คิดจะออกจากงานประจำ มาทำธุรกิจส่วนตัว? หยุดก่อน! และจำไว้ว่า "ไม่มีวันเจ๊ง" ไม่มีอยู่จริง

​สำหรับมนุษย์เงินเดือนหลายคน ความฝันสูงสุดอาจไม่ใช่ตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง แต่คือการได้เป็น "นายตัวเอง" การมีธุรกิจส่วนตัวที่สร้างขึ้นมากับมือ คือภาพของอิสรภาพทางการเงิน เวลา และการได้ทำในสิ่งที่รักอย่างแท้จริง แต่ท่ามกลางภาพฝันอันสวยงามนั้น มีความจริงอันโหดร้ายที่หลายคนอาจมองข้ามไป หรือจงใจไม่มอง นั่นคือ ความล้มเหลว

​ประโยคที่ว่า "ถ้าเราตั้งใจจริง ยังไงก็สำเร็จ" อาจเป็นคำปลอบใจที่ดี แต่มันไม่ใช่เกราะป้องกันความล้มเหลวในโลกธุรกิจ หลายคนที่ตัดสินใจทิ้งเงินเดือนที่มั่นคง ก้าวออกจาก Comfort Zone โดยมีความเชื่อมั่นเต็มเปี่ยมว่าธุรกิจของตัวเองจะ "ไม่มีวันเจ๊ง" คือกลุ่มคนที่เสี่ยงที่สุด
​ทำไมการคิดว่า "เราไม่เจ๊งแน่" ถึงอันตราย?

​1. ทำให้ประเมินความเสี่ยงต่ำเกินไป
เมื่อความมั่นใจมีมากเกินไป เรามักจะมองข้ามปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ไม่ได้เตรียมแผนสำรองสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด เช่น เงินทุนหมุนเวียนสะดุด ลูกค้ารายใหญ่ยกเลิกออเดอร์ หรือมีคู่แข่งที่แข็งแกร่งกว่าเข้ามาในตลาด การไม่มีแผน B, C, D รองรับ ก็เปรียบเหมือนการเดินเรือออกทะเลโดยไม่มีชูชีพ

​2. คุณจะกลายเป็นทุกอย่างของบริษัท (ที่อาจจะยังทำได้ไม่ดีพอ)
ตอนทำงานประจำ คุณอาจจะเก่งเรื่องการตลาดมาก แต่เมื่อมาทำธุรกิจของตัวเอง คุณต้องเป็นทั้งนักบัญชี, นักการตลาด, ฝ่ายบุคคล, แอดมินตอบลูกค้า ไปจนถึงคนทำความสะอาดออฟฟิศ การขาดทักษะในด้านใดด้านหนึ่งไป อาจเป็นจุดอ่อนที่ทำให้ธุรกิจทั้งหมดพังลงมาได้ง่ายๆ

​3. "เงินทุน" ไม่ใช่แค่เงินตั้งต้น แต่คือสายป่านที่ต้องยาวพอ
หลายคนคำนวณแค่ "เงินลงทุนก้อนแรก" แต่ลืมคิดถึง "เงินทุนหมุนเวียน" (Working Capital) ที่ต้องใช้หล่อเลี้ยงธุรกิจในวันที่ยังไม่มีกำไร หรือรายรับไม่เข้าตามเป้า นี่คือสาเหตุอันดับต้นๆ ที่ทำให้ธุรกิจเล็กๆ ไปไม่รอดในช่วง 3-6 เดือนแรก เพราะสายป่านหมดก่อนที่ธุรกิจจะทันได้ตั้งตัว

​4. ความหลงใหล (Passion) อย่างเดียวไม่พอเลี้ยงชีพ
คุณอาจจะรักการทำเบเกอรี่มาก แต่ความรักอย่างเดียวไม่สามารถจ่ายค่าเช่าร้าน ค่าน้ำ ค่าไฟได้ คุณต้องเข้าใจเรื่องการตลาด การตั้งราคา การควบคุมต้นทุน และการหาลูกค้าด้วย ความหลงใหลเป็นเชื้อเพลิงที่ดี แต่แผนธุรกิจที่แข็งแกร่งคือเครื่องยนต์ที่จะขับเคลื่อนให้ธุรกิจไปต่อได้

​เช็คลิสต์ที่ต้องถามตัวเอง ก่อนยื่นใบลาออก
​หากคุณยังคงมุ่งมั่นที่จะเดินในเส้นทางนี้ ลองตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้เสียก่อน ไม่ใช่เพื่อบั่นทอนกำลังใจ แต่เพื่อสร้าง "เกราะป้องกัน" ที่ดีที่สุด

​มีเงินสำรองสำหรับใช้ชีวิตส่วนตัวหรือไม่? คุณควรมีเงินเก็บที่สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้โดยไม่มีรายได้เลยอย่างน้อย 6-12 เดือน เพราะธุรกิจอาจต้องใช้เวลานานกว่าจะเริ่มทำกำไร

​ทดลองตลาดแล้วหรือยัง? ไอเดียของคุณดีแค่ในหัวหรือเปล่า? ลองทำเป็นอาชีพเสริม (Side Hustle) ก่อนไหม? เพื่อดูว่ามีคนยอมจ่ายเงินเพื่อสินค้าหรือบริการของคุณจริงหรือไม่

​แผนธุรกิจชัดเจนแค่ไหน? ไม่ต้องสวยหรู แต่ต้องตอบได้ว่า ลูกค้าคือใคร? จะหาลูกค้าจากไหน? ต้นทุนเท่าไหร่? จะตั้งราคาขายอย่างไร? และจุดคุ้มทุนอยู่ที่ไหน?

​คุณพร้อมที่จะทำงานหนักกว่าเดิมหรือไม่? การเป็นนายตัวเองไม่ได้แปลว่าทำงานน้อยลง ในช่วงแรก คุณอาจต้องทำงาน 7 วันต่อสัปดาห์ วันละ 12-15 ชั่วโมง

​มีที่ปรึกษาหรือคนสนับสนุนที่ดีแล้วหรือยัง? การเดินทางคนเดียวมันเหนื่อยและโดดเดี่ยว การมีคนที่คอยให้คำแนะนำ หรือแม้กระทั่งครอบครัวที่เข้าใจ คือกำลังใจที่สำคัญมาก

​การลาออกจากงานประจำมาทำธุรกิจส่วนตัวไม่ใช่เรื่องผิด และเป็นความกล้าหาญที่น่าชื่นชม แต่การกระโจนลงมาทั้งตัวโดยปราศจากการเตรียมพร้อม และมีความเชื่อแบบลมๆ แล้งๆ ว่า "ฉันไม่เจ๊งแน่นอน" คือการเดินทางสู่ความล้มเหลวที่เร็วที่สุด

​จงเปลี่ยนความคิดจาก "ทำอย่างไรให้ไม่เจ๊ง" เป็น "ถ้าเจ๊งขึ้นมา เราจะรับมืออย่างไร และจะลุกขึ้นใหม่ได้อย่างไร"

​เพราะการยอมรับในความเสี่ยงและเตรียมพร้อมสำหรับความล้มเหลวต่างหาก คือคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของ "เจ้าของธุรกิจ" ที่จะประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืนในโลกแห่งความจริง

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่