ที่แปลว่า
สัตว์นั้น เป็นสำนวนแปลไทยที่อิงนัยอรรถกถา
ในบาลีคือ ตถาคโต แต่อรรถกถาบอกว่า หมายถึงสัตว์
(1) โหติ ตถาคโต ปรมฺมรณาติ
(2) น โหติ ตถาคโต ปรมฺมรณาติ
(3) โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรมฺมรณาติ
(4) เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรมฺมรณาติ
ตถาคตหลังตายแล้ว มีอยู่, ไม่มีอยู่, ทั้งมีอยู่และไม่มีอยู่ก็ได้, มีอยู่ก็ใช่ไม่มีอยู่ก็ใช่ (รวม 4 กรณี) จัดอยู่ในกลุ่มของคำถามที่ไม่ทรงพยากรณ์ (อัพยากตปัญหา มีทั้งหมด10) ในส่วนของ 4 ข้อนี้ เป็นกรณีเฉพาะของพระพุทธเจ้า คือ ตถาคต (ถ้าใครจะแปลเป็นอื่น ก็ต้องแยกไปว่า เป็นความคิดเห็น).
ในกรณี 4 ข้อนี้ ชาวพุทธเถรวาท ควรทำความเข้าใจให้มากๆ ว่า คำพูดที่เราพูดๆกันอย่างนี้ว่า "พระพุทธเจ้าตายไปแล้วไม่กลับมาเกิดอีก" หรือ "พระอรหันต์ตายแล้วไม่เกิดอีก" เป็นคำพูดที่อยู่ภายใต้ การจับยึดว่า กองขันธ์ คือบุคคลนั้นๆนี้. แต่ในกรณีของพระอรหันต์นั้น ก้าวเลยจุดที่จะนำมาพูดว่า เกิด หรือไม่เกิด (น อุเปติ คือ ไม่นับเข้าถึงที่จะมาพูดว่าเกิด หรือไม่เกิด).
...ตถาคตหลังตายแล้ว มีอยู่, ไม่มีอยู่, ทั้งมีอยู่และไม่มีอยู่ก็ได้, มีอยู่ก็ใช่ไม่มีอยู่ก็ใช่
ที่แปลว่าสัตว์นั้น เป็นสำนวนแปลไทยที่อิงนัยอรรถกถา ในบาลีคือ ตถาคโต แต่อรรถกถาบอกว่า หมายถึงสัตว์
(1) โหติ ตถาคโต ปรมฺมรณาติ
(2) น โหติ ตถาคโต ปรมฺมรณาติ
(3) โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรมฺมรณาติ
(4) เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรมฺมรณาติ
ตถาคตหลังตายแล้ว มีอยู่, ไม่มีอยู่, ทั้งมีอยู่และไม่มีอยู่ก็ได้, มีอยู่ก็ใช่ไม่มีอยู่ก็ใช่ (รวม 4 กรณี) จัดอยู่ในกลุ่มของคำถามที่ไม่ทรงพยากรณ์ (อัพยากตปัญหา มีทั้งหมด10) ในส่วนของ 4 ข้อนี้ เป็นกรณีเฉพาะของพระพุทธเจ้า คือ ตถาคต (ถ้าใครจะแปลเป็นอื่น ก็ต้องแยกไปว่า เป็นความคิดเห็น).
ในกรณี 4 ข้อนี้ ชาวพุทธเถรวาท ควรทำความเข้าใจให้มากๆ ว่า คำพูดที่เราพูดๆกันอย่างนี้ว่า "พระพุทธเจ้าตายไปแล้วไม่กลับมาเกิดอีก" หรือ "พระอรหันต์ตายแล้วไม่เกิดอีก" เป็นคำพูดที่อยู่ภายใต้ การจับยึดว่า กองขันธ์ คือบุคคลนั้นๆนี้. แต่ในกรณีของพระอรหันต์นั้น ก้าวเลยจุดที่จะนำมาพูดว่า เกิด หรือไม่เกิด (น อุเปติ คือ ไม่นับเข้าถึงที่จะมาพูดว่าเกิด หรือไม่เกิด).