เคยเปลี่ยนจากพนักงานที่เปี่ยมด้วยความมุ่งมั่นที่จะทำเพื่อบริษัท กลายเป็นทำงานแลกเงินไปวันๆ กันไหม

แลกเปลี่ยนกันหน่อย เราอยากรู้ว่ามีใคร เป็นแบบเราบ้างไหม

จากคนที่เคยทำทุกอย่างอย่างเต็มที่เพื่อบริษัท
กลายเป็น หมดกำลังใจ หมดอารมณ์ หรือ หมดแพชชั่นอะไรบางอย่าง
ตอนนี้ ทำงาน แลกเงินไปวันๆนึง

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 16
สำหรับเหุตผลของเรา เราว่าเราลิสต์ออกมาได้ประมาณนี้ค่ะ
1. สังคมเพื่อนร่วมงาน เราบอกไม่ได้ว่าใครผิดใครถูก แต่เอาเป็นว่า มันเข้ากันไม่ได้อะคะ ลักษณะนิสัย พฤติกรรม ต่างๆ มันทำงานด้วยกันไม่ได้ค่ะ มันมีทั้งส่วนที่เราเองก็ผิด ทางนู่นเองก็ผิด พูดง่ายๆคือผิดทั้งสองฝ่าย และก็ปรับกันไม่ได้แล้วด้วย  แต่สิ่งนึงที่เรากล้ารับประกันเลยคือ เราไม่เคยจับผิดใคร เราไม่ชอบใคร เราก็จะไม่ยุ่งกับคนเหล่านั้น แต่แปลกอะ ที่คนเหล่านั้น ยุ่งกับเรา ลับหลังอยู่ได้ น่ารำคาญมาก แต่เพื่อไม่ให้การปะทะกัน เราก็นิ่งไว้ๆ มันไม่กัดเราต่อหน้า ก็ยังพอได้อยู่
2. เจ้านาย ค่อนข้างใจดีมากค่ะ แต่อย่างที่หลายๆคนแชร์มาค่ะ คือ ตอนแรก ขายฝันให้เรา ตอนแจกแจงงานส่วนของเรา เขาทำให้เรารู้สึกว่า เราสำคัญมาก ต้องมีเรา งานเราสำคัญมากเลย แน่นอน เรามีกำลังใจ มีความมุ่งมั่นเต็มที่อะ เพราะเราได้รับคำสอนมาว่า เราเป็นพนักงานบริษัทอะ บริษัทเจริญ เราก็เจริญไปด้วย ทำงานให้เต็มที่ ประมาณนี้ แต่พอทำไปเรื่อย มันไม่ใช่ละ เจ้านายเริ่มย้ำบ่อยขึ้น มรที่ประชุมรวมๆค่ะ ว่างานที่สำคัญคืองานที่ทำเงินได้ งานไหนไม่ได้สร้างรายได้ให้บริษัท ละได้ ลดได้ .......... คือเราคิดว่า หนึ่งในงานประเภทนั้น ก็คืองานเรานี่แหละ เพราะงานเรา ไม่ได้งานสร้างรายได้ แต่เป็นงานสร้างภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์อะคะ มันเลยมักจะมีคำถาม อยู่ในใจว่า สิ่งที่เราและเจ้านายเคยเข้าใจ มันยังตรงกันอยู่ไหม คนอื่นว่างานเราไร้สาระ เราไม่เคยสนใจเลยนะ เพราะเรารู้ดีว่าเรากำลังทำอะไร แต่ถ้าเป็นเจ้านายพูด .... เออ เราว่า เราหมดไฟ ก็ตรงนี้แหละมั้ง
3.งานไม่ตรงสายที่เรียนเลย เราว่าอันนี้อาจจะมีส่วนก็ได้ แต่ว่าไม่มากเท่าไหร่ คือตอนเรียนเราตั้งใจเรียนนะ ความรู้ที่มียังจดยังจำในสมองได้ตลอดเลย แต่ว่า....งานที่เราทำ มันไม่ได้เกี่ยวเลยแม้แต่น้อยอะ เราเลยคิดถึงวันเวลาเก่าๆ ความรู้เก่าๆที่เคยสั่งสมมา มันทำให้ใจเรา เรียกร้องอยากจะไปหาเส้นทางที่เราเคยเลือกเดินตอนเรียนอะ

ตอนนี้คิดออก 3 ข้ออะ ที่เป็นสาเหตุ

ส่วนของวิธีแก้ ต้องขอบคุณหลายๆคอมเม้นท์เลยค่ะ ที่บอกวิธีแก้ไขมา เราจะพยายามปรับตาม เพราะยังไงตอนนี้ เราก็ยังต้องใช้เงินอยู่อะถ้าพลี้พล่ามทำอะไรไป ตายแน่ ภาระก็มีเพียบด้วย

รอการแลกเปลีย่นเพิ่มเติมนะคะ เพื่อเปิดมุมมองใหม่ๆร่วมกันเนอะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 20
สาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้Passionมันหมดไปจากตัวพนักงานก็เพราะว่าเป้าหมายส่วนตัวของพนักงาน มันไม่ตรงกันกับบริษัท มันจึงไม่เร้าใจพอที่จะทำให้พนักงานตื่นตัวในการทำงานอีกต่อไป เช่น พนักงานอยากเลื่อนตำแหน่ง-บริษัทไม่มีนโยบายดันคน, พนักงานงานอยากออกความคิดเห็น-บริษัทไม่เปิดช่องให้เสนอความคิดเห็น อะไรแบบนี้

ถามว่าเคยเป็นไหม ตอบว่าเคย แล้วแก้ยังไง แก้ง่ายๆ 2 ทาง ทางแรกคือลาออกไปหาแพสชั่นใหม่ๆ ถ้าเราสามารถรับความเสี่ยงต่างๆได้วิธีนี้ก็ง่ายที่สุด แต่ถ้าไม่เลือกทางนี้ อีกทางหนึ่งก็คือ ให้เริ่มตั้งเป้าหมายหลักให้ตัวเองใหม่ เช่น ต้องมีเงินเก็บ 1 ล้านภายในห้าปี ต้องมีรายได้เกินแสนใน 10 ปี หรือต้องเป็นผู้บริหารให้ได้ภายใน...ปี อะไรประมานนี้ จากนั้นก็ย่อยเป้าหมายเล็กๆให้ตัวเอง เช่น ปีนี้ต้องรู้เรื่องอะไรบ้าง ต้องทำอะไรให้ทำเร็จบ้าง ต้องเพิ่มข้อมูลในPortfolioตรงไหนบ้าง อะไรประมาณนี้แล้วก็ทำไปเช็คไป ย้ำว่าต้องเช็คนะ เพราะการหันมามองรอยเท้าที่เราได้เดินผ่านมาแล้ว มันก็ช่วยเติมไฟในการทำงานให้ได้ในระดับหนึ่ง และแผนที่วางไว้ของคุณมันจะดีกับตัวคุณเองในระยะยาว

งานมันไม่สนุกเพราะมันไม่สำเร็จ เริ่มทำงานให้สำเร็จในจุดเล็กๆ เพื่อเป็นกำลังใจให้ทำงานต่อไปให้สนุก คำว่า Passion มันต้องมาพร้อมกับ Motivate ซึ่งมันควรเป็น Self-Motivate ด้วย

และคิดไว้เสมอว่างานมันคือส่วนหนึ่งที่จะทำให้เราไปถึงตามเป้าหมายของชีวิต เราทุ่มให้งานเพื่อเป้าหมายชีวิตของเรา ถ้าเรารู้ว่าจะทำงานไปเพื่ออะไร เราก็จะรู้ถึงความสำคัญของงานและความสำคัญของตัวเอง จากที่เคยทำงานแลกเงินไปวันๆก็จะเปลี่ยนเป็นทำงานเพื่อเป้าหมายในสิ่งที่เราต้องการก็จะดีกว่านะ
ความคิดเห็นที่ 22
กำลังเป็นอยู่เหมือนกัน
มันเกิดจากการที่องค์กรณ์ไม่ได้เห็นคุณค่าของพนักงาน เราจึงหมดความศรัทธาในองค์กรณ์ขึ้นเรื่อย ๆ

- วิสัยทัศของผู้บริหารที่คิดแต่จะ save cost กับสิ่งที่มันลดคุณภาพชีวิตของพนักงาน
- ความเลือกปฏิบัติ ความคอรัปชั่นและเห็นแก่พวกพ้องของ hr
- ความลูกรัก ความคนโปรด ความเต้าไต่ ไต่เต้า

คนเก่ง คนดี อยู่ยากกว่าคนตอแxล  ทำใจ และคิดซะว่าเราทำงานแลกเงินไปวัน ๆ  จบ...
ความคิดเห็นที่ 19
อันนี้เป็นความคิดส่วนตัวเรานะ

เรามีมาตรฐานการทำงานของเรา ว่างานของเราจะต้องได้ระดับไหน
ถ้าดีกว่า มาตรฐานที่ บ. กำหนด เราก็จะยังยึดกับมาตรฐานนั้น
แต่ถ้ามันต่ำกว่าที่ บ. กำหนด เราก็ต้องปรับปรุงให้ดีกว่า และรักษามาตรฐานนั้นไว

เราไม่สนใจว่า
ใครจะมีปัญหากับใคร ใครเด็กใคร ใครเลียแข้งใคร ใครประจบใคร ใครนินทาใคร ใครใส่ร้ายใคร
เราไม่สนใจว่าใครจะได้เงินเดือนเท่าไร ใครได้เลื่อนตำแหน่งเท่าไร
เราสนแค่ว่า
งานที่เราได้รับมอบหมายมาต้องเสร็จ สมบูรณ์ตามมาตรฐาน
เงินเดือนที่เราได้รับมันคุ้มเหนื่อยกับที่เราลงมือลงแรง
วันใดที่เราไม่พอใจกับตัวเลขนั้น เราก็ลาออก
ไปทำงานกับ บ. ที่ให้ตัวเลขที่เราพอใจได้ แค่นั้น

มีผู้ใหญ่ท่านนึง สอนเราไว่ว่า
"ไม่มีใครทำให้ไฟในตัวเรามอด เท่ากับตัวเราเอง"
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่