หากพระสงฆ์หรือญาติโยมใช้คำพูดในเชิงชักจูง, ชี้ชวนให้ทำทานด้วยปัจจัย แบบนี้หากญาติโยมอีกฝ่ายไม่พร้อม ณ. ตอนนั้น?

กระทู้คำถาม
เมื่อวานนี้ จากที่ได้ไปวัดกับเพื่อนอีก2 คน ในครั้งแรกที่วัดนี้.  

เวลาก่อนจะลากลับ ก็มีโยมแม่ออกคนคนหนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นคนประจำอยู่ที่นั่นค่ะ  
ท่านก็บอกกับเพื่อนที่ไปด้วยกันว่า ก่อนจะกลับให้ไปกราบลาหลวงพ่อก่อน.
แล้วก็บอกกับเพื่อนที่ไปด้วยกันว่า จะใส่ซองเท่าไหร่ก็มีซองอยู่ที่นั่นไว้แล้วนะ หรือจะปักใส่ต้นคริสต์มาสก็แล้วแต่.
เพื่อนที่ไปด้วยกันก็รู้สึกยังไม่เท่าไหร่ กับการบอกครั้งแรกค่ะ

แต่ตอนเข้าไปกราบลาหลวงพ่อ เท่านั้นแหละ หลวงพ่อก็บอกว่าให้มองดูที่ดอกต้นคริสต์มาส ( ความหมายในเชิง ชวนให้เราทำทานด้วยปัจจัยไปปักไว้ที่ต้นคริสต์มาส เเล้วเรียก ดอกครีสต์มาสค่ะ) และโยมผู้หญิงคนนั้นก็มาบอกอีกว่า จะช่วยค่าน้ำ ค่าไฟก็ใส่ซองก็ได้ หรือจะเอาเงินไปปักไว้ที่ต้นครีสต์มาสก็ได้นะ

ส่วนตัวเราเองก็ได้ทำทานไปก่อนหน้านี้แล้วในอีกห้องหนึ่ง ซึ่งไม่ได้ปักเงินที่ต้นครีสต์มาส ณ ที่ๆไปกราบลาหลวงพ่อ และเราได้เตรียมเงินมาเท่านั้น เราก็ไม่ได้ปักเงินที่ต้นคริสต์มาส แต่ก็ได้กราบเรียนกับหลวงพ่อไปว่า. โยมได้ช่วยค่าน้ำค่าไฟไปแล้วในอีกห้องอีกห้องหนึ่งเจ้าค่ะ. หลวงพ่อเลยพูดว่า เหรองั้นก็แล้วไป.

ส่วนเพื่อนๆที่มาด้วยนั้นเริ่มรู้สึกอึดอัดกับการที่โยมผู้หญิง และหลวงพ่อ กล่าวในเชิง ชักชวนให้ช่วยค่านำ้ค่าไฟให้กับทางวัดค่ะ และ เพื่อนๆมาคุยกับตอนขับรถกลับ ว่าถ้าจะช่วย จะขอช่วยด้วยใจที่ปรารถนาจะช่วยเอง. แต่ไม่ใช่มาชักชวนแบบอ้อมแอ้มเช่นนี้ สุดท้าย เพื่อนๆก็ไม่ช่วยเลยค่ะ

คำถามมีอยู่ว่า.  หลวงพ่อ และโยมผู้หญิงคนนั้น ปฏิบัติที่ ขัดกับหลักของคำวอนของพระพุทธเจ้า หรือในคำสอนของพระไตรปิฎกมั๊ยคะ
ขอผู้รู้ ช่วยไขข้อข้องใจให้ด้วยค่ะ. ขอบพระคุณค่ะ จบ.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่