สามีเรากู้เงินอเนกประสงค์ของธนาคารกรุงไทย ซึ่งต้องชำระเดือนละ 4900 บาท เราเป็นคนโอนเงินเข้าบัญชีทุกเดือน เดือนละ 5000 บาท
เมื่อเดือนที่ผ่านมา เราก็โอนเงินเข้าบัญชี 5000 ตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2560 แล้วก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก แต่เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2560
สามีเราได้รับสายจากธนาคารกรุงไทย สาขาที่ทำการกู้ ได้แจ้งมาว่าเราจ่ายเงินไม่ครบ ต้องเสียดอกเบี้ยเพิ่มอีก 800 บาท และค่าทวงถามอีก 200 บาท
สามีจึงโทรมาถามเราว่า เราไม่ได้โอนเงินไปหรือ ทำไมธนาคารโทรมาทวง เราก็บอกว่าโอนไปไว้แล้วนะ พอวางสายจากสามี เราจึงเข้าไปดูบัญชีในธนาคารออนไลน์ ปรากฎว่าธนาคารหักไปเพียง 4808.08 บาท ในวันที่ 31 กรกฎาคม 2560 ซึ่งเมื่อหักไปแล้วเงินยังเหลืออีก 191 บาท ซึ่งก็พอหัก
ดังภาพ
จากนั้นเราจึงได้โทรไปสอบถามที่ธนาคารด้วยตนเอง เนื่องจากสามีเราจะไม่ค่อยรู้เรื่องการทำธุรกรรมทางธนาคาร เราจึงเป็นคนจัดการทั้งหมด
เมื่อโทรไปสอบถาม ได้ความว่า ทางธนาคารไม่สามารถหักได้เนื่องจาก เงินส่วนที่เหลือ 191 บาทนั้น ธนาคารต้องล็อกไว้เพื่อจ่ายค่าบัตรเอทีเอ็มประจำปี
ดังนั้นเราจึงต้องเสียดอกเบี้ยให้ธนาคาร เพราะเค้าไม่สามารถหักเงินได้ ตามจำนวนที่แจ้ง เราผิดสัญญา เราต้องเสียดอกเบี้ยให้ธนาคาร ขอให้นำเงินเข้าบัญชีเพื่อให้หักด้วย
เราจึงแย้งว่า ก็ ณ วันนี้ 7 กรกฎาคม 2560 ธนาคารยังไม่หักค่าบัตรเอทีเอ็ม แล้วเป็นเหตุให้เราต้องเสียดอกเบี้ยรวมค่าทวงถาม
มันไม่ยุติธรรมกับลูกค้าเลย ธนาคารเอาเปรียบลูกค้ามาก เราไม่ยอม (แต่พอดี เราได้โอนเงินเข้าไปแล้วก่อนจะทราบเรื่องจากสามี)
ทางธนาคารสาขาที่เรากู้ ก็แจ้งว่า ค่าบัตรเอทีเอ็มรายปีจะหักตรงกับวันที่ลูกค้าทำบัตรเสมอทุกปี เราเลยถามว่า งั้นเราถามหน่อยว่ามีลูกค้าที่ไหนจะมาจำไหมว่าบัตรเอทีเอ็มจะโดนหักเมื่อไหร่ เพราะไม่ได้ใช้ธนาคารเดียว ทางธนาคารควรจะมีใบแจ้งก่อนจะหักเงินนะ
ถ้าทางธนาคารแจ้งมาก่อนเราก็โอนเงินเข้าไว้อยู่แล้ว กับแค่ค่าบัตร 191 บาท แต่เราต้องมาเสียดอกเบี้ย 800 บาท มันไม่ยุติธรรมกับเราเลย
ซึ่งจน ณ วันนี้ 10 สิงหาคม 2560 ค่าบัตรเอทีเอ็มก็ยังไม่ได้หักไป แต่ธนาคารหักเงินเราไปแล้วเป็นค่าดอกเบี้ยและค่าทวงถาม 955.05 บาท รวมเงินที่ติดค้างเป็นยอด 1046.97 บาท ดังภาพ
เราอยากถามว่า กรณีนี้ เราผิด หรือว่าอย่างไร ร้องเรียนได้หรือไม่
ธนาคารคิดดอกเบี้ยไม่เป็นธรรม
เมื่อเดือนที่ผ่านมา เราก็โอนเงินเข้าบัญชี 5000 ตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2560 แล้วก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก แต่เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2560
สามีเราได้รับสายจากธนาคารกรุงไทย สาขาที่ทำการกู้ ได้แจ้งมาว่าเราจ่ายเงินไม่ครบ ต้องเสียดอกเบี้ยเพิ่มอีก 800 บาท และค่าทวงถามอีก 200 บาท
สามีจึงโทรมาถามเราว่า เราไม่ได้โอนเงินไปหรือ ทำไมธนาคารโทรมาทวง เราก็บอกว่าโอนไปไว้แล้วนะ พอวางสายจากสามี เราจึงเข้าไปดูบัญชีในธนาคารออนไลน์ ปรากฎว่าธนาคารหักไปเพียง 4808.08 บาท ในวันที่ 31 กรกฎาคม 2560 ซึ่งเมื่อหักไปแล้วเงินยังเหลืออีก 191 บาท ซึ่งก็พอหัก
ดังภาพ
จากนั้นเราจึงได้โทรไปสอบถามที่ธนาคารด้วยตนเอง เนื่องจากสามีเราจะไม่ค่อยรู้เรื่องการทำธุรกรรมทางธนาคาร เราจึงเป็นคนจัดการทั้งหมด
เมื่อโทรไปสอบถาม ได้ความว่า ทางธนาคารไม่สามารถหักได้เนื่องจาก เงินส่วนที่เหลือ 191 บาทนั้น ธนาคารต้องล็อกไว้เพื่อจ่ายค่าบัตรเอทีเอ็มประจำปี
ดังนั้นเราจึงต้องเสียดอกเบี้ยให้ธนาคาร เพราะเค้าไม่สามารถหักเงินได้ ตามจำนวนที่แจ้ง เราผิดสัญญา เราต้องเสียดอกเบี้ยให้ธนาคาร ขอให้นำเงินเข้าบัญชีเพื่อให้หักด้วย
เราจึงแย้งว่า ก็ ณ วันนี้ 7 กรกฎาคม 2560 ธนาคารยังไม่หักค่าบัตรเอทีเอ็ม แล้วเป็นเหตุให้เราต้องเสียดอกเบี้ยรวมค่าทวงถาม
มันไม่ยุติธรรมกับลูกค้าเลย ธนาคารเอาเปรียบลูกค้ามาก เราไม่ยอม (แต่พอดี เราได้โอนเงินเข้าไปแล้วก่อนจะทราบเรื่องจากสามี)
ทางธนาคารสาขาที่เรากู้ ก็แจ้งว่า ค่าบัตรเอทีเอ็มรายปีจะหักตรงกับวันที่ลูกค้าทำบัตรเสมอทุกปี เราเลยถามว่า งั้นเราถามหน่อยว่ามีลูกค้าที่ไหนจะมาจำไหมว่าบัตรเอทีเอ็มจะโดนหักเมื่อไหร่ เพราะไม่ได้ใช้ธนาคารเดียว ทางธนาคารควรจะมีใบแจ้งก่อนจะหักเงินนะ
ถ้าทางธนาคารแจ้งมาก่อนเราก็โอนเงินเข้าไว้อยู่แล้ว กับแค่ค่าบัตร 191 บาท แต่เราต้องมาเสียดอกเบี้ย 800 บาท มันไม่ยุติธรรมกับเราเลย
ซึ่งจน ณ วันนี้ 10 สิงหาคม 2560 ค่าบัตรเอทีเอ็มก็ยังไม่ได้หักไป แต่ธนาคารหักเงินเราไปแล้วเป็นค่าดอกเบี้ยและค่าทวงถาม 955.05 บาท รวมเงินที่ติดค้างเป็นยอด 1046.97 บาท ดังภาพ
เราอยากถามว่า กรณีนี้ เราผิด หรือว่าอย่างไร ร้องเรียนได้หรือไม่