พวกเราชักชวนกันไปเมืองวังเวียง ประเทศลาว 4 วัน 3 คืน โดยให้คำเปรยสำหรับทริปนี้ว่า
“ลุยๆ” การเดินทางจึงเน้นที่ราคาประหยัด + จัดหนัก +ปลอดภัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
สิ่งที่จองไว้ล่วงหน้ามีแค่ ตั๋วเครื่องบิน กทม. – อุดร และ ที่พัก เท่านั้น นอกนั้นก็หาข้อมูลคร่าวๆ แล้วไปเนียนๆเอาตามสถานการณ์
[วันที่ 1]
ขึ้น เครื่อง กทม. – อุดรธานี (จองตั๋วก่อนเดินทาง ประมาณ 2 เดือน ไป-กลับ คนละประมาณ 940 บาท) >> พวกเราจับเครื่องบินจากดอนเมือง – อุดร ไฟลท์6 โมงเช้า ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. ไม่ได้ใช้บริการโหลดกระเป๋า เพราะพอลงจากเครื่องต้องรีบเร่งไป บขส. เพื่อให้ทันรถทัวร์ไปวังเวียงที่มีวันละ 1 รอบเท่านั้น
สนามบินอุดร – บขส.อุดร (บขส.เก่า ใกล้เซนทรัล)>> เรียกแท็กซี่จากสนามบินอุดร – บขส.อุดร ในราคา “คันละ 200 บาท” (1คัน นั่งได้ 3 คน) ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีถึง บขส. คนขับแท็กซี่เป็นคนท้องถิ่นอุดรและเคยไปเที่ยววังเวียงมาหลายครั้ง เขาถามพวกเราว่า “ทำไมไปเที่ยววังเวียงตอนหน้าฝน?” ทำเอาเสียเซลฟ์ไปบ้างเล็กน้อย เพราะเกรงว่าจะไปเจอสภาพอากาศไม่อำนวยจนทำให้หมดสนุก แต่ไหนๆก็มาแล้ว ก็ยังยิ้มอ่อนและเดินหน้าต่อไป
บขส.อุดร >> พอลงจากแท็กซี่แล้วเดินตรงเข้าไปในอาคาร เลี้ยวซ้าย เจอช่องขายตั๋ววังเวียง อยู่ติดกับช่องขายตั๋วเวียงจันทน์ (มีป้ายบอกชัดเจน) ตอนซื้อตั๋วรถวังเวียง ยื่นพาสปอร์ตของทุกคนไปด้วย เพราะคนขายตั๋วจะจดเลขพาสปอร์ตของแต่ละคนไว้เป็นหลักฐาน (เพราะต้องเดินทางข้ามประเทศ) ตั๋วรถไปวังเวียง (คนละ 320 บาท) รถมีวันละ 1 รอบ ออกเวลา 08.30 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 7 ชั่วโมง คนขับบอกว่าจะถึงที่หมายปลายทางประมาณบ่ายสาม เป็นรถทัวร์ปรับอากาศ พวงมาลัยอยู่ซ้าย ประตูทางขึ้นของผู้โดยสารอยู่ขวา แอร์เย็น เบาะกว้าง คุยกันสนุก ลุกนั่งสบาย ใครที่มีกระเป๋าสัมภาระใบใหญ่ สามารถเก็บใต้ท้องรถได้ และบนรถไม่มีห้องน้ำ (ใครคิดว่าจะปวดหนัก ปวดเบา ระหว่างเดินทาง สบายใจได้ เพราะมีจุดแวะให้เข้าห้องน้ำ)
ได้ตั๋วมาแล้ว ก็เอากระเป๋าไปเก็บที่รถตามเลขที่นั่งที่ระบุไว้บนตั๋ว ยังพอมีเวลาเหลือกว่ารถจะออก พวกเราเลยเดินหาของกินรองท้อง มีให้เลือกหลากหลาย เช่น ข้าวเหนียวหมูปิ้ง ไข่กระทะพื้นเมือง โจ๊ก แล้วก็ไปเซเว่นซื้อขนมปัง ขนมขบเคี้ยว น้ำดื่ม ไว้เผื่อหิวระหว่างเดินทางด้วย เพราะรถจะไม่ได้จอดให้กินกลางวันแบบจริงจัง แต่จะแวะแค่ร้านขายของชำ ที่มีของขายเล็กๆน้อยๆ และให้เข้าห้องน้ำ เท่านั้น
**ใครที่มาไม่ทันรถที่จะไปวังเวียง สามารถนั่งรถไปลงเวียงจันทน์ก่อน แล้วค่อยต่อรถไปวังเวียงได้
เส้นทางสายธรรมชาติ อุดรธานี – หนองคาย – วังเวียง (นั่งรถคันเดียว แต่ ขึ้น – ลง ทำธุรกรรมหลายรอบ)
บขส.หนองคาย (ไม่ต้องลงรถ) >> ถ้ารถยังไม่เต็มมาจากอุดร คนขับจะแวะรับผู้ที่จะไปวังเวียงเพิ่มที่จุดนี้
ด่านพรมแดน หนองคาย (ลงรถ) >> ทุกคนลงรถไปกรอกบัตรขาออก (เตรียมตัวออกนอกประเทศ) ยื่นที่เจ้าหน้าที่ ตม.พร้อมพาสปอร์ต ตามองกล้องเวปแคม ยิ้มได้เล็กน้อย เมื่อเจ้าหน้าที่ประทับตราในพาสปอร์ตแล้ว ก็ไปขึ้นรถคันเดิม ที่นี่มีห้องน้ำสาธารณะ (คนละ 5 บาท) จากนั้นรถจะพาข้ามสะพานมิตรภาพไทย – ลาว
ด่านตรวจคนเข้าเมืองฝั่งลาว (ลงรถ..อีกแล้ว) >> ทุกคนต้องลงไปซื้อบัตร one way ticket สำหรับเข้าประเทศลาว (คนละ 5 บาท จ่ายเงินบาทได้) ตอนซื้อบัตรต้องยื่นพาสปอร์ตด้วย ถ้ามาหลายคนสามารถส่งตัวแทนกลุ่มไปซื้อและยื่นพาสปอร์ตพร้อมกันทีเดียวได้ เจ้าหน้าที่จะให้บัตร one way ticket คนละ1ใบ เป็นบัตรผ่านเข้าสู่เขตแดนลาว เดินผ่านทีละคนแบบเดียวกับรถไฟฟ้า BTS ที่ กทม.

บัตร one way ticket คนละ 5 บาท
แลกเงิน >> ข้างๆ เคาน์เตอร์เจ้าหน้าที่ ตม. จะมีเคาน์เตอร์ให้แลกเงิน พวกเรารวมกันแลก 8,000 บาท ได้เงินกีบมาประมาณ 1,936,000 กีบ (อัตราแลกเปลี่ยนวันนั้นประมาณ 1บาท = 242 กีบ) จากนั้นก็กลับไปขึ้นรถคันเดิม มุ่งหน้าวังเวียง จากจุดผ่านแดน รถจะสลับมาวิ่งเลนขวา ออกนอกเมืองเวียงจันทน์มาสักพัก จะเข้าสู่เส้นทางสายธรรมชาติสู่เมืองวังเวียง เป็นการขับรถลัดเลาะไปตามภูเขา “โค้งเยอะมาก” ผ่านโค้งซ้าย-ขวา นับไม่ถ้วน ทั้งโค้งหักมุม หักศอก โค้งแคบ โค้งกว้าง (ใครที่เมารถง่าย ควรพกยาแก้เมารถไปด้วย) พวกเราหลับๆตื่นๆ ตลอดทาง จนรถมาจอดพักที่ร้านของชำข้างทาง ก็ลงไปยืดเส้นยืดสาย เข้าห้องน้ำ (คนละ 5 บาท จ่ายเงินบาทได้) มีมาม่าคัพ ชาเขียว น้ำอัดลม กล้วยปิ้งขาย (จ่ายได้ทั้งเงินกีบและเงินบาท) คนขับรถเป็นชาวลาว ชำนาญเส้นทาง และแว๊นมาก พาพวกเราถึงตรงตามเวลาที่พูดไว้เป๊ะๆ “บ่ายสาม”
ณ วังเวียง >> หลังจากเดินทางกันมา 7 ชม. รถโดยสารก็พามาถึงวังเวียง'ชั้นนอก จุดจอดรถอยู่ที่ลานกว้างหน้าโรงแรมขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง (ซึ่งไม่ใช่ที่พักของพวกเรา 555) จากนั้นจะมี local shuttle bus (ฟรี) พาพวกเราไปสู่วังเวียง'ชั้นใน (เดาว่าที่ต้องมีการเปลี่ยนรถ เพราะถนนในตัวเมืองชั้นในค่อนข้างแคบ เลยต้องใช้รถเล็กรับ-ส่งนักท่องเที่ยว)
local shuttle bus มาส่งที่ลานหน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ใจกลางเมืองวังเวียง เป็นอันสิ้นสุดการเดินทางจริงๆ นักท่องเที่ยวแต่ละคนที่ร่วมเดินทางมาด้วยรถคันเดียวกัน ก็แยกย้ายกันเข้าที่พักที่แต่ละคนจองไว้ ส่วนพวกเราไม่รู้พิกัดที่พักที่จองไว้ ซึ่งไม่รู้ถนน ไม่รู้ซอย ไม่มีแผนที่ ไม่รู้ทิศ เลยเดินถามทางไปเรื่อยๆ

ສະບາຍດີ
อาหารวังเวียงมื้อแรก >> ระหว่างเดินหาที่พัก ก็ไปแวะกินอาหารตามสั่งที่ร้านตรงมุมถนน จัดอาหารจานเดียวไปคนละจาน ข้าวผัด ผัดกะเพราราดข้าว รวมราคามื้อแรกของพวกเรา 215,000 กีบ คิดเป็นเงินไทยก็ 895 บาท กินเสร็จก็ถามทางไปที่พักจากพนักงานในร้าน แล้วเดินไปตามทางที่เขาบอก จนเจอที่พัก อยู่ห่างจากร้านอาหารไม่ไกลมาก

อาหารวังเวียงมื้อแรก 895 บาท
ที่พัก >> ชื่อ River View Bungalows อยู่ติดริมแม่น้ำซอง ด้านหน้าเป็นแม่น้ำ + ภูเขา บรรยากาศดี ฟรี wifi มีผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ให้ มีอาหารเช้า ฝั่งตรงข้ามเป็นบาร์ริมน้ำซองสุดชิค ค่าที่พักประมาณ 400 บาท/คน/คืน เมื่อเก็บกระเป๋าเรียบร้อย ก็ชวนกันออกสำรวจเมืองกัน

ทางเดินเข้าที่พัก

มองจากห้องพัก จะเห็นวิวแม่น้ำและป่าเขาแบบนี้

บาร์ริมน้ำ ตรงข้ามที่พัก
ถ้ำจัง + สะพานสีส้ม >> โบกรถกระป๊อไปถ้ำจัง ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ค่ารถ ไป-กลับ คนละ 10,000 กีบ ไปถึงหน้าทางเข้าเสียค่าเข้า คนละ 2,000 กีบ ถึงที่นั่นตอน5โมงเย็น ซึ่งถ้ำปิดแล้ว แต่ยังสามารถเดินเล่น ถ่ายรูปกับสะพานสีส้มได้สัมผัสบรรยากาศป่าเขาและแม่น้ำซอง ถือเป็นการเริ่มต้นทำความรู้จักกับวังเวียง ก่อนจะจัดหนักกันในระลอกต่อไป นั่งรถกระป๊อคันเดิมกลับมาในตัวเมือง

ต้องใช้สะพานสีส้มเพื่อข้ามไปถ้ำจัง

ด้านหนัา+ด้านหลังของสะพานสีส้ม
บาร์ริมน้ำซอง >> เดินชมเมืองไปเรื่อยๆ ก็ไปหยุดชมพระอาทิตย์ตก ที่บาร์ริมน้ำซองตรงข้ามที่พัก ฟังเพลงดัง นั่งแพไม้ จิบเบียร์ลาว เท้าจุ่มน้ำ ดื่มด่ำธรรมชาติ บรรยากาศดี๊ ดี สมคำร่ำลือจริงๆ (เบียร์ลาวร้านนี้ขวดละ 60 บาท)

บรรยากาศบาร์ริมน้ำซอง

สะพานไม้ข้ามฝั่งไปบาร์ริมน้ำ
เมื่อ ขึ้นจากแพไม้ ก็ไปเดินหาซื้อ one day trip ไว้ล่วงหน้า เพราะวางแผนจะจัดหนักกิจกรรมกันในวันรุ่งขึ้น คำนวณแล้วว่าซื้อเป็นแพคเกจจะคุ้มกว่าเหมารถไปยังสถานที่ต่างๆเอง พวกเราซื้อทริปที่ร้าน Riverside Tours ราคาคนละ 135,000 กีบ หรือ ประมาณ 550 บาท มีกิจกรรมดังนี้ [ถ้ำน้ำ + อาหารกลางวัน + ถ้ำช้าง + พายเรือคายัก + บลูลากูน]
สิ่งที่ร้านขายทริปเตรียมให้ >> ไกด์นำเที่ยว, กระเป๋ากันน้ำ, เสื้อชูชีพ, ห่วงยาง, ไฟฉายคาดหัว, เรือคายัค, น้ำดื่มคนละขวด, อาหารกลางวัน

ร้าน Riverside Tours อยู่ติดริมถนน มองหาไม่ยาก
ดินเนอร์มื้อแรกที่วังเวียง >> ด้วยความตื่นตาตื่นใจกับร้านขายแซนวิช เบอร์เกอร์ มากมายที่ตั้งเรียงรายริมถนนในตัวเมือง พวกเราก็ลองลิ้มชิมรสแซนวิชไส้ต่างๆ เช่น เบคอน ไก่ แฮม ชีส ราคาขึ้นอยู่กับไส้ที่เลือก ระหว่าง 5,000 - 20,000 กีบ

แซนวิชแกล้ม ເບຍລາວ ได้รสชาติแปลกๆไปอีกแบบ
กินอาหารเสร็จก็เข้าห้องนอน ดูละครไทย เก็บแรงไว้จัดหนักกิจกรรมทางน้ำกันในวันพรุ่งนี้...
[CR] เด็กเมืองกรุง ไปฟริ้งฟรุ้งที่วังเวียง
สิ่งที่จองไว้ล่วงหน้ามีแค่ ตั๋วเครื่องบิน กทม. – อุดร และ ที่พัก เท่านั้น นอกนั้นก็หาข้อมูลคร่าวๆ แล้วไปเนียนๆเอาตามสถานการณ์
[วันที่ 1]
ขึ้น เครื่อง กทม. – อุดรธานี (จองตั๋วก่อนเดินทาง ประมาณ 2 เดือน ไป-กลับ คนละประมาณ 940 บาท) >> พวกเราจับเครื่องบินจากดอนเมือง – อุดร ไฟลท์6 โมงเช้า ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. ไม่ได้ใช้บริการโหลดกระเป๋า เพราะพอลงจากเครื่องต้องรีบเร่งไป บขส. เพื่อให้ทันรถทัวร์ไปวังเวียงที่มีวันละ 1 รอบเท่านั้น
สนามบินอุดร – บขส.อุดร (บขส.เก่า ใกล้เซนทรัล)>> เรียกแท็กซี่จากสนามบินอุดร – บขส.อุดร ในราคา “คันละ 200 บาท” (1คัน นั่งได้ 3 คน) ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีถึง บขส. คนขับแท็กซี่เป็นคนท้องถิ่นอุดรและเคยไปเที่ยววังเวียงมาหลายครั้ง เขาถามพวกเราว่า “ทำไมไปเที่ยววังเวียงตอนหน้าฝน?” ทำเอาเสียเซลฟ์ไปบ้างเล็กน้อย เพราะเกรงว่าจะไปเจอสภาพอากาศไม่อำนวยจนทำให้หมดสนุก แต่ไหนๆก็มาแล้ว ก็ยังยิ้มอ่อนและเดินหน้าต่อไป
บขส.อุดร >> พอลงจากแท็กซี่แล้วเดินตรงเข้าไปในอาคาร เลี้ยวซ้าย เจอช่องขายตั๋ววังเวียง อยู่ติดกับช่องขายตั๋วเวียงจันทน์ (มีป้ายบอกชัดเจน) ตอนซื้อตั๋วรถวังเวียง ยื่นพาสปอร์ตของทุกคนไปด้วย เพราะคนขายตั๋วจะจดเลขพาสปอร์ตของแต่ละคนไว้เป็นหลักฐาน (เพราะต้องเดินทางข้ามประเทศ) ตั๋วรถไปวังเวียง (คนละ 320 บาท) รถมีวันละ 1 รอบ ออกเวลา 08.30 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 7 ชั่วโมง คนขับบอกว่าจะถึงที่หมายปลายทางประมาณบ่ายสาม เป็นรถทัวร์ปรับอากาศ พวงมาลัยอยู่ซ้าย ประตูทางขึ้นของผู้โดยสารอยู่ขวา แอร์เย็น เบาะกว้าง คุยกันสนุก ลุกนั่งสบาย ใครที่มีกระเป๋าสัมภาระใบใหญ่ สามารถเก็บใต้ท้องรถได้ และบนรถไม่มีห้องน้ำ (ใครคิดว่าจะปวดหนัก ปวดเบา ระหว่างเดินทาง สบายใจได้ เพราะมีจุดแวะให้เข้าห้องน้ำ)
ได้ตั๋วมาแล้ว ก็เอากระเป๋าไปเก็บที่รถตามเลขที่นั่งที่ระบุไว้บนตั๋ว ยังพอมีเวลาเหลือกว่ารถจะออก พวกเราเลยเดินหาของกินรองท้อง มีให้เลือกหลากหลาย เช่น ข้าวเหนียวหมูปิ้ง ไข่กระทะพื้นเมือง โจ๊ก แล้วก็ไปเซเว่นซื้อขนมปัง ขนมขบเคี้ยว น้ำดื่ม ไว้เผื่อหิวระหว่างเดินทางด้วย เพราะรถจะไม่ได้จอดให้กินกลางวันแบบจริงจัง แต่จะแวะแค่ร้านขายของชำ ที่มีของขายเล็กๆน้อยๆ และให้เข้าห้องน้ำ เท่านั้น
**ใครที่มาไม่ทันรถที่จะไปวังเวียง สามารถนั่งรถไปลงเวียงจันทน์ก่อน แล้วค่อยต่อรถไปวังเวียงได้
เส้นทางสายธรรมชาติ อุดรธานี – หนองคาย – วังเวียง (นั่งรถคันเดียว แต่ ขึ้น – ลง ทำธุรกรรมหลายรอบ)
บขส.หนองคาย (ไม่ต้องลงรถ) >> ถ้ารถยังไม่เต็มมาจากอุดร คนขับจะแวะรับผู้ที่จะไปวังเวียงเพิ่มที่จุดนี้
ด่านพรมแดน หนองคาย (ลงรถ) >> ทุกคนลงรถไปกรอกบัตรขาออก (เตรียมตัวออกนอกประเทศ) ยื่นที่เจ้าหน้าที่ ตม.พร้อมพาสปอร์ต ตามองกล้องเวปแคม ยิ้มได้เล็กน้อย เมื่อเจ้าหน้าที่ประทับตราในพาสปอร์ตแล้ว ก็ไปขึ้นรถคันเดิม ที่นี่มีห้องน้ำสาธารณะ (คนละ 5 บาท) จากนั้นรถจะพาข้ามสะพานมิตรภาพไทย – ลาว
ด่านตรวจคนเข้าเมืองฝั่งลาว (ลงรถ..อีกแล้ว) >> ทุกคนต้องลงไปซื้อบัตร one way ticket สำหรับเข้าประเทศลาว (คนละ 5 บาท จ่ายเงินบาทได้) ตอนซื้อบัตรต้องยื่นพาสปอร์ตด้วย ถ้ามาหลายคนสามารถส่งตัวแทนกลุ่มไปซื้อและยื่นพาสปอร์ตพร้อมกันทีเดียวได้ เจ้าหน้าที่จะให้บัตร one way ticket คนละ1ใบ เป็นบัตรผ่านเข้าสู่เขตแดนลาว เดินผ่านทีละคนแบบเดียวกับรถไฟฟ้า BTS ที่ กทม.
บัตร one way ticket คนละ 5 บาท
แลกเงิน >> ข้างๆ เคาน์เตอร์เจ้าหน้าที่ ตม. จะมีเคาน์เตอร์ให้แลกเงิน พวกเรารวมกันแลก 8,000 บาท ได้เงินกีบมาประมาณ 1,936,000 กีบ (อัตราแลกเปลี่ยนวันนั้นประมาณ 1บาท = 242 กีบ) จากนั้นก็กลับไปขึ้นรถคันเดิม มุ่งหน้าวังเวียง จากจุดผ่านแดน รถจะสลับมาวิ่งเลนขวา ออกนอกเมืองเวียงจันทน์มาสักพัก จะเข้าสู่เส้นทางสายธรรมชาติสู่เมืองวังเวียง เป็นการขับรถลัดเลาะไปตามภูเขา “โค้งเยอะมาก” ผ่านโค้งซ้าย-ขวา นับไม่ถ้วน ทั้งโค้งหักมุม หักศอก โค้งแคบ โค้งกว้าง (ใครที่เมารถง่าย ควรพกยาแก้เมารถไปด้วย) พวกเราหลับๆตื่นๆ ตลอดทาง จนรถมาจอดพักที่ร้านของชำข้างทาง ก็ลงไปยืดเส้นยืดสาย เข้าห้องน้ำ (คนละ 5 บาท จ่ายเงินบาทได้) มีมาม่าคัพ ชาเขียว น้ำอัดลม กล้วยปิ้งขาย (จ่ายได้ทั้งเงินกีบและเงินบาท) คนขับรถเป็นชาวลาว ชำนาญเส้นทาง และแว๊นมาก พาพวกเราถึงตรงตามเวลาที่พูดไว้เป๊ะๆ “บ่ายสาม”
ณ วังเวียง >> หลังจากเดินทางกันมา 7 ชม. รถโดยสารก็พามาถึงวังเวียง'ชั้นนอก จุดจอดรถอยู่ที่ลานกว้างหน้าโรงแรมขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง (ซึ่งไม่ใช่ที่พักของพวกเรา 555) จากนั้นจะมี local shuttle bus (ฟรี) พาพวกเราไปสู่วังเวียง'ชั้นใน (เดาว่าที่ต้องมีการเปลี่ยนรถ เพราะถนนในตัวเมืองชั้นในค่อนข้างแคบ เลยต้องใช้รถเล็กรับ-ส่งนักท่องเที่ยว)
local shuttle bus มาส่งที่ลานหน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ใจกลางเมืองวังเวียง เป็นอันสิ้นสุดการเดินทางจริงๆ นักท่องเที่ยวแต่ละคนที่ร่วมเดินทางมาด้วยรถคันเดียวกัน ก็แยกย้ายกันเข้าที่พักที่แต่ละคนจองไว้ ส่วนพวกเราไม่รู้พิกัดที่พักที่จองไว้ ซึ่งไม่รู้ถนน ไม่รู้ซอย ไม่มีแผนที่ ไม่รู้ทิศ เลยเดินถามทางไปเรื่อยๆ
ສະບາຍດີ
อาหารวังเวียงมื้อแรก >> ระหว่างเดินหาที่พัก ก็ไปแวะกินอาหารตามสั่งที่ร้านตรงมุมถนน จัดอาหารจานเดียวไปคนละจาน ข้าวผัด ผัดกะเพราราดข้าว รวมราคามื้อแรกของพวกเรา 215,000 กีบ คิดเป็นเงินไทยก็ 895 บาท กินเสร็จก็ถามทางไปที่พักจากพนักงานในร้าน แล้วเดินไปตามทางที่เขาบอก จนเจอที่พัก อยู่ห่างจากร้านอาหารไม่ไกลมาก
อาหารวังเวียงมื้อแรก 895 บาท
ที่พัก >> ชื่อ River View Bungalows อยู่ติดริมแม่น้ำซอง ด้านหน้าเป็นแม่น้ำ + ภูเขา บรรยากาศดี ฟรี wifi มีผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ให้ มีอาหารเช้า ฝั่งตรงข้ามเป็นบาร์ริมน้ำซองสุดชิค ค่าที่พักประมาณ 400 บาท/คน/คืน เมื่อเก็บกระเป๋าเรียบร้อย ก็ชวนกันออกสำรวจเมืองกัน
ทางเดินเข้าที่พัก
มองจากห้องพัก จะเห็นวิวแม่น้ำและป่าเขาแบบนี้
บาร์ริมน้ำ ตรงข้ามที่พัก
ถ้ำจัง + สะพานสีส้ม >> โบกรถกระป๊อไปถ้ำจัง ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ค่ารถ ไป-กลับ คนละ 10,000 กีบ ไปถึงหน้าทางเข้าเสียค่าเข้า คนละ 2,000 กีบ ถึงที่นั่นตอน5โมงเย็น ซึ่งถ้ำปิดแล้ว แต่ยังสามารถเดินเล่น ถ่ายรูปกับสะพานสีส้มได้สัมผัสบรรยากาศป่าเขาและแม่น้ำซอง ถือเป็นการเริ่มต้นทำความรู้จักกับวังเวียง ก่อนจะจัดหนักกันในระลอกต่อไป นั่งรถกระป๊อคันเดิมกลับมาในตัวเมือง
ต้องใช้สะพานสีส้มเพื่อข้ามไปถ้ำจัง
ด้านหนัา+ด้านหลังของสะพานสีส้ม
บาร์ริมน้ำซอง >> เดินชมเมืองไปเรื่อยๆ ก็ไปหยุดชมพระอาทิตย์ตก ที่บาร์ริมน้ำซองตรงข้ามที่พัก ฟังเพลงดัง นั่งแพไม้ จิบเบียร์ลาว เท้าจุ่มน้ำ ดื่มด่ำธรรมชาติ บรรยากาศดี๊ ดี สมคำร่ำลือจริงๆ (เบียร์ลาวร้านนี้ขวดละ 60 บาท)
บรรยากาศบาร์ริมน้ำซอง
สะพานไม้ข้ามฝั่งไปบาร์ริมน้ำ
เมื่อ ขึ้นจากแพไม้ ก็ไปเดินหาซื้อ one day trip ไว้ล่วงหน้า เพราะวางแผนจะจัดหนักกิจกรรมกันในวันรุ่งขึ้น คำนวณแล้วว่าซื้อเป็นแพคเกจจะคุ้มกว่าเหมารถไปยังสถานที่ต่างๆเอง พวกเราซื้อทริปที่ร้าน Riverside Tours ราคาคนละ 135,000 กีบ หรือ ประมาณ 550 บาท มีกิจกรรมดังนี้ [ถ้ำน้ำ + อาหารกลางวัน + ถ้ำช้าง + พายเรือคายัก + บลูลากูน]
สิ่งที่ร้านขายทริปเตรียมให้ >> ไกด์นำเที่ยว, กระเป๋ากันน้ำ, เสื้อชูชีพ, ห่วงยาง, ไฟฉายคาดหัว, เรือคายัค, น้ำดื่มคนละขวด, อาหารกลางวัน
ร้าน Riverside Tours อยู่ติดริมถนน มองหาไม่ยาก
ดินเนอร์มื้อแรกที่วังเวียง >> ด้วยความตื่นตาตื่นใจกับร้านขายแซนวิช เบอร์เกอร์ มากมายที่ตั้งเรียงรายริมถนนในตัวเมือง พวกเราก็ลองลิ้มชิมรสแซนวิชไส้ต่างๆ เช่น เบคอน ไก่ แฮม ชีส ราคาขึ้นอยู่กับไส้ที่เลือก ระหว่าง 5,000 - 20,000 กีบ
แซนวิชแกล้ม ເບຍລາວ ได้รสชาติแปลกๆไปอีกแบบ
กินอาหารเสร็จก็เข้าห้องนอน ดูละครไทย เก็บแรงไว้จัดหนักกิจกรรมทางน้ำกันในวันพรุ่งนี้...