ตอนเด็กๆ เราอาศัยอยู่กับป้า พ่อกับเเม่เราเลิกกันและต่างคนต่างไปมีครอบครัวใหม่แล้ว อยุ่ที่บ้านเราเป้นคนนิ่งๆ ไม่ค่อยพูด ชอบเก็บตัว แต่เวลาอยู่ที่โรงเรียนเราเป็นร่าเริง หัวเราะเก่ง เวลาครูนัดพบผู้ปกครอง ครูชอบบอกกับเเม่เราว่า เราชอบนั่งเหม่อ และผลการเรียนต่ำจนน่าเป็นห่วง เราเลยต้องย้ายมาอยู่กับเเม่ พาเรามาเรียนกับน้องที่โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง เเม่เราเป็นครูอยู่ที่นี่แหละ ที่นี่มีแต่คนรวยที่ชอบอวดและชอบดูถูกคนอื่น เราอ่านและเขียนภาษาอังกฤษไม่ได้เลย เวลาครูต่างชาติถามเราก็ตอบไม่ได้ มีเพื่อนหัวเราะบ้าง ด่าเราว่าโง่บ้าง ครูที่สอนเราชอบไปบอกเเม่เราว่า เราไม่สนใจเรียน สอบเก็บคะเเนนตกบ่อยมาก แม่ก็จะมากดดันเราอีกทีว่าทำไมทำไม่ได้ เเม่บอกเสมอว่าเราเป้นลูกครู เป้นลูกแม่ ทำอะไรผิดเขาก็มามองที่แม่ หมายความว่าเราต้องรักษาภาพพจน์ให้เเม่ไปด้วยหรือป่าว เราจิตตก รู้สึกอยากหนีไปให้พ้นจากคนพวกนี้ เราพยายามอย่างมากที่จะปรับตัวให้เขากับคนที่นี่ เพื่อให้ทุกคนยอมรับ อะไรหลายๆอย่างมันเริ่มสอนเราว่า ถ้าเราอ่อนแอ สังคมก็จะทำร้ายเราซ้ำๆ
เราทะเลาะกับเเม่บ่อยมาก แม่ชอบกดดันเราให้เราตอบคำถามบางอย่าง ถ้าเราตอบไม่ได้ แม่ก็จะบีบให้เราพูดอยู่แบบนั้น เราเคยโดนเเม่กดดันให้พูดเกือบ6ชั่วโมงเลยแหละ แต่ถ้าเราเถียง เเม่ก็จะด่าๆๆๆๆ มันมีถ้อยคำมากมายที่อยากอธิบาย แต่เราพูดไม่ได้ มันพูดไม่ออกและพูดทุกอย่างที่คิดไม่ได้ เราทำได้แค่ฟังนิ่งๆ บางทีน้ำตาก็ไหล เราเริ่มเป็นคนขี้อิจฉา เพราะแม่ชอบเปรียบเทียบเรากับน้องบ้าง คนอื่นๆบ้าง บอกอยากให้เราเป็นแบบนี้แบบนั้น จะเป็นแบบไหนอีกล่ะ ทุกวันนี้พยายามจะแย่อยู่แล้ว มีแต่คนบอกว่าเราเหมือนเด็กขาดความอบอุ่น มันก็อาจจะใช่อ่ะนะ เราโหยหาความรักมากๆ แต่ไม่ได้ต้องการความรักจากครอบครัวแล้ว เราต้องการความรักจากคนอื่นมาเติมเต็ม
เราชอบคนๆหนึ่ง แต่เขาเป็นนักร้องนะ ดังด้วย ชอบเหมือนผู้หญิงคนหนึ่งที่รักผู้ชายคนหนึ่งเลย คือก็แค่ชอบน่ะ ไม่ได้หวังอะไร เรามีเขาเป็นเเรงผลักดันในชีวิต เป็นความสุขอย่างเดียวที่เราเรียกว่าความสุขได้เต็มปาก
เราทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยตั้งแต่เรียนมอปลาย ที่เราทำงานเพราะเราอยากหาเงินไปติวหนังสือแบบเพื่อนๆแบบน้องเราบ้าง เราอยากเป็นครูสอนดนตรี แต่เเม่มองว่าเป็นอาชีพที่ไม่มั่นคง ทำไมไม่เรียนอะไรที่มันหางานง่ายๆ จริงๆเรายอมแม่ได้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องอนาคตตัวเองนี่แหละ เรารู้ว่าเเม่หวังดี แต่ถ้ามันไม่ใช่สิ่งที่เราเลือกเราจะมีความสุขจริงๆเหรอ ชีวิตเรานะ มันจะพังมันจะดี เราไม่ใช่เหรอที่เป็นผู้เผชิญกับมัน ไม่ใช่ใครเลย เราตัดสินใจไม่เรียนต่อ เพราะเราจะหาเงินเรียนเอง เคยพยายามจะเดินตามอย่างที่คนอื่นสนับสนุนนะ สุดท้ายมันก็ล้มเหลว และเราไม่ได้ต้องการจะทำมันจริงๆ เรายิ่งโดนกดดันเข้าไปอีก ปัญหาต่างๆมันประดังประเดเข้ามาจนเราไม่ได้รับรู้อะไร
เราเริ่มเป็นสร้างกำแพงกับตัวเองมากขึ้น เริ่มเข้าสู้ภาวะซึมเศร้า มองโลกในเเง่ร้าย กลัวสายตากลัวคำพูดของญาติพี่น้อง กลัวจะมองว่าเรากำลังทิ้งอนาคตตัวเอง เราไม่ได้ทิ้งนะ เราแค่กำลังทบทวนว่าจะเอายังไงต่อดี เราผิดที่ไม่เข้มเเข็งพอที่จะต่อสู้เพื่อสิ่งที่เรารัก เรากลัวว่าถ้าก้าวไปในเส้นทางนี้มันจะล้มเหลวอีกไหม เราคิดแต่เรื่องของตัวเอง จนไม่ได้ใส่ใจใครเลย เราสนใจแต่ติมตามข่าวคนที่ชอบ(หมายถึงนักร้องคนนั้น) ดูรูปเขาให้มีกำลังใจ คือเราสนใจแค่ต้องการจะฮีลให้ตัวเองกลับมาเข้มเเข็งอีกรอบเฉยๆ ด้วยความที่เราเป็นคนนิ่ง เงียบอยุ่แล้ว แม่เลยมองว่าเราสนใจแต่เพื่อนที่ทำงานมากกว่าคนในครอบครัว เป็นแบบนี้มันไม่เจริญหรอกงู้นงี้ บอกว่าทำไมไม่นึกถึงบุญคุณของคนในครอบครัวบ้าง ไม่สนใจใครแล้วเราจะเหลือใคร เราเฟลนะ
กับที่ทำงานเราไม่เป็นนะ เราเป้นแต่กับที่ครอบครัว เหมือนอยุ่ที่ทำงาน เราเต็มที่กับทุกอย่าง เราร่าเริงเเจ่มใส่ดี แต่พอกลับมาบ้าน เราเหนื่อยอะไรไม่รู้ เราจิตตก เราเก็บตัว เราอยากหายจากสภาวะแบบนี้ เรากำลังรู้สึกว่าเราไม่มีค่า ไม่ใช่ว่าเราไม่รักตัวเองนะ เรารักตัวเองมากๆ จนเราไม่สนใจใครเลยช่วงนี้ เราอยากจะตะโกนใส่เเม่ดังๆว่าหยุดพูดทำร้ายจิตใจสักที ไม่รู้อะไรอย่าพูดสิ เเต่เราำไม่ได้ แม่ไม่ได้รับรู้ด้วยว่าเรากำลังป่วยเป็นแบบนี้ จะเล่าให้ใครฟังก็ไม่ได้ไว้ใจขั้นนั้น เราจะทำยังไงดีคะ
เหมือนเรากำลังป่วยทางอารมย์หรือป่าว
เราทะเลาะกับเเม่บ่อยมาก แม่ชอบกดดันเราให้เราตอบคำถามบางอย่าง ถ้าเราตอบไม่ได้ แม่ก็จะบีบให้เราพูดอยู่แบบนั้น เราเคยโดนเเม่กดดันให้พูดเกือบ6ชั่วโมงเลยแหละ แต่ถ้าเราเถียง เเม่ก็จะด่าๆๆๆๆ มันมีถ้อยคำมากมายที่อยากอธิบาย แต่เราพูดไม่ได้ มันพูดไม่ออกและพูดทุกอย่างที่คิดไม่ได้ เราทำได้แค่ฟังนิ่งๆ บางทีน้ำตาก็ไหล เราเริ่มเป็นคนขี้อิจฉา เพราะแม่ชอบเปรียบเทียบเรากับน้องบ้าง คนอื่นๆบ้าง บอกอยากให้เราเป็นแบบนี้แบบนั้น จะเป็นแบบไหนอีกล่ะ ทุกวันนี้พยายามจะแย่อยู่แล้ว มีแต่คนบอกว่าเราเหมือนเด็กขาดความอบอุ่น มันก็อาจจะใช่อ่ะนะ เราโหยหาความรักมากๆ แต่ไม่ได้ต้องการความรักจากครอบครัวแล้ว เราต้องการความรักจากคนอื่นมาเติมเต็ม
เราชอบคนๆหนึ่ง แต่เขาเป็นนักร้องนะ ดังด้วย ชอบเหมือนผู้หญิงคนหนึ่งที่รักผู้ชายคนหนึ่งเลย คือก็แค่ชอบน่ะ ไม่ได้หวังอะไร เรามีเขาเป็นเเรงผลักดันในชีวิต เป็นความสุขอย่างเดียวที่เราเรียกว่าความสุขได้เต็มปาก
เราทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยตั้งแต่เรียนมอปลาย ที่เราทำงานเพราะเราอยากหาเงินไปติวหนังสือแบบเพื่อนๆแบบน้องเราบ้าง เราอยากเป็นครูสอนดนตรี แต่เเม่มองว่าเป็นอาชีพที่ไม่มั่นคง ทำไมไม่เรียนอะไรที่มันหางานง่ายๆ จริงๆเรายอมแม่ได้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องอนาคตตัวเองนี่แหละ เรารู้ว่าเเม่หวังดี แต่ถ้ามันไม่ใช่สิ่งที่เราเลือกเราจะมีความสุขจริงๆเหรอ ชีวิตเรานะ มันจะพังมันจะดี เราไม่ใช่เหรอที่เป็นผู้เผชิญกับมัน ไม่ใช่ใครเลย เราตัดสินใจไม่เรียนต่อ เพราะเราจะหาเงินเรียนเอง เคยพยายามจะเดินตามอย่างที่คนอื่นสนับสนุนนะ สุดท้ายมันก็ล้มเหลว และเราไม่ได้ต้องการจะทำมันจริงๆ เรายิ่งโดนกดดันเข้าไปอีก ปัญหาต่างๆมันประดังประเดเข้ามาจนเราไม่ได้รับรู้อะไร
เราเริ่มเป็นสร้างกำแพงกับตัวเองมากขึ้น เริ่มเข้าสู้ภาวะซึมเศร้า มองโลกในเเง่ร้าย กลัวสายตากลัวคำพูดของญาติพี่น้อง กลัวจะมองว่าเรากำลังทิ้งอนาคตตัวเอง เราไม่ได้ทิ้งนะ เราแค่กำลังทบทวนว่าจะเอายังไงต่อดี เราผิดที่ไม่เข้มเเข็งพอที่จะต่อสู้เพื่อสิ่งที่เรารัก เรากลัวว่าถ้าก้าวไปในเส้นทางนี้มันจะล้มเหลวอีกไหม เราคิดแต่เรื่องของตัวเอง จนไม่ได้ใส่ใจใครเลย เราสนใจแต่ติมตามข่าวคนที่ชอบ(หมายถึงนักร้องคนนั้น) ดูรูปเขาให้มีกำลังใจ คือเราสนใจแค่ต้องการจะฮีลให้ตัวเองกลับมาเข้มเเข็งอีกรอบเฉยๆ ด้วยความที่เราเป็นคนนิ่ง เงียบอยุ่แล้ว แม่เลยมองว่าเราสนใจแต่เพื่อนที่ทำงานมากกว่าคนในครอบครัว เป็นแบบนี้มันไม่เจริญหรอกงู้นงี้ บอกว่าทำไมไม่นึกถึงบุญคุณของคนในครอบครัวบ้าง ไม่สนใจใครแล้วเราจะเหลือใคร เราเฟลนะ
กับที่ทำงานเราไม่เป็นนะ เราเป้นแต่กับที่ครอบครัว เหมือนอยุ่ที่ทำงาน เราเต็มที่กับทุกอย่าง เราร่าเริงเเจ่มใส่ดี แต่พอกลับมาบ้าน เราเหนื่อยอะไรไม่รู้ เราจิตตก เราเก็บตัว เราอยากหายจากสภาวะแบบนี้ เรากำลังรู้สึกว่าเราไม่มีค่า ไม่ใช่ว่าเราไม่รักตัวเองนะ เรารักตัวเองมากๆ จนเราไม่สนใจใครเลยช่วงนี้ เราอยากจะตะโกนใส่เเม่ดังๆว่าหยุดพูดทำร้ายจิตใจสักที ไม่รู้อะไรอย่าพูดสิ เเต่เราำไม่ได้ แม่ไม่ได้รับรู้ด้วยว่าเรากำลังป่วยเป็นแบบนี้ จะเล่าให้ใครฟังก็ไม่ได้ไว้ใจขั้นนั้น เราจะทำยังไงดีคะ