ขบวนการใช้สิทธิขรก.โกงยา “สวมสิทธิ-ยิงยา-ช็อปปิ้งยา” – ปี’59 ใช้บริการกว่า 27.8 ล้านครั้ง ( แต่จับมือใครดมไม่ได้ ? )

ขบวนการใช้สิทธิขรก.โกงยา “สวมสิทธิ-ยิงยา-ช็อปปิ้งยา” – ปี’59 ใช้บริการกว่า 27.8 ล้านครั้ง
14 สิงหาคม 2017
https://thaipublica.org/2017/08/corruption-in-medical-service-fee-for-thai-government-official/

จากกรณีสำนักงานคณะกรรมการป้องและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)แถลงข่าวเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2560 ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเห็นชอบให้สำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทำข้อเสนอแนะถึงคณะรัฐมนตรี เพื่อใช้เป็นแนวทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหาทุจริตในกระบวนการเบิกจ่ายยา

คณะอนุกรรมการเพื่อศึกษามาตรการป้องกันการทุจริตในกระบวนการเบิกจ่ายยา ที่มีนายภักดี โพธิศิริ อดีตกรรมการป.ป.ช. เป็นประธานอนุกรรมการ ซึ่งตั้งขึ้นตามมติของคณะกรรมการป.ป.ช. เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2559 ได้ดำเนินการศึกษา รวบรวม วิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการเบิกจ่ายยา โดยได้ทำงานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI), และกรมบัญชีกลาง ทำการศึกษาข้อมูลที่แต่ละหน่วยงานได้เคยรวบรวมพฤติกรรมความผิดที่เคยเกิดขึ้นเอาไว้ โดยพบว่าสาเหตุที่ทำให้ค่ารักษาพยาบาลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเกิดจากหลายปัจจัย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการทุจริตที่มีความเชื่อมโยงกันเป็นเครือข่าย

จากการรวบรวมข้อมูล ป.ป.ท. เริ่มพบความผิดปกติเกี่ยวกับการทุจริตในปี 2553 ภายหลังจากงบประมาณที่ใช้สำหรับค่ารักษาพยาบาลข้าราชการและเครือญาติ เพิ่มสูงขึ้นกว่า 3 เท่าจากปี 2547 เบิกจ่าย 26,000 ล้านบาท เป็น 61,000 ล้านบาท ในปี 2552 จนในที่สุดมีการจับกุมข้าราชการ 8 ราย ที่ทุจริตเบิกค่ายามูลค่าความเสียหายกว่า 4.6 ล้านบาท ในครั้งนั้นป.ป.ท.พบมูลเหตุจูงใจที่ทำให้เกิดการทุจริตใน 3 ประเด็น คือ

    1. การสมคบกันระหว่างโรงพยาบาล แพทย์ ผู้บริษัทผู้ผลิตจำหน่ายยา หากแพทย์มีความเห็นสนับสนุนยาชนิดนั้นๆ จะได้รับการตอบแทนด้วยค่าคอมมิชชั่นในรูปแบบต่างๆ เช่น ยาแถม ตัวเงิน หรือ อาจเป็นการท่องเที่ยวต่างประเทศในรูปแบบของการสัมมนาดูงานในต่างประเทศ

    2. เกิดจากช่องโหว่ระบบการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นระบบจ่ายตรงจากกรมบัญชีกลาง โดยผู้ใช้สิทธิรักษาพยาบาลไม่ต้องสำรองจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลเองเหมือนในอดีต ผู้ใช้สิทธิจึงไม่ทราบว่าได้ใช้สิทธิไปเท่าใด ขณะที่โรงพยาบาลแจ้งค่ารักษาพยาบาลกรมบัญชีกลางเท่าใด กรมบัญชีกลางก็จ่ายงบประมาณชดใช้คืนเท่านั้น

    3. ระบบคอมพิวเตอร์ของแต่ละโรงพยาบาล ไม่สามารถเชื่อมโยงกันได้ เนื่องจากโรงพยาบาลมีสังกัดหลายหน่วยงาน เช่น กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงกลาโหม กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบพฤติกรรมที่เวียนขอรับยาตามโรงพยาบาลต่างๆได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่