มีใครเป็นอย่างผมบ้าง ในการใส่ซองเพื่อการทำบุญในงานต่างๆ?

โดยส่วนตัว หากมีคนที่รู้จักทั้งสนิทและไม่สนิทมาชวนทำบุญโดยการบริจาคเงิน ผมมักจะไม่ปฏิเสธ เพราะการทำบุญ ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีแต่ต้องทำตามความพร้อมของเรา(เงินในกระเป๋า)

แต่จะมีเคสหนึ่งที่ผมมักจะคิดมาก คิดกลับไปกลับมาก็คือ ในเรื่องของการทำบุญช่วยงานศพ  งานแต่ง   คือว่าผมจะมีเรทหรือจำนวนเงินที่จะใส่ให้แต่ละคน ว่าเราสิทกันมากน้อยแค่ไหน ? ตรงนี้ถือว่าไม่ผิดใช่ไหมครับ?

แต่บางครั้ง ที่ผมกังวลคือ ด้วยหน้าที่การงานของผมที่หลายๆคนที่รู้จักหรือไม่รู้จัก จะมองว่าผมหน้าที่การงานดีพอสมควร(ซึ่งตรงนี้ผมก็คิดว่าอย่างนั้น) แต่ผมไม่ใช่ระดับผจก แต่เป็นระดับรองๆลงมาเท่านั้น
หลายๆครั้งที่มีงานบุญประเภทนี้มาพร้อมๆกัน สองงานบ้าง สามงานบ้าง  ซึ่งบางครั้งผมไม่อาจที่จะใส่ตามเรทที่กำหนดได้แม้ว่าจะสนิทกันกับเจ้าของงาน
แต่ก็ไม่ได้ใส่ซองให้น้อยจนน่าเกลียด  ซึ่งผมจะกังวลกลัวว่า เขาจะว่าทำไมใส่น้อย(ตอนเปิดซอง)  อะไรประมาณนี้ ซึ่งบางครั้งผมต้องฉีกซองแล้วใส่เงินเข้าไปใหม่(เปลี่ยนซอง) เพื่อความเหมาะสม(ซึ่งเงินผมขณะนั้นอาจไม่ค่อยมีมาก)

สิ่งนี้มันคือข้อเสียของผมใช่ไหมครับ?  แต่ไม่ใช่ข้อเสียของการใส่ซองทำบุญ

ผมเข้าใจละว่า  เราทำบุญ ให้ทำตามศรัทธา  แต่ บางครั้งดูเหมือนสังคมบางกลุ่มจะ กดดันให้ผมต้องใส่ซองให้สมฐานะ  ซึ่งดูแล้ว มันคือภาษีสังคม ใช่ไหมครับ

คือบางครั้งผมคิดมากกับเรื่องนี้จริงๆ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
กำลังแต่ละคนไม่เท่ากัน และแต่ละคน ในบางเวลาก็มีกำลังมากน้อยต่างกันไป การทำบุญด้วยการบริจาคทาน จึงให้ทำตามกำลังของตน ช่วยเหลือเค้าโดยไม่ได้ทำให้เราต้องเดือดร้อนไปด้วย

เพราะถ้าช่วยเค้าแล้วใจเราร้อนรน ทุกข์เสียใจ นั่นก็ไม่ได้บุญไม่ได้ความอิ่มใจสบายใจ แต่ได้ความกังวลใจมาแทน ว่าเค้าผู้รับจะยินดีพอใจในทานที่เราให้หรือไม่ เราผู้ให้เกินกำลังตนก็ต้องมาเดือดร้อน จนกระทบไปถึงครอบครัวด้วยก็ได้

การบริจาคทาน ใจที่ให้เพื่อช่วยเหลือเกื้อกูลเค้า ให้ตามกำลังของเรา อันนี้เป็นบุญเป็นกุศล เพราะไม่มีความโลภ โกรธ หลง เข้ามาประกอบ

แต่ถ้าเพื่อเอาหน้า หรือรักษาหน้าตาทางสังคม โดยใจไม่ได้ยินดีที่จะช่วย หรือยินดีที่จะช่วยแต่ช่วยเกินกำลังจนตนเดือดร้อน แล้วเกิดเสียดายทรัพย์ที่สละไปแล้ว นั่นเป็นอกุศล เพราะมีความโลภต่อหน้าตาทางสังคม มีความโกรธ ตระหนี่เสียดายในทรัพย์ของตน เมื่อมีโลภ มีโกรธ แสดงว่ายังมีความหลงผิดอยู่ นั่นเอง

สำคัญที่การวางใจของเราเอง จะวางให้สุข อุเบกขา หรือให้ทุกข์

เพราะฉะนั้น หากเวลานั้น กำลังเราน้อย และเราทำไปเพื่อช่วยเค้าตามกำลังที่เรามีพอช่วยได้ เราไม่ได้ทำไปเพื่อเอาหน้าเอาตา เราก็จะยินดีในทานนั้น และไม่ต้องทุกข์ร้อนกังวลใจในทานที่ให้ไปแล้ว จะมีแต่ความอิ่มใจสบายใจ

ในมุมของผู้รับก็เช่นกัน การช่วยเหลือกันในงานบุญใดๆ ก็ให้วางใจให้เป็นบุญ ให้ยินดีในทานที่เค้ามอบให้แก่เราตามกำลังของเค้า อนุโมทนาบุญไปด้วยกัน จึงจะเป็นงานบุญงานกุศล หากคิดว่าเป็นขาดทุนกำไร เป็นการใช้หนี้ มันก็ไม่ใข่งานบุญ เป็นงานทุกข์ ทุกข์ทั้งผู้ให้ผู้รับ เห็นเป็นการลุงทุนเพื่อหวังผลว่าเมื่อถึงงานของเราเค้าต้องให้เราเท่ากันหรือมากกว่า หรือให้เพื่อใช้หนี้ที่คราวที่แล้วเค้าให้เรามา ถ้าเป็นไปตามนี้ มันก็ไม่เป็นบุญ แต่ต้องเป็นไปด้วยใจที่มีน้ำใจเอื้ออารีย์ มุ่งที่จะสังเคราะห์เกื้อกูลกัน จึงจะเป็นบุญเป็นกุศล
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่