ทริปนี้เริ่มขึ้นจากการที่เพื่อนผม จะไปปากเซ ลาวใต้ เเต่ผมจะไปวังเวียง เอาไงละครับ... ก็ลากมันมากับเราซิครับ ไปกันหลายคนสนุกดี หว่านล้อมจนเป็นผลสำเร็จ ทริปวังเวียงจึงเริ่มขึ้น ทริปนี้ไปกัน 3 คน ระยะเวลาตั้งเเต่วันที่ 11 - 14 ส.ค.60 หยุดตามปฏิทินเลยครับ
ได้วันเเล้วก็เริ่มจองตั๋วเดินทาง เปิดดูตั๋วเครื่องบินเเล้ว โบกมือปัดผ่านเลย ราคาเเพงเกินงบประมาณที่ตั้งไว้แน่ ๆ ผมจึงเบนเข็มมาอีกวิธี คือ รถโดยสารปรับอากาศระหว่างประเทศ หาข้อมูลจนละเอียด สรุปได้ว่า ซื้อตั๋วรถโดยสารปรับอากาศกรุงเทพฯ - อุดรธานี เลือกใช้บริการของบริษัทนครชัยแอร์ ราคา 454.-/คน รอบ 21.30 น. ของวันที่ 10 ส.ค. (ขึ้นหมอชิต ที่เลือกขึ้นหมอชิต ไม่ไปขึ้นที่บริษัทนครชัยเเอร์ เพราะผมจะเอาใบจองตั๋ว ไปรับตั๋วรถที่จะไปอุดรฯ - วังเวียง ซึ่งจะต้องใช้พาสปอร์ตของเเต่ละคน ในการออกตั๋วจริงให้) ถึงอุดร ฯ 06.30 น. ต่อรถโดยสารปรับอากาศของบริษัท บขส. อุดรฯ - วังเวียง มีรอบเดียว รอบเช้า 08.30 น. ราคา 320.-/คน เจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลว่า เดินทางใช้เวลาประมาณ 7 ชม. ถึงวังเวียง นั่งกันยาว ๆ ไปเลย

ทริปนี้ผมขอเริ่มเก็บภาพจาก บขส.อุดรฯ นะครับ เเก๊งค์เรามาถึง อุดรฯ ประมาณ 06.30 น. ของวันที่ 11 ส.ค. เวลาเหลือ ๆ กว่าจะต่อรถไปวังเวียง ฉะนั้น..ลงรถรับกระเป๋าเเล้ว ก็จัดการทำความสะอาดใบหน้าเเละช่องปากตัวเองให้เรียบร้อย หรือใครจะอาบน้ำก็ได้ ที่ บขส.อุดรฯ มีห้องน้ำไว้บริการทั้งห้องอาบน้ำเเละสุขา ค่าบริการ 5.-/ครั้ง เเต่ผมขอซักแห้ง ขี้เกียจรื้อเป้ กะว่าล้างหน้าแปรงฟันพอ ไปอาบที่วังเวียงที่เดียว

เช้า ๆ หาอะไรใส่ท้องกันก่อนดีกว่า ต้องเดินทางกันอีกยาว เดินออกมาหน้า บขส. อุดรฯ ผมเลือกลองร้าน "ยอดข้าวผัดเฉลิมวัฒนา"

คนเยอะครับ ดู ๆ จากสัมภาระเเละการพูดคุยเเล้ว "วังเวียง" คือจุดหมายกันทั้งหมด (เพื่อนร่วมทางเราเยอะครับ

) เพื่อความรวดเร็ว เเละเริ่มจะหิวกันเเล้ว การสั่งเมนูง่าย ๆ โดยสั่งเหมือนกันทั้ง 3 จานจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด "ข้าวหมูกระเทียม 3 จานครับ" นั่งรอแป๊บก็เป็นตามคาด มีโต๊ะที่มาก่อนเราสั่งหมูกระเทียมเหมือนกัน เฮียเจ้าของร้านจึงจัดการผัดที่เดียว 4 จานเลย เราจึงได้กินก่อนหลาย ๆ โต๊ะ (วางแผนดี มีชัยไปกว่าครึ่ง 555++) ค่าเสียหายจานละ 50.-

อิ่มเเล้ว เดินหน้าต่อได้ กลับมาที่ บขส. ได้เวลารถมาพอดี อุดรฯ - หนองคาย - วังเวียง


คนครบ ถึงเวลา รถเคลื่อนตัวออกจาก บขส. มุ่งหน้าสู่ จว.หนองคาย โดยเจ้าหน้าที่บนรถโดยสารปรับอากาศจะแจกเอกสารใบผ่านแดนให้เรากรอกล่วงหน้า เพื่อความรวดเร็วในการเดินทาง

ขอข้ามขั้นตอนการทำหนังสือ เเละการยื่นเอกสารผ่านแดน ตม.หนองคาย ไปเลยนะครับ. เอกสารเรียบร้อย ทุกอย่างผ่าน เราก็เดินทางกันต่อ จากด่านหนองคาย - วังเวียง จะจอกพักรถ 1 ครั้ง เรามาถึงจุดพักรถเวลา 13.00 น. ถ้าอ่านไม่ผิด ชื่อร้าน "อาหารตามสั่งไชโย"

มีทั้งอาหารตามสั่ง ลูกชิ้นปิ้ง ผลไม้สด - ดอง เเละร้านสะดวกซื้อ

มาลาวทั้งที จัด "เฝอเนื้อ" สักชาม 18,000 กีบ

เสิร์ฟมาพร้อมเครื่องเคียง

ไปส่องของคนอื่นกันบ้าง "ข้าวขาหมู"

เห็นเครื่องปรุงนึกว่าอยู่ไทย Made in Thailand. ล้วน ๆ
สำหรับการเเลกเงิน ซื้อซิมนั้น สามารถเเลกได้จากธนาคารหรือจุดเเลกเงินตรงด่านหนองคายได้เลย หรือจะมาเเลกตรงจุดพักรถก็ได้ ผมเลือกแลกเงินที่จุดพักรถ โดยไม่ได้ซื้อซิม กะจะใช้ Wifi ของที่พักหาข้อมูล เเล้วบิดไปเอง อัตราเเลกเปลี่ยนอยู่ที่ 248 LAK. นิด ๆ แลกไป 3,000.- บาท
ได้เงินลาวมา 744,000 กีบ. นับกันตาลาย รวยเลยตู!!!

ให้เวลาที่จุดพักรถประมาณ 30 นาที 13.30 น. ล้อหมุนเดินทางต่อ ถึง บขส.วังเวียง 15.30 น. ขากลับไทยยังไม่ได้วางแผน ขอดูตารางเที่ยวรถไว้ก่อน เผื่อมีการเปลี่ยนแผน

ดูไปดูมา ช่วงนี้มันช่วงเทศกาล นักท่องเที่ยวเยอะ เพื่อไม่ให้เป็นการยุ่งยากวันกลับ เราเลย Plan คร่าว ๆ โดยการซื้อตั๋วรถทัวร์จากวังเวียง - เวียงจันทร์ ราคา 40,000 กีบ/คน เเล้วไปหารถที่เวียงจันทร์กลับไทย. ซื้อตั๋วได้ที่ บขส. เลยครับ เเจ้งให้รถไปรับหน้าที่พักได้เลยครับ

จาก บขส.วังเวียง จะมีรถรับ - ส่ง โดยจะรับจาก บขส. ไปส่งยังที่พักที่เราเเจ้งเลยครับ รถทัวร์จะไม่เข้าไปในตัวเมืองวังเวียงนะครับ

"สวัสดีวังเวียง"

มาถึงเเล้ว ขอ walk in ได้มั้ย จะได้เดินดูบ้านเมืองเขาด้วย ว่าเเล้ว ก็ลงเดินกันเลยครับ ที่พักก็จองมาเเล้ว กลัวมาถึงเย็น จะได้ไม่ต้องวุ่นวายในการหา เเต่ก็นั้นเเหละครับ เดินไปได้สักพัก เจอที่พักโน้นนี่นั้น น่าสนใจ ความตั้งใจเลยเปลี่ยน...หลายใจกันจริง ๆ ที่จองไว้เลยต้องโมฆะ คืนเเรกเราเลือกพักที่ "Real Vang Vieng Backpacker Hostel" เป็นห้องแอร์ เตียง 2 ชั้น ห้องหนึ่งนอน 6 คน ห้องน้ำในตัว ชักโครก เครื่องน้ำน้ำอุ่น ราคาคนละ 65,000 กีบ/คืน สาเหตุที่เลือกเพราะอยู่ใกล้สถานที่ แฮงค์เอ้าท์ อย่าง "ซากุระบาร์" อันลือชื่อ
Check in. เก็บสัมภาระกันเลย

มาเที่ยวทั้งที จะเก็บตัวอยู่เเต่ในห้องก็ใช่ที่ เวลาเป็นของมีค่า ต้องใช้อย่างคุ้มค่า... ว่าเเล้วก็ออกสำรวจกันต่อเลย

ทุเรียนลาว หรือป่าวนะ ?

เดินลัดเลาะไปเรื่อย มาถึงวัดกลางสุวันนาราม วัดกลางเมืองวังเวียง
เริ่มหิวกันเเล้ว เจอร้านปิ้งย่าง น่ากินมาก เเถมมีให้เลือกเยอะเเยะ

จัดไส้กรอกหวานไป จำราคาไม่ได้ รสชาติเหมือนกับกุนเชียงของไทย เเต่จะเนื้อจะซุยกว่า

เดินไปก็กินกันไป "แฮมเบอร์เกอร์ลาว" 20,000 กีบ

มีตลาดนัดด้วย อารมณ์เหมือนเดินงานวัดสมัยก่อน ส่วนใหญ่เป็นของอุปโภค

ร้านทุกอย่าง 20 บาท ก็มีนะ

ลานโล่ง ๆ ที่ตลาดตั้งอยู่ก็คือ "สนามบินเก่า" ซึ่งเป็นสนามบินที่ใช้ในช่วงสงครามของลาว ปัจจุบันไม่ได้ใช้เเล้ว

ขากลับจากตลาด สะดุดตากลับของปิ้งย่างข้างถนนที่ขายโดยคุณลุงท่านหนึ่ง สอบถามได้ความว่าเป็น "เอ็นเนื้อย่าง - ไก่ย่าง"

ข้าง ๆ กัน ขาย "ข้าวจี่ - ไข่ปิ้ง"

ผมจัดเอ็นเนื้อย่างมาลอง 1 ไม้ 2,000 กีบ รสชาติใช่ได้ หอมกลิ่นเครื่องเทศ กลิ่นตะไคร้โดด เเต่เอ็นเหนียวไป บ้างชิ้นเคี้ยวไม่ขาด ต้องคายทิ้ง.

เข้ามาในตัวเมืองวังเวียง ช่วงเย็น ๆ เเม่ค้า พ่อค้าเริ่มออกมาตั้งแผงขายของกัน

เดินกันมาจนน่องตึง ขอกลับไปตั้งหลักที่ Hostel ก่อนดีกว่า คืนนี้ค่อยออกมาท่องราตรีกัน ถึงที่พักก็คลายเมื่อยกันสักขวด 2 ขวด "เบยลาว" ขวดละ 9,000 กีบ

อาบน้ำ พักชาร์จเเบตฯ กันพอประมาณ เราก็ออกไปท่องราตรีในวังเวียงคืนเเรกกัน ตรงข้าม Hostel ที่พักมี ชายสี่หมี่เกี๊ยวด้วย

คิดในใจ ไม่อดตายเเล้วตู

ช่วงนี้ส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีเป็นหลัก ฝรั่งรองลงมา

ยามค่ำคืน

ปักหมุดไว้เลย "ซากุระบาร์" ที่รัก

เดินสำรวจกันจนพอ ก็หาร้านข้าวเติมพลังกัน "ผัดผงกระหรี่เนื้อราดข้าว" (เผื่อใจไว้นิด ๆ เเล้ว ที่สั่งเพราะอยากลอง) ใช้ผงกระหรี่เหมือนไทย เเต่วิธีการทำ เเละรสชาติไม่เหมือน ดูจากหน้าตาเเละรสชาติ คาดได้ว่าผัดเหมือนผัดผักใส่เนื้อ เเต่เพิ่มเติมผงกระหรี่ลงไป รสชาติพอรับได้ ปริมาณเยอะมาก ๆ จานเดียวรู้เรื่องเลย สนนราคาจานละ 20,000 กีบ

กระเพราหมู + ไข่ดาว

ลองส้มตำลาวกัน ใส่น้ำปลาร้าด้วย ไม่มีต่อน ไม่มีถั่วฝักยาว เครื่องน้อยกว่าไทย จานละ 15,000 กีบ รสชาติอร่อยเลย

ตบท้ายด้วย "TUBORG" สักขวด 8,000 กีบ

ทานข้าวจนอิ่ม รู้สึกล้า ๆ สงสัยจะนั่งรถมานาน บวกกลับเดินสำรวจตลอดเย็น วันนี้จึงขอพักให้เต็มที่สักคืน เพื่อกิจกรรมในวันพรุ่งนี้ ก่อนเข้านอนขอลองชิมอีกสักยี่ห้อ "NAMKHONG" กระป๋องละ 5,000 กีบ

สำหรับคืนเเรก ณ.วังเวียง ราตรีสวัสดิ์

ปล. คืนนี้ในห้องเรามีเพื่อนต่างชาติเพิ่มอีก 2 คน JacK เเละ Charlie (จริง ๆ เข้าอยู่ก่อนเรา เเต่เรามีมากกว่า หุหุหุ.)
Backpack ไปเช่าสองล้อพาเลาะ "วังเวียง"...เมืองที่ได้ฉายาว่า กุ้ยหลินแห่งลาว
ได้วันเเล้วก็เริ่มจองตั๋วเดินทาง เปิดดูตั๋วเครื่องบินเเล้ว โบกมือปัดผ่านเลย ราคาเเพงเกินงบประมาณที่ตั้งไว้แน่ ๆ ผมจึงเบนเข็มมาอีกวิธี คือ รถโดยสารปรับอากาศระหว่างประเทศ หาข้อมูลจนละเอียด สรุปได้ว่า ซื้อตั๋วรถโดยสารปรับอากาศกรุงเทพฯ - อุดรธานี เลือกใช้บริการของบริษัทนครชัยแอร์ ราคา 454.-/คน รอบ 21.30 น. ของวันที่ 10 ส.ค. (ขึ้นหมอชิต ที่เลือกขึ้นหมอชิต ไม่ไปขึ้นที่บริษัทนครชัยเเอร์ เพราะผมจะเอาใบจองตั๋ว ไปรับตั๋วรถที่จะไปอุดรฯ - วังเวียง ซึ่งจะต้องใช้พาสปอร์ตของเเต่ละคน ในการออกตั๋วจริงให้) ถึงอุดร ฯ 06.30 น. ต่อรถโดยสารปรับอากาศของบริษัท บขส. อุดรฯ - วังเวียง มีรอบเดียว รอบเช้า 08.30 น. ราคา 320.-/คน เจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลว่า เดินทางใช้เวลาประมาณ 7 ชม. ถึงวังเวียง นั่งกันยาว ๆ ไปเลย
ได้เงินลาวมา 744,000 กีบ. นับกันตาลาย รวยเลยตู!!!
Check in. เก็บสัมภาระกันเลย
เริ่มหิวกันเเล้ว เจอร้านปิ้งย่าง น่ากินมาก เเถมมีให้เลือกเยอะเเยะ
สำหรับคืนเเรก ณ.วังเวียง ราตรีสวัสดิ์
ปล. คืนนี้ในห้องเรามีเพื่อนต่างชาติเพิ่มอีก 2 คน JacK เเละ Charlie (จริง ๆ เข้าอยู่ก่อนเรา เเต่เรามีมากกว่า หุหุหุ.)