะครับ
ทั้งนี้ภาพถ่ายทั้งหมดผมใช้ iPhone 6s plus ในการถ่ายภาพเก็บความทรงจำไว้ ขอให้มีความสุขกับการอ่านกระทู้นี้นะครับ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมครับ