สวัสดีค่ะ เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องจริงไม่ใช้สแตนอินใดๆ เล่นจริง เจ็บจริง และเป็นบทเรียนชีวิตเลยค่ะ
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อตอนฉันกำลังจะขึ้นปี1 เป็นช่วงปิดเทอมจาก ม.ปลาย(ตอนนี้เรียนจบมา2ปีแล้วนะคะ)
ช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาที่ปิดเทอมพอดีค่ะ ...
....ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยนะคะว่าเราเป็นลูกสาวคนเดียว ใช้ชีวิตไม่เคยนอกลู่นอกทางเลย ไม่เคยใช้ชีวิตแบบเหมือนวัยรุ่นสมัยนี้(ไม่ได้ว่านะคะ) พูดง่ายๆเป็นเด็กในกรอบที่พ่อแม่วาดไว้ให้เลยค่ะ ไม่เคยเที่ยวผับ กินเหล้าหรือสูบบุหรี่ แต่ครอบครัวเป็นครอบครัวนักออกกำลังกายเลยละค่ะ ซึ่งเมื่อก่อนเราเป็นนักกีฬาว่ายน้ำ(ตั้งแต่ป.6-ม.4) จนตอนนี้เลิกว่ายน้ำหันมาเรียนกีฬาแบดมินตันแทน เพราะคุณแม่ชอบตีแบดเอามากๆเลยละคะ และเหตุก็เริ่มเกิดหลังจากนี้...
....ช่วงปิดเทอมซึ่งมักจะมีเวลาว่างทั้งวันและหลายเดือนซะด้วย ดังนั้นอยู่บ้านเฉยๆก็คงต้องเบื่อเป็นธรรมดา เรา 3คนพ่อแม่ลูก เลยมีนัดกันทุกเย็น นัดเล่นกีฬากันเลยละค่ะ ที่นัดกันหมายถึง เราอยู่บ้าน ส่วนคุณพ่อคุณแม่ทำงานธนาคาร คุณพ่อทำธ.กรุงไทย(สัำนักงานใหญ่ นานา) และส่วนคุณแม่ทำที่ ธ.CIMB(ถ.หลังสวน ชิดลม) คือใกล้กันมากเลยละคะ ส่วนเราอยู่ที่บ้านก็แถวๆ ถ.พระราม3 ใกล้สถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี ทุกเย็นหลังคุณพ่อเลิกงานก็จะขับรถมารับคุณแม่และดิ่งตรงมา สวนลุมพินี ส่วนเราก็จะนั่งพี่วินขาประจำแถวหน้าบ้านเพื่อมาสวนลุมเพราะเป็นทางผ่านและเป็นแหล่งศูนย์รวมการออกกำลังกายเลยก็ว่าได้ อาทิ เต้นแอโรบิก วิ่ง เล่นยิม ว่ายน้ำ เทนนิส บาส ลีลาศ ฟุตซอล และที่สำคัญมีสนามแบดด้วยค่ะ!
...เอาละทุกๆเย็นเวลาประมาณ 6 โมงเย็น เราและคุณแม่จะมาเล่นแบดที่สวนลุมเป็นประจำ เล่นบ่อยจนมีก๊วนแบดที่สนิทสนมกันในก๊วนก็จะมีกันประมาณ 10-20คนเราเด็กสุดเลยและเล่นกันทุกวัน จ-ศ จะกลับบ้านเวลา2-3ทุ่ม ส่วนคุณพ่อจะวิ่งรอบสวนลุมเป็นประจำ หลังเลิกกิจกรรมกันเราก็กลับบ้านกัน3คน พ่อแม่ลูก เป็นแบบนี้ทุกวันละคะ..
จนกระทั่งมีวันนึง มีผู้ชายคนนึงมาขอเข้าก๊วน ขอเล่นแบดด้วย และซึ่งผู้จัดก๊วนก็ให้เราได้ลงไปเล่นคู่กันพี่ผู้ชายที่มาใหม่...จนเราได้เจอหน้ากันทุกวัน และพี่เค้าก็ขอFBเราไป หลังจากเรากลับไปบ้านเปิดคอมเค้าก็Add เรามาแล้ว และคืนนั้นเราก็คุยในแชทกันมาเรื่อยๆ เจอหน้ากันที่คอร์ทแบดก็คุยกันบ้าง สักพักเค้าก็ขอเบอร์เราจากในแชท เราก็ให้พี่เค้าไปค่ะ ซึ่งตอนนั้นคุณแม่ก็ยังไม่รู้ ที่รู้ก็คือมีวันนึงที่เราเริ่มคุยกันมากขึ้น บางทีก็คุยกันยันเช้า ต้องบอกก่อนเลยว่าเราไม่เคยมีแฟนพี่เค้าเป็นคนแรกเลยที่ทำให้เรารุ้สึกเหมือนว่าเราตกหลุมรักใครสักคน คือโลกนี้กลายเป็นสีชมพู แบบอยากจะมาตีแบดทุกวัน อยากเจอหน้าเค้าทุกวัน และเค้าก็เป็นสเป๊คของเราเลย สูง ขาว หน้าตาดี หุ่นกำลังโอเค(เพิ่งเริ่มเวทนิดๆ) ที่สำคัญเค้าเรียนจบ วิศวะโยธาจาก มน. และได้มาทำงานเป็นProject Engineer แถวๆเพลินจิต และเราก็สอบติดวิศวะไฟฟ้า(ม.แถวๆวงสว่าง) เอาละสรุปง่ายๆพี่เค้าตรงสเป๊คเราหมดและเป็นเหมือนไอดอลเรา อยากเก่งแบบเค้า อยากทำงานได้ดีแบบเค้า...
....หลักจากนั้นไม่นาน สัก2-3เดือนเราก็เริ่มคบกัน ซึ่งคุณพ่อคุณแม่รู้หมด เพราะบ้านเราไม่มีอะไรปิดบังกัน ก็คบกันในสายตาผู้ใหญ่เลย ส่วนเราก็ไม่เคยมีแฟน และพี่เค้าก็คือแฟนคนแรกของเราเลย เอาละคะทุกอย่างก็เริ่มดี ความรักดี การเรียนพี่เค้าก็คอยช่วยติววิชายากๆให้ เช่นพวก แมท1 เคมี วิชาพื้นฐานที่เราเรียนเพราะพี่เค้าผ่านมาหมดแล้วและแถมเคยเป็น อ.พิเศษ ที่ มน. อีก คราวนี้ก็เข้าทีคุณพ่อคุณแม่เนิ่มฝากฝัง ให้สอนเราทุกวิชาหลักจาเลิกเรียน หรือช่วงเสาร์-อาทิต
....ทุกวันเสาร์-อาทิต เราจะนัดกันมาเจอแถวๆสยามเพราะพี่เค้าพักแถวๆเพลินจิตมันก็ใกล้กันพอดี นัดกันมาแต่เช้าเลย 9โมง เราต้องมาติวที่สยามกัน ก็หาร้านติวเช่นร้านTrue Coffee หรือไม่ก็ตามร้านต่างๆ ตกบ่ายพี่เค้าก็เริ่มชวนไปที่ห้องเค้า บอกไปติวกันที่ห้อง...ไอเราก็ไม่ได้คิดอะไร พอถึงห้องติวไปสักพักพี่เค้าก็เริ่ม...(อย่างว่าแหละคะ) แหละนั่นก็คือวันที่พรมจันแรกของเรา
....ดูเป็นเด็กไม่ดี บางทีก็รู้สึกแย่ต่อพ่อแม่เหมือนกัน ให้เงินเรามาติวแต่เรากลับไปทำอย่างว่าที่ห้องพี่เค้า...
...ความรักก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆนะคะ เราก็เรียนโอเค ใช้ชีวิตแบบเพื่อนๆทั่วไป หลักจากเลิกเรียนเราก็รีบกลับมาหาแฟนที่ห้องพักที่เพลินจิต เราก็เจอกันทุกเย็น เวลา5โมง เพราะพี่เค้าเลิกงาน 4โมงครึ่งทุกวัน ก็มีอะไรกันเกือบทุกวัน พอ6โมงเราก็นั่งมอไซวินไปสวนลุม เพื่อไปตีแบดกันทุกวัน ที่แย่กว่านั้นคือเราต้องทำว่าเราไม่ได้มาด้วยกันเพราะเดี๋ยวพ่อแม่รู้ คือต่างคนต่างเดินกันเข้ามา เราก็ทำแบบนี่กันมาเป็นปี จนเราขึ้นปี2 ก่อนอื่นต้องบอกก่อนนะคะว่าตลอดระยะเวลา1ปี เราพี่เค้าและครอบครัวเราก็ไปเที้ยว ตจว.กันบ่อยๆ ญาติๆเราทุกคนก็รู้ว่าเราคบกัน...
...และมันก็เริ่มมีกลิ่นตุๆ...
เมื่อเรารู้ความจริงว่า "แฟนเรา" มีแฟนอยู่แล้วและเค้าคบกันมานานจนจะแต่งงานกัน
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อตอนฉันกำลังจะขึ้นปี1 เป็นช่วงปิดเทอมจาก ม.ปลาย(ตอนนี้เรียนจบมา2ปีแล้วนะคะ)
ช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาที่ปิดเทอมพอดีค่ะ ...
....ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยนะคะว่าเราเป็นลูกสาวคนเดียว ใช้ชีวิตไม่เคยนอกลู่นอกทางเลย ไม่เคยใช้ชีวิตแบบเหมือนวัยรุ่นสมัยนี้(ไม่ได้ว่านะคะ) พูดง่ายๆเป็นเด็กในกรอบที่พ่อแม่วาดไว้ให้เลยค่ะ ไม่เคยเที่ยวผับ กินเหล้าหรือสูบบุหรี่ แต่ครอบครัวเป็นครอบครัวนักออกกำลังกายเลยละค่ะ ซึ่งเมื่อก่อนเราเป็นนักกีฬาว่ายน้ำ(ตั้งแต่ป.6-ม.4) จนตอนนี้เลิกว่ายน้ำหันมาเรียนกีฬาแบดมินตันแทน เพราะคุณแม่ชอบตีแบดเอามากๆเลยละคะ และเหตุก็เริ่มเกิดหลังจากนี้...
....ช่วงปิดเทอมซึ่งมักจะมีเวลาว่างทั้งวันและหลายเดือนซะด้วย ดังนั้นอยู่บ้านเฉยๆก็คงต้องเบื่อเป็นธรรมดา เรา 3คนพ่อแม่ลูก เลยมีนัดกันทุกเย็น นัดเล่นกีฬากันเลยละค่ะ ที่นัดกันหมายถึง เราอยู่บ้าน ส่วนคุณพ่อคุณแม่ทำงานธนาคาร คุณพ่อทำธ.กรุงไทย(สัำนักงานใหญ่ นานา) และส่วนคุณแม่ทำที่ ธ.CIMB(ถ.หลังสวน ชิดลม) คือใกล้กันมากเลยละคะ ส่วนเราอยู่ที่บ้านก็แถวๆ ถ.พระราม3 ใกล้สถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี ทุกเย็นหลังคุณพ่อเลิกงานก็จะขับรถมารับคุณแม่และดิ่งตรงมา สวนลุมพินี ส่วนเราก็จะนั่งพี่วินขาประจำแถวหน้าบ้านเพื่อมาสวนลุมเพราะเป็นทางผ่านและเป็นแหล่งศูนย์รวมการออกกำลังกายเลยก็ว่าได้ อาทิ เต้นแอโรบิก วิ่ง เล่นยิม ว่ายน้ำ เทนนิส บาส ลีลาศ ฟุตซอล และที่สำคัญมีสนามแบดด้วยค่ะ!
...เอาละทุกๆเย็นเวลาประมาณ 6 โมงเย็น เราและคุณแม่จะมาเล่นแบดที่สวนลุมเป็นประจำ เล่นบ่อยจนมีก๊วนแบดที่สนิทสนมกันในก๊วนก็จะมีกันประมาณ 10-20คนเราเด็กสุดเลยและเล่นกันทุกวัน จ-ศ จะกลับบ้านเวลา2-3ทุ่ม ส่วนคุณพ่อจะวิ่งรอบสวนลุมเป็นประจำ หลังเลิกกิจกรรมกันเราก็กลับบ้านกัน3คน พ่อแม่ลูก เป็นแบบนี้ทุกวันละคะ..
จนกระทั่งมีวันนึง มีผู้ชายคนนึงมาขอเข้าก๊วน ขอเล่นแบดด้วย และซึ่งผู้จัดก๊วนก็ให้เราได้ลงไปเล่นคู่กันพี่ผู้ชายที่มาใหม่...จนเราได้เจอหน้ากันทุกวัน และพี่เค้าก็ขอFBเราไป หลังจากเรากลับไปบ้านเปิดคอมเค้าก็Add เรามาแล้ว และคืนนั้นเราก็คุยในแชทกันมาเรื่อยๆ เจอหน้ากันที่คอร์ทแบดก็คุยกันบ้าง สักพักเค้าก็ขอเบอร์เราจากในแชท เราก็ให้พี่เค้าไปค่ะ ซึ่งตอนนั้นคุณแม่ก็ยังไม่รู้ ที่รู้ก็คือมีวันนึงที่เราเริ่มคุยกันมากขึ้น บางทีก็คุยกันยันเช้า ต้องบอกก่อนเลยว่าเราไม่เคยมีแฟนพี่เค้าเป็นคนแรกเลยที่ทำให้เรารุ้สึกเหมือนว่าเราตกหลุมรักใครสักคน คือโลกนี้กลายเป็นสีชมพู แบบอยากจะมาตีแบดทุกวัน อยากเจอหน้าเค้าทุกวัน และเค้าก็เป็นสเป๊คของเราเลย สูง ขาว หน้าตาดี หุ่นกำลังโอเค(เพิ่งเริ่มเวทนิดๆ) ที่สำคัญเค้าเรียนจบ วิศวะโยธาจาก มน. และได้มาทำงานเป็นProject Engineer แถวๆเพลินจิต และเราก็สอบติดวิศวะไฟฟ้า(ม.แถวๆวงสว่าง) เอาละสรุปง่ายๆพี่เค้าตรงสเป๊คเราหมดและเป็นเหมือนไอดอลเรา อยากเก่งแบบเค้า อยากทำงานได้ดีแบบเค้า...
....หลักจากนั้นไม่นาน สัก2-3เดือนเราก็เริ่มคบกัน ซึ่งคุณพ่อคุณแม่รู้หมด เพราะบ้านเราไม่มีอะไรปิดบังกัน ก็คบกันในสายตาผู้ใหญ่เลย ส่วนเราก็ไม่เคยมีแฟน และพี่เค้าก็คือแฟนคนแรกของเราเลย เอาละคะทุกอย่างก็เริ่มดี ความรักดี การเรียนพี่เค้าก็คอยช่วยติววิชายากๆให้ เช่นพวก แมท1 เคมี วิชาพื้นฐานที่เราเรียนเพราะพี่เค้าผ่านมาหมดแล้วและแถมเคยเป็น อ.พิเศษ ที่ มน. อีก คราวนี้ก็เข้าทีคุณพ่อคุณแม่เนิ่มฝากฝัง ให้สอนเราทุกวิชาหลักจาเลิกเรียน หรือช่วงเสาร์-อาทิต
....ทุกวันเสาร์-อาทิต เราจะนัดกันมาเจอแถวๆสยามเพราะพี่เค้าพักแถวๆเพลินจิตมันก็ใกล้กันพอดี นัดกันมาแต่เช้าเลย 9โมง เราต้องมาติวที่สยามกัน ก็หาร้านติวเช่นร้านTrue Coffee หรือไม่ก็ตามร้านต่างๆ ตกบ่ายพี่เค้าก็เริ่มชวนไปที่ห้องเค้า บอกไปติวกันที่ห้อง...ไอเราก็ไม่ได้คิดอะไร พอถึงห้องติวไปสักพักพี่เค้าก็เริ่ม...(อย่างว่าแหละคะ) แหละนั่นก็คือวันที่พรมจันแรกของเรา
....ดูเป็นเด็กไม่ดี บางทีก็รู้สึกแย่ต่อพ่อแม่เหมือนกัน ให้เงินเรามาติวแต่เรากลับไปทำอย่างว่าที่ห้องพี่เค้า...
...ความรักก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆนะคะ เราก็เรียนโอเค ใช้ชีวิตแบบเพื่อนๆทั่วไป หลักจากเลิกเรียนเราก็รีบกลับมาหาแฟนที่ห้องพักที่เพลินจิต เราก็เจอกันทุกเย็น เวลา5โมง เพราะพี่เค้าเลิกงาน 4โมงครึ่งทุกวัน ก็มีอะไรกันเกือบทุกวัน พอ6โมงเราก็นั่งมอไซวินไปสวนลุม เพื่อไปตีแบดกันทุกวัน ที่แย่กว่านั้นคือเราต้องทำว่าเราไม่ได้มาด้วยกันเพราะเดี๋ยวพ่อแม่รู้ คือต่างคนต่างเดินกันเข้ามา เราก็ทำแบบนี่กันมาเป็นปี จนเราขึ้นปี2 ก่อนอื่นต้องบอกก่อนนะคะว่าตลอดระยะเวลา1ปี เราพี่เค้าและครอบครัวเราก็ไปเที้ยว ตจว.กันบ่อยๆ ญาติๆเราทุกคนก็รู้ว่าเราคบกัน...
...และมันก็เริ่มมีกลิ่นตุๆ...