สืบเนื่องจากกระทู้ที่แล้วโดยมีใจความกระทู้ดังนี้ (มีเพิ่มเติมเนื้อหา และเรียบเรียงให้อ่านง่ายขึ้น)
"ตามหัวข้อเลยค่ะ การที่เราประกาศตัวรักชาติ แต่ไม่เคยจะเสียภาษีให้ถูกต้องสักที และการขายของผ่านทาง Facebook และ Line มันยากมากที่สรรพากรจะตรวจสอบได้เพราะมันไม่มี Transaction และไม่มีรายการบันทึกการซื้อขาย เดี๋ยวเราจะขอ List เป็นข้อๆที่ฝากเรื่องถึงสรรพากรด้วยดังนี้
1. การขายผ่าน Facebook และ Line ไม่มี Transaction ทำให้ดูรายการได้ยากว่ายอดขายเท่าไรกันแน่ ข้อมูลลูกค้าให้ตามสืบก็ไม่มี
2. การขายผ่านช่องทางเหล่านี้แน่นอนไม่ได้ออก Vat (ภาษีมูลค่าเพิ่ม) แน่ๆ และภาษีก็คงไม่ได้เสียเป็นแน่
3. ไม่ต้องขออนุญาติ DBD กระทรงพาณิชย์ เลย ปรกติถ้าซื้อขายของผ่านทางwebsite จะต้องมีการขอ DBD อย่างถูกกฎหมาย
อันนี้ที่ List ไปเป็นส่วนกรมสรรพากร ยังไม่ต้องพูดถึงที่คนโดนหลอกซื้อของตามเพจ Facebook ทาง Line เพียบไปหมดเพราะมันเป็นของฟรี ใครก็เปิดได้ มิจฉาชีพ ก็จ้องที่จะใช้ช่องทางนี้แหละเพื่อหลอกลวง และไม่ต้องมีการส่งเอกสารใดๆ ซึ่งแตกต่างจาก Website ที่ต้องมีเรื่องพวกนี้อย่างน้อยมีปัญหาคดีความยังตามจับได้แต่ Page facebook ก็แค่ปิดเพจหนี ที่สำคัญภาครัฐไม่สามรถ หรือขอความร่วมมือยากมากจาก Facebook และ Line เพราะต่างประเทศ แต่ถ้าเป็นเวบไซต์ที่ดูน่าเชื่อถือหน่อย(ที่ไม่ได้เปิดฟรี) ภาครัฐสามารถขอความร่วมมือไปยังผู้ดูแล Website ได้ว่าเจ้าของคือใคร ติดต่อได้อย่างไร แบบง่ายๆและรวดเร็วกว่าเยอะ
ทีนี้มาดูมุมการรักชาติกันบ้าง
เราบอกเรารักชาติๆ ถึงขั้นออกมาประท้วงไล่นักการเมืองโกง และบอกรักพ่อๆ แต่ดันไม่ยอมเสียภาษี
อีกทั้งการที่รัฐบาลถ้าหากมีการสนับสนุนพวกธุรกิจต่างประเทศอย่างจริงจัง ก็เท่ากับว่า เรากำลังเอาเงินมหาศาลออกนอกประเทศ ทั้งที่อุตสาหกรรม หรือบริษัทในไทยมีตั้งเยอะแยะ ไม่ใช่ไม่มี ไม่ว่าจะเป็นบริษัทสื่อโฆษณา การเงิน บริษัทเทคโนโลยีต่างๆ กลับไม่สนับสนุนอย่างเป็นทางการ ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะว่าจะโดนล้อว่าจะเข้าสู่ 4.0 แล้วปิดกั้นเทคโนโลยี หรือกีดกันธุรกิจต่างๆ ประเทศจีนเองก็ block ของต่างประเทศเช่น block facebook block line แต่เอาของในประเทศตัวเองออกมารุกรานทำลายธุรกิจท้องถิ่นของประเทศอื่นไปทั่ว โดยเฉพาะประเทศไทยที่อ้าแขนรับเสียเหลือเกินโดยไม่ห่วงอนาคตลูกหลานว่าจะเป็นอย่างไรเมื่อธุรกิจในไทยถูกครอบงำโดยธุรกิจต่างชาติ และปัจจุบันการมาของธุรกิจต่างชาตินั้น เขามาในรูปแบบ Online จึงมาอย่างรวดเร็วและทำลายธุรกิจท้องถิ่นได้อย่างรวดเร็วมาก คิดให้ถี่ถ้วน มองยาวๆสิคะ และการที่ต่างชาติมาลงทุนในไทย อย่าดีใจไปค่ะ เพราะมันไม่ใช่สมัยก่อนที่เมื่อมีธุรกิจมาตั้ง ก็จะมีการสร้างงานเกิดขึ้น แต่ในยุคนี้และยุคหน้ามันจะมาพร้อมระบบหุ่นยนต์และ AI ที่ไม่ได้เกิดการจ้างงานเลย พวกเรา พากรัฐ ประเทศไทย จะไปสนับสนุนอะไรต่างชาตินักหนา
รัฐบาลควรสนับสนุนธุรกิจไทยอย่างจริงจัง และพยายามกีดกัน อาจโดยกำแพงภาษี หรือว่ากฏสักอย่างที่ว่าหากมีธุรกิจในไทยอยู่แล้ว ธุรกิจต่างประเทศก็ไม่ควรเข้ามาทำได้อย่างง่ายๆนะคะ ควรมีหน่วยงานให้ธุรกิจมาขึ้นทะเบียนแต่ประเภท และอาจมีการประเมิณคุณภาพสินค้าและบริการ เพื่อที่จะได้รู้ว่าประเทศไทยขาดอะไร หรือมีอะไรที่ควรส่งเสริมเพื่อไปอยู่ระดับโลกได้ เช่นของประเทศจีนใกล้ตัวที่จ้องจะมารุกรานธุรกิจท้องถิ่นของไทย เมื่อก่อน หม่านำความคิดเห็นเรื่องเวบ ecommerce มาปรึกษารัฐ รัฐสนับสนุนเต็มที่จนเริ่มจะมารุกรานประเทศไทยแล้ว อีกหน่อยพ่อค้าจีนขายของโดยตรงสู่ผู้บริโภคอย่างง่ายดายเผลอๆไม่โดนภาษีเพราะกฏหมายออนไลน์ยังไม่ชัดเจน แล้วพ่อค้าไทยจะอยู่รอดไหมคะ คิดให้ยาวๆ หากมองถึงผู้บริโภคคนสุดท้ายอาจจะได้ประโยชน์แต่ถ้ามองมุมเศรษฐกิจประเทศหละ เงินไหลออกนอกประเทศอย่างเต็มๆ ธุรกิจต่างประเทศครอบงำ แล้วลูกหลานพวกเราต้องเป็นขี้ข้าคนต่างชาติหรอ แล้วที่บอกรักชาติๆล่ะ โดยเฉพาะต่างชาติมีเงินมหาศาลเกิดไม่ระวังให้ดี ดูอย่างwebsite ที่มารุกในไทยที่ตอนนี้คนจีนถือหุ้นเกินครึ่งไปแล้ว ใช้วิธีเอาเม็ดเงินอัดจัดส่งฟรีให้รายย่อยตายไปก่อน ระวังนะคะ แผนพวกนี้สูงระวังธุรกิจท้องถิ่นของไทยจะตายหมด ภาครัฐควรเข้ามาดูแลเรื่องนี้อย่างจริงจังค่ะ
ในที่นี่ไม่ได้หมายถึงแค่ธุรกิจสื่อโฆษณาและเทคโนโลยี และการเงิน อย่างเดียว แต่หมายถึงทุกธุรกิจ คนไทยเก่งเยอะค่ะ แต่ไม่มีการสนับสนุนอย่างจริงจัง อีกทั้งยังปล่อยให้ต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจง่าย ดูง่ายๆ Facebook และ Line ทำเงินในประเทศไทยมหาศาล ธุรกิจไทยจ่ายเงินให้เฟสบุ๊คเดือนละหลายหมื่นเพื่อโฆษณา บางธุรกิจเป็นแสนเป็นล้าน ต่อเดือน รัฐเคยรู้มาก่อนไหม ว่าเม็ดเงินออกนอกประเทศขนาดไหน? แต่ไม่ต้องมีเรื่องภาษี ไทยเสียประโยชน์เต็มๆค่ะ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ต้องมาจริงจังกับการจัดการเรื่องพวกนี้ มัวแต่พรบ อะไรก็ไม่รู้ ที่ไม่ได้ช่วยชาติเลย
เดี๋ยวจะมีพวกที่จะบอกว่าเราหัวล้าสมัย ไม่ 4.0 ไม่ใช่ค่ะ บอกไปแล้วว่าไทยเองก็มีธุรกิจที่พัฒนาพวกนี้อยู่ 4.0 คือการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ ไม่ได้เกี่ยวกับกีดกันธุรกิจต่างชาติเพราะรักชาติของจริงค่ะ
แล้วก็จะมีคนบอกว่าระบบทุนนิยมก็แบบนี้ไม่ใช่หรอคะ ใช่ค่ะ แต่ดูประเทศอื่นนะคะ จะทุนนิยมอย่างไร ประเทศที่พัฒนาแล้วเขามีกฏหมายเข้มงวดมาก เช่นถ้าเป็น อเมริกา หรือประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ 7-11 ไม่สามารถเปิดติดๆครองเมืองอย่างนี้ได้หรอกนะคะ แล้วก็อย่างอเมริกาทรัปมันก็ฉลาดมองไกลถึงปัญหาที่จีนจะรุกรานเลยพยายามสนับสนุนธรุกิจของประเทศเขาเอง มองให้ใกลๆค่ะ ถ้าคุณรักชาติจริงก็ควรสนับสนุนธรกิจไทยนอกจากไม่ม่มีจริง หรือของมันไม่ดีจริงๆ
แล้วถ้าถามว่าแล้วเจ้าเล็กจะสู้เจ้าใหญ่ได้อย่างไร ถ้าเก็บภาษีออนไลน์ ถ้าไม่เก็บภาษีแล้วจะพอสู้เจ้าใหญ่ได้จริงหรือไม่?
ไม่เสมอไปค่ะเพราะเดี๋ยวบริษัทใหญ่ก็จะใช้นอมินีมาขายของ Online แบบเลี่ยงภาษีได้เช่นกันค่ะ เรื่องนี้คงต้องเป็นผู้นำที่เก่งๆจะระดมสมอง เช่นกฏหมายห้ามการทุ่มตลาด อย่างประเทศอื่นจะไม่สามารถทำแบบwebsite ยักใหญ่เจ้านึงที่ตอนนี้คนจีนถือหุ้นเกินครึ่งไปแล้ว ทำอยู่หรอกนะคะ ที่ทุ่มตลาดฟันเจ้าเล็กๆให้ตายรัวๆ และนี่คือที่บอกว่าการมาของต่างชาติยุคนี้มันมารูปแบบ Online มันน่ากลัวกว่าที่คิด"
ทางที่เราเสนอรวมๆ
1.ประเทศไทยควรมีกฏหมายจริงๆ จังๆเกี่ยวกับการทุ่มตลาด
2.วิธีป้องกันไม่ให้ธุรกิจใหญ่ทำลายธุรกิจท้องถิ่นโดย ภาครัฐอาจร่วมกับภาคเอกชนเข้าไปแนะนำเพื่อปรับปรุงธุรกิจท้องถิ่นให้ ผลผลิตดีขึ้น คุณภาพมากขึ้น เพิ่มช่องทางการขายให้ทันสมัยมากขึ้น การจัดการธุรกิจให้ดีขึ้นและมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมและให้ความรู้เราเชื่อว่าถ้าธุรกิจท้องถิ่นเขาเข้าใจถึงสถานกาณ์ปัจจุบัน ภาครัฐไม่ต้องหยิบยื่นให้ฟรี เพียงแค่ร่วมกับภาคเอกชนที่เขาทำเป็นมืออาชีพในแต่ละด้าน เข้าไปพัฒนาหรือแนะนำกับธุรกิจท้องถิ่นเอง เสียเงินเพื่อพัฒนาเราว่าเขายอมถ้าเขาเข้าใจ และห้ามธุรกิจใหญ่เข้ามาอะไรแบบนี้
3.ห้ามขายของทาง Facebook และ Line เด็ดขาด การขายของต้องขายผ่านทาง Website เท่านั้น และผู้ขายต้องลงทะเบียนขออนุญาติอย่างถูกต้อง และควรใช้บริการผู้ให้บริการในประเทศเท่านั้นเพื่อง่ายต่อการประสานงานตรวจสอบ
4.การโอนเงินทางร้านต้องใส่ชื่อและเลขที่บัญชีชัดเจน
5.การขายของทางเท้า อันนี้เรื่องใหญ่มาก ที่จริงเป็นอัตรายต่อสุขภาพด้วยซ้ำกรมสาธารณะสุขควรเข้ามาตรวจสอบจริงจัง ห้ามละเว้น และต้องผลักดันให้เปิดร้านขายของเป็นหลักแหล่ง เด๋ยวจะมีคนโลกสวยว่าไม่เห็นใจคนไม่มีเงิน ที่จริงถ้าไม่มีก็ไปตั้งร้านที่ต่างจังหวัดที่ค่าเช่าที่ไม่แพงสิคะให้ธุรกิจดีขึ้นจะมาทำที่กรุงเทพก็มาทำ ถ้าไม่ใช่อาหารก็ผลักดันให้ความรู้มาขาย Online ซะ ถ้าทุนน้อย ไม่ใช่ไปเอาเปรียบคนที่เขาเช่าที่แพงๆขายของตัวเองไม่เสียค่าเช่า ภาษีก็ไม่เสีย
6. ธุรกิจต่างประเทศต้องเข้ามายาก โดยอาจจะพิจารณาว่าธุรกิจไทยมีอยู่แล้วหรือไม่ ถ้าไม่มีก็โอเค เช่นอาหารบางประเภท หาหารประจำชาติเขาก็โอเค อะไรแบบนี้
7.การซื้อของจากต่างประเทศไม่ว่าจะน้อยหรือมากเพื่อการป้องกันกลไกการค้า และส่งเสริมเศรฐกิจในประเทศ คนที่สามารถซื้อของได้ต้องจดทะเบียนตัวเองเป็นผู้นำเข้ามีใบอนุญาติทำเข้าสินค้าประเภท....อะไรทำนองนี้ อย่างน้อยเงินยังมีหมุนเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจ (เรื่องนี้ซับซ้อน ต้องเป็นสุดยอดผู้นำระดมสมองกันว่าจะทำอย่างไร เราก็แค่ผู้เสนอแนะค่ะ)
กระทู้นี้ฝากเท่านี้ก่อนนะคะ
จากกระทู้ที่แล้วเกี่ยวกับการขอให้สรรพากรจัดการคนที่ขายของออนไลน์ ผ่าน Facebook และ Line กระทู้นี้ฝากกฏการทุ่มตลาดด้วยค่ะ
"ตามหัวข้อเลยค่ะ การที่เราประกาศตัวรักชาติ แต่ไม่เคยจะเสียภาษีให้ถูกต้องสักที และการขายของผ่านทาง Facebook และ Line มันยากมากที่สรรพากรจะตรวจสอบได้เพราะมันไม่มี Transaction และไม่มีรายการบันทึกการซื้อขาย เดี๋ยวเราจะขอ List เป็นข้อๆที่ฝากเรื่องถึงสรรพากรด้วยดังนี้
1. การขายผ่าน Facebook และ Line ไม่มี Transaction ทำให้ดูรายการได้ยากว่ายอดขายเท่าไรกันแน่ ข้อมูลลูกค้าให้ตามสืบก็ไม่มี
2. การขายผ่านช่องทางเหล่านี้แน่นอนไม่ได้ออก Vat (ภาษีมูลค่าเพิ่ม) แน่ๆ และภาษีก็คงไม่ได้เสียเป็นแน่
3. ไม่ต้องขออนุญาติ DBD กระทรงพาณิชย์ เลย ปรกติถ้าซื้อขายของผ่านทางwebsite จะต้องมีการขอ DBD อย่างถูกกฎหมาย
อันนี้ที่ List ไปเป็นส่วนกรมสรรพากร ยังไม่ต้องพูดถึงที่คนโดนหลอกซื้อของตามเพจ Facebook ทาง Line เพียบไปหมดเพราะมันเป็นของฟรี ใครก็เปิดได้ มิจฉาชีพ ก็จ้องที่จะใช้ช่องทางนี้แหละเพื่อหลอกลวง และไม่ต้องมีการส่งเอกสารใดๆ ซึ่งแตกต่างจาก Website ที่ต้องมีเรื่องพวกนี้อย่างน้อยมีปัญหาคดีความยังตามจับได้แต่ Page facebook ก็แค่ปิดเพจหนี ที่สำคัญภาครัฐไม่สามรถ หรือขอความร่วมมือยากมากจาก Facebook และ Line เพราะต่างประเทศ แต่ถ้าเป็นเวบไซต์ที่ดูน่าเชื่อถือหน่อย(ที่ไม่ได้เปิดฟรี) ภาครัฐสามารถขอความร่วมมือไปยังผู้ดูแล Website ได้ว่าเจ้าของคือใคร ติดต่อได้อย่างไร แบบง่ายๆและรวดเร็วกว่าเยอะ
ทีนี้มาดูมุมการรักชาติกันบ้าง
เราบอกเรารักชาติๆ ถึงขั้นออกมาประท้วงไล่นักการเมืองโกง และบอกรักพ่อๆ แต่ดันไม่ยอมเสียภาษี
อีกทั้งการที่รัฐบาลถ้าหากมีการสนับสนุนพวกธุรกิจต่างประเทศอย่างจริงจัง ก็เท่ากับว่า เรากำลังเอาเงินมหาศาลออกนอกประเทศ ทั้งที่อุตสาหกรรม หรือบริษัทในไทยมีตั้งเยอะแยะ ไม่ใช่ไม่มี ไม่ว่าจะเป็นบริษัทสื่อโฆษณา การเงิน บริษัทเทคโนโลยีต่างๆ กลับไม่สนับสนุนอย่างเป็นทางการ ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะว่าจะโดนล้อว่าจะเข้าสู่ 4.0 แล้วปิดกั้นเทคโนโลยี หรือกีดกันธุรกิจต่างๆ ประเทศจีนเองก็ block ของต่างประเทศเช่น block facebook block line แต่เอาของในประเทศตัวเองออกมารุกรานทำลายธุรกิจท้องถิ่นของประเทศอื่นไปทั่ว โดยเฉพาะประเทศไทยที่อ้าแขนรับเสียเหลือเกินโดยไม่ห่วงอนาคตลูกหลานว่าจะเป็นอย่างไรเมื่อธุรกิจในไทยถูกครอบงำโดยธุรกิจต่างชาติ และปัจจุบันการมาของธุรกิจต่างชาตินั้น เขามาในรูปแบบ Online จึงมาอย่างรวดเร็วและทำลายธุรกิจท้องถิ่นได้อย่างรวดเร็วมาก คิดให้ถี่ถ้วน มองยาวๆสิคะ และการที่ต่างชาติมาลงทุนในไทย อย่าดีใจไปค่ะ เพราะมันไม่ใช่สมัยก่อนที่เมื่อมีธุรกิจมาตั้ง ก็จะมีการสร้างงานเกิดขึ้น แต่ในยุคนี้และยุคหน้ามันจะมาพร้อมระบบหุ่นยนต์และ AI ที่ไม่ได้เกิดการจ้างงานเลย พวกเรา พากรัฐ ประเทศไทย จะไปสนับสนุนอะไรต่างชาตินักหนา
รัฐบาลควรสนับสนุนธุรกิจไทยอย่างจริงจัง และพยายามกีดกัน อาจโดยกำแพงภาษี หรือว่ากฏสักอย่างที่ว่าหากมีธุรกิจในไทยอยู่แล้ว ธุรกิจต่างประเทศก็ไม่ควรเข้ามาทำได้อย่างง่ายๆนะคะ ควรมีหน่วยงานให้ธุรกิจมาขึ้นทะเบียนแต่ประเภท และอาจมีการประเมิณคุณภาพสินค้าและบริการ เพื่อที่จะได้รู้ว่าประเทศไทยขาดอะไร หรือมีอะไรที่ควรส่งเสริมเพื่อไปอยู่ระดับโลกได้ เช่นของประเทศจีนใกล้ตัวที่จ้องจะมารุกรานธุรกิจท้องถิ่นของไทย เมื่อก่อน หม่านำความคิดเห็นเรื่องเวบ ecommerce มาปรึกษารัฐ รัฐสนับสนุนเต็มที่จนเริ่มจะมารุกรานประเทศไทยแล้ว อีกหน่อยพ่อค้าจีนขายของโดยตรงสู่ผู้บริโภคอย่างง่ายดายเผลอๆไม่โดนภาษีเพราะกฏหมายออนไลน์ยังไม่ชัดเจน แล้วพ่อค้าไทยจะอยู่รอดไหมคะ คิดให้ยาวๆ หากมองถึงผู้บริโภคคนสุดท้ายอาจจะได้ประโยชน์แต่ถ้ามองมุมเศรษฐกิจประเทศหละ เงินไหลออกนอกประเทศอย่างเต็มๆ ธุรกิจต่างประเทศครอบงำ แล้วลูกหลานพวกเราต้องเป็นขี้ข้าคนต่างชาติหรอ แล้วที่บอกรักชาติๆล่ะ โดยเฉพาะต่างชาติมีเงินมหาศาลเกิดไม่ระวังให้ดี ดูอย่างwebsite ที่มารุกในไทยที่ตอนนี้คนจีนถือหุ้นเกินครึ่งไปแล้ว ใช้วิธีเอาเม็ดเงินอัดจัดส่งฟรีให้รายย่อยตายไปก่อน ระวังนะคะ แผนพวกนี้สูงระวังธุรกิจท้องถิ่นของไทยจะตายหมด ภาครัฐควรเข้ามาดูแลเรื่องนี้อย่างจริงจังค่ะ
ในที่นี่ไม่ได้หมายถึงแค่ธุรกิจสื่อโฆษณาและเทคโนโลยี และการเงิน อย่างเดียว แต่หมายถึงทุกธุรกิจ คนไทยเก่งเยอะค่ะ แต่ไม่มีการสนับสนุนอย่างจริงจัง อีกทั้งยังปล่อยให้ต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจง่าย ดูง่ายๆ Facebook และ Line ทำเงินในประเทศไทยมหาศาล ธุรกิจไทยจ่ายเงินให้เฟสบุ๊คเดือนละหลายหมื่นเพื่อโฆษณา บางธุรกิจเป็นแสนเป็นล้าน ต่อเดือน รัฐเคยรู้มาก่อนไหม ว่าเม็ดเงินออกนอกประเทศขนาดไหน? แต่ไม่ต้องมีเรื่องภาษี ไทยเสียประโยชน์เต็มๆค่ะ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ต้องมาจริงจังกับการจัดการเรื่องพวกนี้ มัวแต่พรบ อะไรก็ไม่รู้ ที่ไม่ได้ช่วยชาติเลย
เดี๋ยวจะมีพวกที่จะบอกว่าเราหัวล้าสมัย ไม่ 4.0 ไม่ใช่ค่ะ บอกไปแล้วว่าไทยเองก็มีธุรกิจที่พัฒนาพวกนี้อยู่ 4.0 คือการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ ไม่ได้เกี่ยวกับกีดกันธุรกิจต่างชาติเพราะรักชาติของจริงค่ะ
แล้วก็จะมีคนบอกว่าระบบทุนนิยมก็แบบนี้ไม่ใช่หรอคะ ใช่ค่ะ แต่ดูประเทศอื่นนะคะ จะทุนนิยมอย่างไร ประเทศที่พัฒนาแล้วเขามีกฏหมายเข้มงวดมาก เช่นถ้าเป็น อเมริกา หรือประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ 7-11 ไม่สามารถเปิดติดๆครองเมืองอย่างนี้ได้หรอกนะคะ แล้วก็อย่างอเมริกาทรัปมันก็ฉลาดมองไกลถึงปัญหาที่จีนจะรุกรานเลยพยายามสนับสนุนธรุกิจของประเทศเขาเอง มองให้ใกลๆค่ะ ถ้าคุณรักชาติจริงก็ควรสนับสนุนธรกิจไทยนอกจากไม่ม่มีจริง หรือของมันไม่ดีจริงๆ
แล้วถ้าถามว่าแล้วเจ้าเล็กจะสู้เจ้าใหญ่ได้อย่างไร ถ้าเก็บภาษีออนไลน์ ถ้าไม่เก็บภาษีแล้วจะพอสู้เจ้าใหญ่ได้จริงหรือไม่?
ไม่เสมอไปค่ะเพราะเดี๋ยวบริษัทใหญ่ก็จะใช้นอมินีมาขายของ Online แบบเลี่ยงภาษีได้เช่นกันค่ะ เรื่องนี้คงต้องเป็นผู้นำที่เก่งๆจะระดมสมอง เช่นกฏหมายห้ามการทุ่มตลาด อย่างประเทศอื่นจะไม่สามารถทำแบบwebsite ยักใหญ่เจ้านึงที่ตอนนี้คนจีนถือหุ้นเกินครึ่งไปแล้ว ทำอยู่หรอกนะคะ ที่ทุ่มตลาดฟันเจ้าเล็กๆให้ตายรัวๆ และนี่คือที่บอกว่าการมาของต่างชาติยุคนี้มันมารูปแบบ Online มันน่ากลัวกว่าที่คิด"
ทางที่เราเสนอรวมๆ
1.ประเทศไทยควรมีกฏหมายจริงๆ จังๆเกี่ยวกับการทุ่มตลาด
2.วิธีป้องกันไม่ให้ธุรกิจใหญ่ทำลายธุรกิจท้องถิ่นโดย ภาครัฐอาจร่วมกับภาคเอกชนเข้าไปแนะนำเพื่อปรับปรุงธุรกิจท้องถิ่นให้ ผลผลิตดีขึ้น คุณภาพมากขึ้น เพิ่มช่องทางการขายให้ทันสมัยมากขึ้น การจัดการธุรกิจให้ดีขึ้นและมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมและให้ความรู้เราเชื่อว่าถ้าธุรกิจท้องถิ่นเขาเข้าใจถึงสถานกาณ์ปัจจุบัน ภาครัฐไม่ต้องหยิบยื่นให้ฟรี เพียงแค่ร่วมกับภาคเอกชนที่เขาทำเป็นมืออาชีพในแต่ละด้าน เข้าไปพัฒนาหรือแนะนำกับธุรกิจท้องถิ่นเอง เสียเงินเพื่อพัฒนาเราว่าเขายอมถ้าเขาเข้าใจ และห้ามธุรกิจใหญ่เข้ามาอะไรแบบนี้
3.ห้ามขายของทาง Facebook และ Line เด็ดขาด การขายของต้องขายผ่านทาง Website เท่านั้น และผู้ขายต้องลงทะเบียนขออนุญาติอย่างถูกต้อง และควรใช้บริการผู้ให้บริการในประเทศเท่านั้นเพื่อง่ายต่อการประสานงานตรวจสอบ
4.การโอนเงินทางร้านต้องใส่ชื่อและเลขที่บัญชีชัดเจน
5.การขายของทางเท้า อันนี้เรื่องใหญ่มาก ที่จริงเป็นอัตรายต่อสุขภาพด้วยซ้ำกรมสาธารณะสุขควรเข้ามาตรวจสอบจริงจัง ห้ามละเว้น และต้องผลักดันให้เปิดร้านขายของเป็นหลักแหล่ง เด๋ยวจะมีคนโลกสวยว่าไม่เห็นใจคนไม่มีเงิน ที่จริงถ้าไม่มีก็ไปตั้งร้านที่ต่างจังหวัดที่ค่าเช่าที่ไม่แพงสิคะให้ธุรกิจดีขึ้นจะมาทำที่กรุงเทพก็มาทำ ถ้าไม่ใช่อาหารก็ผลักดันให้ความรู้มาขาย Online ซะ ถ้าทุนน้อย ไม่ใช่ไปเอาเปรียบคนที่เขาเช่าที่แพงๆขายของตัวเองไม่เสียค่าเช่า ภาษีก็ไม่เสีย
6. ธุรกิจต่างประเทศต้องเข้ามายาก โดยอาจจะพิจารณาว่าธุรกิจไทยมีอยู่แล้วหรือไม่ ถ้าไม่มีก็โอเค เช่นอาหารบางประเภท หาหารประจำชาติเขาก็โอเค อะไรแบบนี้
7.การซื้อของจากต่างประเทศไม่ว่าจะน้อยหรือมากเพื่อการป้องกันกลไกการค้า และส่งเสริมเศรฐกิจในประเทศ คนที่สามารถซื้อของได้ต้องจดทะเบียนตัวเองเป็นผู้นำเข้ามีใบอนุญาติทำเข้าสินค้าประเภท....อะไรทำนองนี้ อย่างน้อยเงินยังมีหมุนเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจ (เรื่องนี้ซับซ้อน ต้องเป็นสุดยอดผู้นำระดมสมองกันว่าจะทำอย่างไร เราก็แค่ผู้เสนอแนะค่ะ)
กระทู้นี้ฝากเท่านี้ก่อนนะคะ