สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 14
Head Heart Hand
ในการเขียนหรือพิมพ์ใดๆ ควรประกอบด้วยสิ่งเหล่านี้ เป็นพื้นฐานในการสื่อสารที่จะส่งสารจากทัศนคติ แนวคิด มุมมอง ความรู้สึก ความเป็นตัวตน ข้อมูล สารสนเทศใดๆก็ตามส่งไปให้ผู้รับ แต่บางบุคคลก็มีความแยบคายกว่าที่จะส่งสารด้วยความตรงไปตรงมาตามเจตนาของผู้ส่งสารว่ามีเจตนาอะไร นั่นคือ นัยของสารที่ส่ง ซึ่งนัยของสารนั้นอาจจะแสดงให้เห็นว่ามีนัยชัดเจน หรือแฝงมาอย่างแนบเนียน ซึ่งนัยของสารเป็นสิ่งที่ผู้รับนั้นต้องตีความสาร ผู้รับสารจะต้องกะเทาะสิ่งที่แฝงมาในสารนั้นว่า สิ่งที่แฝงมานั้น มีพิษมีภัยหรือไม่ หรือมีเจตนา วัตถุประสงค์อันใด
แต่ด้วยมนุษย์ผู้ซึ่งยากแท้หยั่งถึง มีความซับซ้อน อาจจะทำให้เราตีความ หรือเข้าใจเจตนาผิดหรือถูกนั้นย่อมเกิดขึ้นได้ครับ
ผมว่ามนุษย์ทุกคนมีรูปแบบการนำเสนอในแบบที่ตนเป็นตน แต่ละคนมีศิลปะในการพูด ในการเขียน ในการอธิบาย ในการมอง
ในการคิด ในการสื่อสาร ฯลฯ ที่แตกต่างกัน ถ้าสิ่งที่เขาพูด เขาเขียน เขาทำ นั้นสอดคล้องต่อเจตนา และความเป็นตัวตนของเขาแท้จริง ก็เป็นเรื่องที่ดีมากๆ แต่ถ้าไม่!! เราจะดูออกได้อย่างไร? ท่ามกลางสังคมที่มีความหลากหลายของมนุษย์ เราก็ต้องมีระบบป้องกันตัวเอง
เพราะคนบางคนดูเหมือนคนดี แล้วก็เป็นคนดี
เพราะคนบางคนดูเหมือนคนไม่ดี แล้วก็เป็นคนไม่ดี
เพราะคนบางคนดูเหมือนจะเป็นคนดี แต่เป็นคนไม่ดี
เพราะคนบางคนดูเหมือนจะเป็นคนไม่ดี แต่เป็นคนดี
ส่วนตัวผม ผมเป็นคนชอบคนที่ความคิด ทัศนคติ มุมมอง แนวคิด การปฏิบัติตัว ซึ่งเวลาผมอ่านข้อความใดๆก็ตาม ไม่ว่าจะบทความในหนังสือ ในอินเตอร์เน็ต หรือแม้กระทั่งบทสนทนา ผมมักจะพิจารณาในเนื้อความนั้นก่อนว่ามีเหตุและผล สอดคล้อง เหมาะสมหรือไม่อย่างไร และแน่นอนว่าตัวเราเองก็ต้องเปิดใจในการเข้าถึงสาร ในขณะที่เราเปิดใจเข้าถึงสาร ตัวเราเองก็ต้องมีภูมิคุ้มกันในการเข้าถึงสารด้วยเช่นกัน นั่นคือ สติ ในการอ่านในการเชื่อสารเหล่านั้นอย่างเป็นเหตุเป็นผล แล้วเอาสิ่งที่ตกตะกอนในเนื้อความเขามา หรือใจความสำคัญ หลักคิดมาประยุกต์ใช้ได้ หรือสะท้อนตัวเรา เตือนสติให้มุมมองเราได้ ถึงจะมองเข้าไปที่ตัวบุคคลเป็นลำดับต่อไป ^^ เวลา การศึกษา และการเรียนรู้จะเป็นคำตอบว่า บุคคลนั้นเป็นอย่างไร คำพูด การกระทำ ตัวหนังสือ ที่แสดงออกมา กับเจตนารมณ์ ความเป็นตัวตนเขาเป็นอย่างไร อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใคร เพราะเรายังไม่รู้จักเขาดีพอ อยู่กลางๆ แต่ผมก็มีความเชื่อว่า คนเรามีพื้นฐานความคิดที่ดี การเป็นคนดีในตัวเอง แต่อะไรที่เป็นองค์ประกอบในการหล่อหลอมเขานั้นที่ทำให้เขาแปรผันตามความดี หรือแปรผันตามความไม่ดี อันใด อย่างไรอันนั้นคืออีกเรื่อง และผมเชื่อว่าสิ่งที่เราได้อ่านจากตัวอักษรของเขา ย่อมสะท้อนอะไรในตัวเขา ไม่มากก็น้อยครับ ^^
ในการเขียนหรือพิมพ์ใดๆ ควรประกอบด้วยสิ่งเหล่านี้ เป็นพื้นฐานในการสื่อสารที่จะส่งสารจากทัศนคติ แนวคิด มุมมอง ความรู้สึก ความเป็นตัวตน ข้อมูล สารสนเทศใดๆก็ตามส่งไปให้ผู้รับ แต่บางบุคคลก็มีความแยบคายกว่าที่จะส่งสารด้วยความตรงไปตรงมาตามเจตนาของผู้ส่งสารว่ามีเจตนาอะไร นั่นคือ นัยของสารที่ส่ง ซึ่งนัยของสารนั้นอาจจะแสดงให้เห็นว่ามีนัยชัดเจน หรือแฝงมาอย่างแนบเนียน ซึ่งนัยของสารเป็นสิ่งที่ผู้รับนั้นต้องตีความสาร ผู้รับสารจะต้องกะเทาะสิ่งที่แฝงมาในสารนั้นว่า สิ่งที่แฝงมานั้น มีพิษมีภัยหรือไม่ หรือมีเจตนา วัตถุประสงค์อันใด
แต่ด้วยมนุษย์ผู้ซึ่งยากแท้หยั่งถึง มีความซับซ้อน อาจจะทำให้เราตีความ หรือเข้าใจเจตนาผิดหรือถูกนั้นย่อมเกิดขึ้นได้ครับ
ผมว่ามนุษย์ทุกคนมีรูปแบบการนำเสนอในแบบที่ตนเป็นตน แต่ละคนมีศิลปะในการพูด ในการเขียน ในการอธิบาย ในการมอง
ในการคิด ในการสื่อสาร ฯลฯ ที่แตกต่างกัน ถ้าสิ่งที่เขาพูด เขาเขียน เขาทำ นั้นสอดคล้องต่อเจตนา และความเป็นตัวตนของเขาแท้จริง ก็เป็นเรื่องที่ดีมากๆ แต่ถ้าไม่!! เราจะดูออกได้อย่างไร? ท่ามกลางสังคมที่มีความหลากหลายของมนุษย์ เราก็ต้องมีระบบป้องกันตัวเอง
เพราะคนบางคนดูเหมือนคนดี แล้วก็เป็นคนดี
เพราะคนบางคนดูเหมือนคนไม่ดี แล้วก็เป็นคนไม่ดี
เพราะคนบางคนดูเหมือนจะเป็นคนดี แต่เป็นคนไม่ดี
เพราะคนบางคนดูเหมือนจะเป็นคนไม่ดี แต่เป็นคนดี
ส่วนตัวผม ผมเป็นคนชอบคนที่ความคิด ทัศนคติ มุมมอง แนวคิด การปฏิบัติตัว ซึ่งเวลาผมอ่านข้อความใดๆก็ตาม ไม่ว่าจะบทความในหนังสือ ในอินเตอร์เน็ต หรือแม้กระทั่งบทสนทนา ผมมักจะพิจารณาในเนื้อความนั้นก่อนว่ามีเหตุและผล สอดคล้อง เหมาะสมหรือไม่อย่างไร และแน่นอนว่าตัวเราเองก็ต้องเปิดใจในการเข้าถึงสาร ในขณะที่เราเปิดใจเข้าถึงสาร ตัวเราเองก็ต้องมีภูมิคุ้มกันในการเข้าถึงสารด้วยเช่นกัน นั่นคือ สติ ในการอ่านในการเชื่อสารเหล่านั้นอย่างเป็นเหตุเป็นผล แล้วเอาสิ่งที่ตกตะกอนในเนื้อความเขามา หรือใจความสำคัญ หลักคิดมาประยุกต์ใช้ได้ หรือสะท้อนตัวเรา เตือนสติให้มุมมองเราได้ ถึงจะมองเข้าไปที่ตัวบุคคลเป็นลำดับต่อไป ^^ เวลา การศึกษา และการเรียนรู้จะเป็นคำตอบว่า บุคคลนั้นเป็นอย่างไร คำพูด การกระทำ ตัวหนังสือ ที่แสดงออกมา กับเจตนารมณ์ ความเป็นตัวตนเขาเป็นอย่างไร อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใคร เพราะเรายังไม่รู้จักเขาดีพอ อยู่กลางๆ แต่ผมก็มีความเชื่อว่า คนเรามีพื้นฐานความคิดที่ดี การเป็นคนดีในตัวเอง แต่อะไรที่เป็นองค์ประกอบในการหล่อหลอมเขานั้นที่ทำให้เขาแปรผันตามความดี หรือแปรผันตามความไม่ดี อันใด อย่างไรอันนั้นคืออีกเรื่อง และผมเชื่อว่าสิ่งที่เราได้อ่านจากตัวอักษรของเขา ย่อมสะท้อนอะไรในตัวเขา ไม่มากก็น้อยครับ ^^
ความคิดเห็นที่ 20
ได้ แต่น่าจะ ยากกว่าการเจอตัวจริงมากๆครับ
เคยสงสัยตอนที่ดูภาพยนตร์เรื่อง The Lake House ที่ Sandra Bullock แสดงกับ Keanu Reeves ว่า คนเราจะรักกันได้ยังไงจากตัวหนังสือ
----------------------------
ภาษาเขียน เป็นภาษาที่กลั่นกรองออกมาจากสมอง ให้ต้องสื่อความหมายตรงไปตรงมาเข้าใจได้ในช่วงที่ผู้เขียนต้องการ (stand-alone) และแก้ไขได้ก่อนส่งผู้รับ (editable) เป็นภาษาที่มีความเหมาะสมและแม่นยำสูงในการสื่อความหมาย แต่ในทางตรงกันข้าม ก็บิดเบือนได้มากเวลาสื่อความรู้สึกเช่นเดียวกันครับ
แต่กับสิ่งที่อยู่กับมนุษย์มานานอย่างความรู้สึกต่างๆ รวมถึงความรัก มันบิดเบือนกันยากซึ่งต่างจากภาษาเขียน เพราะสิ่งที่ถ่ายทอดมันมาทางกาย
(body language) และน้ำเสียง (tone of voice) มากกว่าคำพูด (speech) และมักจะควบคุมไม่ได้ถ้าไม่ได้ฝึกมามากๆ
ยกตัวอย่างเช่น เวลากลัวหรือตื่นเต้น จะมีเหงื่อออกจากมือ หัวใจเต้นเร็ว หายใจสั้นแต่ถี่ ทั้งๆที่คิดว่า ใจเย็นๆ
เวลาชอบใคร หัวใจก็จะเต้นเร็ว สติไม่อยู่กับตัว ไม่สบตา พฤติกรรมแปลกไป ทั้งๆที่คิดว่า อย่าตื่นเต้นๆ
สิ่งเหล่านี้ นอกจากผู้ส่งสารรู้สึกและแสดงออกให้ผู้รับเห็นแล้ว ยังเป็นสิ่งที่ผู้รับสารต้องรับรู้และแปลความจากสิ่งที่เห็น ซึ่งถ้าดูหลายๆอย่างร่วมกันแล้ว มักจะถูกต้องและเชื่อถือได้ ในทางตรงกันข้าม ภาษาเขียนไม่มีลักษณะเหล่านี้ครับ ทุกอย่างแปลความมาจากสิ่งที่บิดเบือนได้ทั้งสิ้น เช่นเดียวกับภาษาพูดครับ
----------------------------
คนที่เขียนคำว่า รัก และพูดว่า รัก มักจะไม่ได้รักจริง
แต่คนที่รักจริงจะแสดงให้เห็นว่า รัก ผ่านการกระทำโดยปราศจากคำพูดและตัวอักษร
----------------------------
ผมสนับสนุน ให้คนมีความรักผ่านการกระทำ มากกว่าคำพูดและตัวอักษรครับ
เคยสงสัยตอนที่ดูภาพยนตร์เรื่อง The Lake House ที่ Sandra Bullock แสดงกับ Keanu Reeves ว่า คนเราจะรักกันได้ยังไงจากตัวหนังสือ
----------------------------
ภาษาเขียน เป็นภาษาที่กลั่นกรองออกมาจากสมอง ให้ต้องสื่อความหมายตรงไปตรงมาเข้าใจได้ในช่วงที่ผู้เขียนต้องการ (stand-alone) และแก้ไขได้ก่อนส่งผู้รับ (editable) เป็นภาษาที่มีความเหมาะสมและแม่นยำสูงในการสื่อความหมาย แต่ในทางตรงกันข้าม ก็บิดเบือนได้มากเวลาสื่อความรู้สึกเช่นเดียวกันครับ
แต่กับสิ่งที่อยู่กับมนุษย์มานานอย่างความรู้สึกต่างๆ รวมถึงความรัก มันบิดเบือนกันยากซึ่งต่างจากภาษาเขียน เพราะสิ่งที่ถ่ายทอดมันมาทางกาย
(body language) และน้ำเสียง (tone of voice) มากกว่าคำพูด (speech) และมักจะควบคุมไม่ได้ถ้าไม่ได้ฝึกมามากๆ
ยกตัวอย่างเช่น เวลากลัวหรือตื่นเต้น จะมีเหงื่อออกจากมือ หัวใจเต้นเร็ว หายใจสั้นแต่ถี่ ทั้งๆที่คิดว่า ใจเย็นๆ
เวลาชอบใคร หัวใจก็จะเต้นเร็ว สติไม่อยู่กับตัว ไม่สบตา พฤติกรรมแปลกไป ทั้งๆที่คิดว่า อย่าตื่นเต้นๆ
สิ่งเหล่านี้ นอกจากผู้ส่งสารรู้สึกและแสดงออกให้ผู้รับเห็นแล้ว ยังเป็นสิ่งที่ผู้รับสารต้องรับรู้และแปลความจากสิ่งที่เห็น ซึ่งถ้าดูหลายๆอย่างร่วมกันแล้ว มักจะถูกต้องและเชื่อถือได้ ในทางตรงกันข้าม ภาษาเขียนไม่มีลักษณะเหล่านี้ครับ ทุกอย่างแปลความมาจากสิ่งที่บิดเบือนได้ทั้งสิ้น เช่นเดียวกับภาษาพูดครับ
----------------------------
คนที่เขียนคำว่า รัก และพูดว่า รัก มักจะไม่ได้รักจริง
แต่คนที่รักจริงจะแสดงให้เห็นว่า รัก ผ่านการกระทำโดยปราศจากคำพูดและตัวอักษร
----------------------------
ผมสนับสนุน ให้คนมีความรักผ่านการกระทำ มากกว่าคำพูดและตัวอักษรครับ

แสดงความคิดเห็น
คนเราจะตกหลุมรักใครสักคนจากตัวอักษรได้ไหม??