ย้อนกลับไปเมื่อเดือน ม.ค. ปี 2010 มีผู้ใหญ่แนะนำให้ผมรู้จักกับผู้หญิงคนนึง เราคุยกัน ไปดูหนังกินข้าวกัน จนผมขอเธอเป็นแฟนในเดือน พ.ค. ปีนั้น ซึ่งเป็นแฟนคนแรกของเราทั้งคู่ หลังจากนั้นทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดี เราคบกันแบบถูกต้องตามประเพณี อยู่ในสายตาผู้ใหญ่ตลอด ต้นปี 2011 ผู้ใหญ่ทั้ง 2 บ้านเริ่มเกริ่นๆเรื่องแต่งงาน ผมขอเธอแต่งงาน เธอก็ตอบตกลง เราตั้งใจจะจัดงานแต่งตอนปลายปี 2011 ชีวิตช่วงนั้นผมมีความสุขมากครับ เข้ากลางปี 2011 เรื่องงานแต่งเริ่มทำให้เกิดปัญหาครับ และปัญหาบานปลายใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายงานแต่งต้องยกเลิก สาเหตุส่วนนึง ผมคิดว่าเป็นเพราะตอนนั้นตัวเองยังคิดอะไรง่ายๆเกินไป คิดแต่จะตอบสนองความคาดหวังของคนรอบตัว จนลืมสิ่งที่สำคัญที่สุด คือความสุขของตัวเองและคนรัก เลยทำให้สถานการณ์แย่เกินกว่าจะแก้ไขได้
หลังจากนั้น เธอตั้งใจจะตัดขาดการติดต่อกับผม แต่ผมก็ตามตื๊อจนเธอยอมคุยกัน แต่ก็ไม่รู้ว่ากลับมาคุยกันรอบนี้อนาคตจะเป็นยังไงต่อไป เรายังมีไปเที่ยว ไปกินข้าวดูหนังด้วยกัน แต่คราวนี้ผู้ใหญ่ทั้ง 2 บ้านไม่มีใครเห็นด้วยแล้ว ช่วงที่คบกันสภาพนี้ก็มีปัญหากันเรื่อยๆ ซึ่งก็เป็นปัญหาจากเรื่องที่เคยเกิดในอดีต สุดท้ายช่วงกลางปี 2014 ผมเป็นฝ่ายบอกยุติความสัมพันธ์เอง เพราะมีเรื่องที่ทำให้ตระหนักว่ามันไม่มีอนาคตสำหรับเราสองคนแล้วจริงๆ
ช่วงปี 2012-2015 มีผู้ใหญ่และเพื่อน พยายามแนะนำผู้หญิงให้ผมรู้จักหลายครั้ง แต่ผมยังไม่อยากมีใคร เลยบอกปัดไปตลอด ปลายปี 2015 ญาติผมแนะนำให้ผมรู้จักน้องผู้หญิงคนนึงที่อายุน้อยกว่าผมหลายปี เราคุยกันอย่างมีความสุขถูกคอ ไปเที่ยวกันได้ไม่นานก็ตกลงเป็นแฟนกัน แต่คบเป็นแฟนได้เดือนเดียวก็เกิดปัญหา ผมตระหนักว่าทัศนคติของเราต่างกันเกินไป ผมจึงเป็นฝ่ายบอกยุติความสัมพันธ์เอง
มาถึง พ.ค. ปีนี้ ญาติแนะนำให้รู้จักผู้หญิงคนนึง เราเริ่มจากคุยไลน์กันซักพัก ผมจึงนัดทานข้าว เธอเป็นคนดีครับ ใจดี รักเด็ก รักครอบครัว สุภาพ มีความรับผิดชอบ ไม่เที่ยว ญาติผมที่เคยเจอก็บอกว่าเธอหน้าตาดี แต่ผมสงสัยว่าความรู้สึกของผมที่มีต่อเธอ ทำไมถึงไม่เหมือนกับตอนที่ผมมีแฟนคนแรก ไม่ได้โหยหาอยากเจอหน้า หรืออยากโทรคุยกันทุกวัน ส่วนตัวผมอยากให้เป็นเพราะผมยังเข็ดจากความรักที่ผิดหวัง ทำให้ไม่กล้าทุ่มเทใจให้ใคร แต่ส่วนนึงก็กลัวว่าจะเป็นเพราะจริงๆแล้วเราไม่เหมาะสมหรือไม่คลิกกัน
ทุกวันนี้เรานัดเจอ นัดดูหนังทานข้าวกันอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง ผมโทรหาช่วงดึกอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง วันธรรมดาก็คุยไลน์กัน แต่ไม่เยอะมาก และผมยังไม่กล้าขอเธอเป็นแฟน เพราะยังรู้สึกแบบที่พูดถึงข้างบน และก็กลัวว่าเธอจะรู้สึกเหมือนกันด้วย
ปี 2011 ตอนที่มีปัญหาจนงานแต่งยกเลิก ผมเสียศูนย์ไปเลย และตอนนั้นได้ตั้งใจไว้ว่า ตั้งแต่นี้ผมจะให้ความสำคัญกับความรู้สึก ความสุขของตัวเองเป็นอันดับหนึ่ง ความรู้สึกหรือมุมมองของคนรอบตัว ทั้งเพื่อน พี่น้อง หรือแม้กระทั่งพ่อแม่ จะเป็นเรื่องรองลงมา ซึ่งผมไม่รู้ว่ามันค่อยๆเปลี่ยนให้ผมกลายเป็นคนที่ไม่กล้ารักใคร รักแต่ตัวเองไปแล้วรึเปล่า
เคยผิดหวังจากความรักในอดีต จนทำให้รักใครไม่เป็นมั้ยครับ
หลังจากนั้น เธอตั้งใจจะตัดขาดการติดต่อกับผม แต่ผมก็ตามตื๊อจนเธอยอมคุยกัน แต่ก็ไม่รู้ว่ากลับมาคุยกันรอบนี้อนาคตจะเป็นยังไงต่อไป เรายังมีไปเที่ยว ไปกินข้าวดูหนังด้วยกัน แต่คราวนี้ผู้ใหญ่ทั้ง 2 บ้านไม่มีใครเห็นด้วยแล้ว ช่วงที่คบกันสภาพนี้ก็มีปัญหากันเรื่อยๆ ซึ่งก็เป็นปัญหาจากเรื่องที่เคยเกิดในอดีต สุดท้ายช่วงกลางปี 2014 ผมเป็นฝ่ายบอกยุติความสัมพันธ์เอง เพราะมีเรื่องที่ทำให้ตระหนักว่ามันไม่มีอนาคตสำหรับเราสองคนแล้วจริงๆ
ช่วงปี 2012-2015 มีผู้ใหญ่และเพื่อน พยายามแนะนำผู้หญิงให้ผมรู้จักหลายครั้ง แต่ผมยังไม่อยากมีใคร เลยบอกปัดไปตลอด ปลายปี 2015 ญาติผมแนะนำให้ผมรู้จักน้องผู้หญิงคนนึงที่อายุน้อยกว่าผมหลายปี เราคุยกันอย่างมีความสุขถูกคอ ไปเที่ยวกันได้ไม่นานก็ตกลงเป็นแฟนกัน แต่คบเป็นแฟนได้เดือนเดียวก็เกิดปัญหา ผมตระหนักว่าทัศนคติของเราต่างกันเกินไป ผมจึงเป็นฝ่ายบอกยุติความสัมพันธ์เอง
มาถึง พ.ค. ปีนี้ ญาติแนะนำให้รู้จักผู้หญิงคนนึง เราเริ่มจากคุยไลน์กันซักพัก ผมจึงนัดทานข้าว เธอเป็นคนดีครับ ใจดี รักเด็ก รักครอบครัว สุภาพ มีความรับผิดชอบ ไม่เที่ยว ญาติผมที่เคยเจอก็บอกว่าเธอหน้าตาดี แต่ผมสงสัยว่าความรู้สึกของผมที่มีต่อเธอ ทำไมถึงไม่เหมือนกับตอนที่ผมมีแฟนคนแรก ไม่ได้โหยหาอยากเจอหน้า หรืออยากโทรคุยกันทุกวัน ส่วนตัวผมอยากให้เป็นเพราะผมยังเข็ดจากความรักที่ผิดหวัง ทำให้ไม่กล้าทุ่มเทใจให้ใคร แต่ส่วนนึงก็กลัวว่าจะเป็นเพราะจริงๆแล้วเราไม่เหมาะสมหรือไม่คลิกกัน
ทุกวันนี้เรานัดเจอ นัดดูหนังทานข้าวกันอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง ผมโทรหาช่วงดึกอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง วันธรรมดาก็คุยไลน์กัน แต่ไม่เยอะมาก และผมยังไม่กล้าขอเธอเป็นแฟน เพราะยังรู้สึกแบบที่พูดถึงข้างบน และก็กลัวว่าเธอจะรู้สึกเหมือนกันด้วย
ปี 2011 ตอนที่มีปัญหาจนงานแต่งยกเลิก ผมเสียศูนย์ไปเลย และตอนนั้นได้ตั้งใจไว้ว่า ตั้งแต่นี้ผมจะให้ความสำคัญกับความรู้สึก ความสุขของตัวเองเป็นอันดับหนึ่ง ความรู้สึกหรือมุมมองของคนรอบตัว ทั้งเพื่อน พี่น้อง หรือแม้กระทั่งพ่อแม่ จะเป็นเรื่องรองลงมา ซึ่งผมไม่รู้ว่ามันค่อยๆเปลี่ยนให้ผมกลายเป็นคนที่ไม่กล้ารักใคร รักแต่ตัวเองไปแล้วรึเปล่า