เงิน 1,000,000 บาท
เงิน 1 ล้านบาท หากเราเอาไปซื้อรถ จะได้รถระดับกลางๆ ตัวท๊อป ๆ Honda civic toyota altis หรือ รถกระบะ 4 ประตู
หลังจากนั้น เราก็มีรายจ่ายตามมา ค่าน้ำมัน ซ่อมแซม ประกัน ทางด่วน....
หากเรานำเงินไปลงทุนในหุ้นที่ได้ปันผลตามตลาด (เครื่องจักรผลิตเงิน) 1 ล้านบาท
เราจะได้เงินปันผล เฉลี่ย 4-5% หมายความว่า ได้ปันผล 40,000 - 50,000 บาทต่อปี หรือ 4-5000 บาทต่อเดือน
ถ้าหากเป็นเงิน 10 ล้าน เราจะได้ปันผล 400,000 - 500,000 บาทต่อปี หรือ 4-50000 บาทต่อเดือน
ถ้าหากเป็นเงิน 20 ล้าน เราจะได้ปันผล 800,000 - 1,000,000 บาทต่อปี หรือ 7-80000 บาทต่อเดือน
แต่ในความเป็นจริง ราคาหุ้นย่อมขึ้นหรือลงตามผลประกอบการของบริษัท หากเรามีความรู้ความสามารถบ้าง ย่อมได้กำไรเฉลี่ยๆ 10-15% ต่อปี ด้วยความมหัศจรรย์ของดอกเบี้ยทบต้น เงิน 1ล้าน จะกลายเป็น 2 ล้าน ในเวลา 5-7 ปี และเรายังได้ปันผลตลอดทางอีกทุกๆปี
ถ้าเราสามารถทำผลตอบแทน 20% ต่อปีทบต้น
เงิน 1ล้าน จะกลายเป็น 2ล้าน ในเวลา 3 ปีครึ่ง
จะเห็นได้ว่า ยิ่งทำผลตอบแทนได้มากขึ้น ก็จะช่วยประหยัดเวลาได้มากขึ้น
กลับกันหากเราใช้เงิน 1 ล้านซื้อรถ ผ่านไป 5-7 ปี ราคาย่อมลดลง มากกว่า 50-60% หรือมีมูลค่าไม่ถึง 5-600000 บาทด้วยซ้ำ
ปล. ไปพบบทความนี้ เห็นว่าน่าสนใจดีครับ เลยนำมาแชร์ ตามจริงแล้ว สัดส่วนผลตอบแทนมันคงไม่โลกสวยอะไรแบบนี้ แต่โดยหลักการมันน่าสนใจมากครับ
ลงทุนกับหุ้น กับการซื้อรถ
เงิน 1,000,000 บาท
เงิน 1 ล้านบาท หากเราเอาไปซื้อรถ จะได้รถระดับกลางๆ ตัวท๊อป ๆ Honda civic toyota altis หรือ รถกระบะ 4 ประตู
หลังจากนั้น เราก็มีรายจ่ายตามมา ค่าน้ำมัน ซ่อมแซม ประกัน ทางด่วน....
หากเรานำเงินไปลงทุนในหุ้นที่ได้ปันผลตามตลาด (เครื่องจักรผลิตเงิน) 1 ล้านบาท
เราจะได้เงินปันผล เฉลี่ย 4-5% หมายความว่า ได้ปันผล 40,000 - 50,000 บาทต่อปี หรือ 4-5000 บาทต่อเดือน
ถ้าหากเป็นเงิน 10 ล้าน เราจะได้ปันผล 400,000 - 500,000 บาทต่อปี หรือ 4-50000 บาทต่อเดือน
ถ้าหากเป็นเงิน 20 ล้าน เราจะได้ปันผล 800,000 - 1,000,000 บาทต่อปี หรือ 7-80000 บาทต่อเดือน
แต่ในความเป็นจริง ราคาหุ้นย่อมขึ้นหรือลงตามผลประกอบการของบริษัท หากเรามีความรู้ความสามารถบ้าง ย่อมได้กำไรเฉลี่ยๆ 10-15% ต่อปี ด้วยความมหัศจรรย์ของดอกเบี้ยทบต้น เงิน 1ล้าน จะกลายเป็น 2 ล้าน ในเวลา 5-7 ปี และเรายังได้ปันผลตลอดทางอีกทุกๆปี
ถ้าเราสามารถทำผลตอบแทน 20% ต่อปีทบต้น
เงิน 1ล้าน จะกลายเป็น 2ล้าน ในเวลา 3 ปีครึ่ง
จะเห็นได้ว่า ยิ่งทำผลตอบแทนได้มากขึ้น ก็จะช่วยประหยัดเวลาได้มากขึ้น
กลับกันหากเราใช้เงิน 1 ล้านซื้อรถ ผ่านไป 5-7 ปี ราคาย่อมลดลง มากกว่า 50-60% หรือมีมูลค่าไม่ถึง 5-600000 บาทด้วยซ้ำ
ปล. ไปพบบทความนี้ เห็นว่าน่าสนใจดีครับ เลยนำมาแชร์ ตามจริงแล้ว สัดส่วนผลตอบแทนมันคงไม่โลกสวยอะไรแบบนี้ แต่โดยหลักการมันน่าสนใจมากครับ