ถ้ามีสามีที่รัก ดูแลแต่ครอบครัวตัวเองและแม่สามีหวงลูกและเงินของลูกมาก มีวิธียังงัยให้เค้ารู้หน้าที่สามีต่อภรรยาบ้างค่ะ

กระทู้คำถาม
แต่งงานมาราว 5 ปี สามีไม่เคยให้เงินเดือนเราเลยค่ะ มีปัญหาการเงินเราก้อต้องจัดการเองค่ะ เราน้อยใจและเสียใจมาก เพราะก่อนแต่งเราช่วยเหลือเค้ามาก ทั้งหนี้พนันบอลหลักหมื่น เงินไม่พอใช้ก้อขอยืมเรา เราก้อให้ตลอดคิดว่าเราเงินเดือนสูงกว่าและมีเงินเก็บเป็นแฟนกันช่วยกัน
เราพลาดเสียตัวให้เค้าตอนคบกัน แต่เค้าเข้าทางผู้ใหญ่และดูแลเราดีประมานนึง จนเราซื้อบ้านของตัวเอง เค้าขอย้ายมาอยุ่ด้วยและแม่เค้าสัญญาจะมาขอเราเมื่อพร้อมก่อน และช่วยเหลือค่าผ่อนบ้านตามที่เค้าจ่ายเช่าอยุ่ตอนนั้น ทางบ้านเราจึงยอมให้มาอยุ่ด้วยกัน
     จนปีนึงพ่อแม่เราคุยกับพ่อแม่เค้าว่าควรจัดงานแต่งได้แล้ว เรียกสินสอดตามที่เคยคุยกันไว้ เงินสามแสน ทองห้าบาท (เยอะมากหรอค่ะ) หลังจากนั้นก้อเปลี่ยนไป แม่สามีก้อไม่ค่อยพอใจ วางแผนให้แฟนเราพาเราไปเยี่ยมลุงเค้าที่ รพ.จังหวัดบ้านเกิดเค้าโดยอ้างว่าลุงป่วยหนัก และจะให้พระดีมาบูชาที่บ้าน พอไปถึงแม่สามีให้แฟนเราพาพ่อเค้าไปซื้อของข้างนอก เหลือเรา ลุงเค้า แฟนลุง (ที่เพิ่งพบกันครั้งแรก) แม่เค้า ทุกคนเริ่มคุยแต่การจัดงานแต่งว่า ให้เราเลือกการ์ดเชิญถูกๆ นะอันละไม่เกิน 5 บาท ของชำร่วยก้อเน้นถูกๆ แล้วทางเราจะเชิญแขกกี่คน กี่โต๊ะ  10 โต๊ะถึงมั้ย แต่อย่าจัดงานที่บ้านเรานะให้จัดที่โรงแรม (ภายหลังพ่อแม่เราบอกว่าทางนั้นอิดออดจะไม่ทำตามสัญญา จนบอกว่าจะยกทั้งหมดคืนลูกเค้าถึงยอมแต่เค้าจะไม่ช่วยค่าจัดงานและอื่นๆ นอกเหนือค่าสินสอดเลย) คือ รุ้สึกแย่มาก แล้วมาว่าเราลูกชาวบ้านจะมีคนมาสักเท่าไหร่ พ่อแม่เค้ารับราชการให้ไปจัดที่จังหวัดเค้าสิ เค้าจัดให้เองรับรองไม่ขาดทุน (เราเก็บความรู้สึกและโกรธมากตอนนั้น) ดูถูกกันขนาดนี้ สุดท้ายเราจัดงานที่ ร.ร.ใกล้บ้านเรา ค่าใช้จ่ายจัดงานเลี้ยงตามที่เค้าขอพิธีหมั้นเช้า เลี้ยงบุฟเฟต์เที่ยงแขกเค้า ญาติเรา เลี้ยงโต๊ะจีนเย็น แขกพ่อสะดวกเย็นกะเพื่อนๆ เรากะแฟน ค่าการ์ด ของชำร่วย ถ่ายพรีเวดดิ้ง 40,000 ทางเราออกหมด ขอให้แฟนช่วยบ้าง อย่างน้อยคนละครึ่งค่าการ์ด ของชำร่วย แต่ก้อถูกปฏิเสธและโทรมาด่าเราว่าจะเอาสร้อยที่คอเค้าไปมั้ย แค่สินสอดเค้าก้อจะแย่แล้ว ก่อนหน้านี้เค้าก้อช่วยเหลือมาตลอดทั้งค่าเช่าบ้านลูกชายเค้าก้อมาช่วยผ่อนค่าบ้านเรา (เรางงเพราะลูกเค้าขอย้ายมาอยุ่กะเราและเสนอเอง) (คนที่เคยบอกรักเราเหมือนลูก ซึ้งค่ะ) แม้แต่ครก ถ้วยชาม เราปี้ดมากค่ะ เพราะตอนนั้นคือ ทางเค้าที่ขอมาอยุ่กะเรา และย้ายของทุกอย่างที่บ้านเช่ามาบ้านเรา เพราะแฟนคิดว่าจะได้ช่วยแบ่งเบาภาระเรา ที่ต้องต่อเติมครัวอีกเป็นแสน กะที่กู้สหกรณ์มาดาวน์มาซื้อบ้านค่ะ ของๆ เราก้อมีค่ะ แต่เสียค.รู้สึกและเงิบมาก เราก้อตอกกลับไปเลยว่า หนูก้อเคยช่วยเหลือลูกแม่ที่เป็นหนี้พนันมา 3 ครั้งหลายหมื่นแล้วนะคะ ของใช้ประจำเดือนในบ้านก้อเราทั้งนั้น เราทำบัตรเสริมให้รูดก้อใช้เกินตัวเป็นภาระเราอีก ทั้งๆ ที่เราเงินเดือนหมื่นก่าๆ ต้องผ่อนบ้าน ผ่อนหนี้เอง แถมนางบอกเราว่านางรู้สึกเสียใจนิดๆ ที่เราไปพูดแบบนั้น แต่กลับไปบอกลูกเค้าว่าเสียใจมาก นอนร้องไห้ไปหลายวัน คือ งงมาก ทำไมเป็นผู้ใหญ่แบบนี้ จำฝังใจไปอีกนานค่ะ
      วีรกรรมแม่สามีกับญาติก่อนแต่งเยอะมากค่ะ ทำเราเอือมครอบครัวนี้เลย แล้วแบบดูถูกเรามาก ไม่พอพ่อแม่เราอีก หาว่าลูกชาวบ้านบ้าง จะมีแขกสักกี่โต๊ะ พอวันจริง แขกพ่อกับเราเยอะมากเต็มงาน ของเค้าไม่เกิน 5 โต๊ะ ตอนนับซองเชื่อมั้ยค่ะ เอาการ์ดจากเราไปครึ่งนึง ได้กลับมาแขกเค้าไม่กี่ซองๆละ 200 ส่วนใหญ่ค่ะ ครูทั้งนั้นนะคะ ญาติๆ เค้าก้อให้เป็นซองตอนไหว้พิธีหมั้นค่ะให้กับแฟนเราค่ะ ดีค่ะที่เพื่อนพ่อเรา กะเพื่อนๆ เรา เพื่อนแฟนใส่ซองหนักมาก เพราะตอนพ่อมีเงินชอบช่วยคนไว้เยอะค่ะ งานเรามากันแบบไม่มีการ์ดที่เราแจกเลยที่เป็นเพื่อนพ่อ เพราะท่านโทรบอกเอา มากันเยอะมากค่ะ
     หลังแต่งงานอาทิตย์นึงแม่สามีมาบ้านเราขอยืมเงินห้าหมื่นค่ะ เพราะรู้ว่าพ่อแม่ให้สินสอดเรามา แต่เราบอกให้นางโทรไปขอยืมพ่อค่ะ นางก้อเงียบไป
     แล้วแฟนเราก้อไม่ช่วยเราผ่อนบ้านแล้วค่ะ บอกช่วยได้แค่ ค่าน้ำ-ไฟ-เน็ต แค่นั้น เพราะผ่อนรถไม่ไหว พอแฟนย้ายงานเราก้อไม่เคยรู้เงินเดือนเค้าอีกเลย ก้อก้มหน้าทนไปค่ะ
     ทะเลาะกันเรื่องให้ช่วยเราผ่อนบ้านบ้าง หรือค่าใช้จ่ายในบ้านแต่ก้อไม่เคยยอมเราทั้งๆ ที่เค้าย้ายไปขายบ้านได้ค่าคอมเยอะอยุ่ (แต่เอาไปให้แม่ ซื้อรถมอไซต์ไว้ซิ่ง ไปกินหรูเที่ยวหรูกะเพื่อนๆ เค้าได้) เราได้แต่อดทน เนื่องจากพ่อแม่เราแยกทางกันตั้งแต่เล็กๆ เราอยุ่กะปู่กะย่า ซึ่งตอนนั้นเหลือเราและย่า แต่ท่านมาป่วยหนักนอน ร.พ. เหมือนเราเปน ผญ.ตัวคนเดียว
     หลังจากนั้นอยู่ๆ พ่อแม่เค้ามาซื้อที่ดินรถไฟตรงข้ามหมู่บ้านเราค่ะ แล้วให้แฟนมาคุยกะเราขอต่อพ่วงไฟฟ้าหลังเค้าซื้อไปแล้วค่ะ เราปรึกษาพ่อๆ บอกทำไม่ได้ผิด กม.ลักไฟหลวงแล้วต้องเดินสายไฟข้ามถนนใหญ่ไปเกิดมีไรขึ้นมาจะมีปัญหามาก พอปฏิเสธเค้าไป โดนโกรธค่ะหาว่าไม่มีน้ำใจ เราลองติดต่อการไฟฟ้าๆ บอกว่าให้เค้าไปขอใช้ไฟชั่วคราวจากการไฟฟ้าโดยตรงได้ แต่ค่าใช้จ่ายจะสูง ทั้งค่าตั้งเสาไฟฟ้า เรทค่าไฟต่อเดือนจะแพงกว่าทั่วไป แต่แม่เค้าบอกว่า พ่อไปติดต่อมาแล้วทำแบบเราว่าไม่ได้ ต้องขอต่อจากบ้านแถวใกล้เคียงเท่านั้นคือ บ้านเรา แล้วเหน็บว่า ชาวบ้านที่สร้างบ้านที่ดินรถไฟแถวนั้นเค้าว่า ป้ามีลูกอยุ่ใกล้ๆ กันน่าจะขอต่อได้ง่ายไม่ลำบากไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องแค่นี้ แต่เรายืนยันไม่ได้ แล้วสวนกลับไปว่าซื้อที่ดินจะอยู่อาศัยแล้วไม่ดูก่อนหรือว่าต่อน้ำต่อไฟได้หรือเปล่า ไม่ใช่จะมามัดมือชกคนอื่นให้ทำตามความต้องการของตัวแบบนี้ มันอะไรกันนักกันหนาบ้านนี้
       ก่อนแต่งงานพี่ชายแฟนเอาเพื่อนฝูงที่ทำงานออกค่ายกันมานอนบ้านเราไม่บอกกล่าว มาเป็นสิบ บางครั้งเอาผู้หญิงมานอนห้องย่าเราที่มีแอร์ (เรากลับจากทำงานมาเจอ งงมาก ใครว่ะ) ทัเลาะกับแฟนอีก แม่สามีก้อโคตรยุติธรรม บอกว่าลูกเค้าอยากประหยัดค่าโรงแรมแล้วมาขอนอนชั้นล่างบ้านเรา ส่วนครั้งที่สองผู้หญิงนั้นก้อเพื่อนทำงานสายธรรมมะลูกเค้า ส่วนเรากะแฟนนอนร้อนตากพัดลมไปอีกห้องนึงค่ะ แฟนก้อทำไรไม่ได้ค่ะเอือมระอาค่ะ นี่คือความเกรงใจผู้ดี
       อีกเรื่องน้องชายเค้าพอปิดเทอมอยุ่ๆ มานอนบ้านเราชั้นล่าง ไม่บอกก่อนเหมือนกันค่ะ พ่อแม่อยุ่อีกจังหวัดนะคะ แต่คือหาแฟนที่เรียนมหาลัยใกล้บ้านเราสะดวกค่ะ เลยถือวิสาสะมาอยุ่เหมือนบ้านพ่อแม่เลยค่ะ สักพักเอาแฟนมาที่บ้านค่ะ มากันตอนไหนไม่รู้ๆแต่เราเจอค่ำหลังเรากลับจากทำงานแล้วค่ะ เราก้อเริ่มไม่ค้อยพอใจละ บอกมาติวหนังสือ นั่งเล่น อ่านหนังสือกันค่ะ แฟนนางเรียนหมอค่ะ หลังๆ เลยไปติวกันในห้องนอนย่าเราที่มีแอร์ชั้นสองกันค่ะ แต่แปลกดีมีเอาผ้าห่มไปปิดกระจกหลังห้องด้วยค่ะ (ตอนนั้นเรายังไม่ติดม่านค่ะ เพราะกระจกแบบทึบแสงกลางวันจะมองเข้ามาไม่เห็น แต่กลางคืนถ้าเปิดไฟจะเห็นคนในบ้านค่ะ เฮ้อ ดีออกแบบนี้) ตกลงบ้านชั้นที่ตั้งใจจะซื้ออยุ่เพื่อความสบายใจ เป็นส่วนตัวนี่มันคืออะไร แล้วหลังๆ คือ นางทั้งสองไม่มีความเกรงใจ ไปมาไม่เห็นหัวชั้น แล้วมาทำแบบนี้อีก เป็นเพื่อนๆ จะรับได้มั้ยค่ะ และจะทำไงค่ะ เรานี่โวยแฟนเลย ตอนน้องชายกะแฟนมันอยุ่นั่นแหละ ว่าทำแบบนี้ได้งัย ไม่มีความเกรงใจกันบ้าง แถมไม่เหนหัวเราอีก แฟนเราแก้ต่างให้อีกว่า ก้อไม่เหนหัวแฟนเหมือนกันจะให้ทำงัย ไปด่าน้องมันหรา ทะเลาะกันสักพัก แฟนเราก้อโทรคุยกะแม่แฟนค่ะ แต่พูดไม่ตรงความจริง เราก้อเลยเล่าแทน นางว่าเราค่ะ ว่าก้อไม่เห็นเปนไร มาอ่านหนังสือกันเฉยๆ แล้วจะให้เค้าทำงัย ก้อลูกชายเค้า งั้นเราก้อตัดญาติขาดมิตรกะเค้าไปเลยแล้ววางไป แล้วเรากัแฟนก้อทะเลาะกัน
       หลังที่พ่อแม่เค้าเออรี่ย้ายมาอยุ่บ้านที่สร้างบนที่ดินรถไฟ ตรงข้ามบ้านเรา ย่าเราเสีย อีกเดือนพี่ชายเค้าเสียด้วยอุบัติเหตุรถชนค่ะที่จังหวัดบ้านเค้า เราก้อไปช่วยงานค่ะ ลาไปตั้งแต่วันแรกจนเผาเลยค่ะ ให้เราไปเป็นหัวหน้าทีมเด็กประถมช่วยกันล้างจานค่ะ โอเคทำได้แค่นี้ เสริฟน้ำแขก เสริฟข้าวแกง ถวายข้าวพระพุทธ เราเห็นว่าเค้าไม่ค่อยมีใครมาช่วยก้อยากช่วยจิงๆ แม่เค้าก้อเหนื่อยต้องรับซองเองทำบัญชี แถมจะเป็นลม พ่อก้อวิ่งๆวุ่นๆ แฟนเราขับรถไปซื้อนู่นนี่ แต่ยายพี่สาวแม่เค้านี่ แฟนน้องสาวแม่เค้านี่สายตาดูถูกมากค่ะ ชอบพูดถากถางเสียใจมากกลั้นอารมณ์พอถึงโรงแรม ปล่อยโฮเลยค่ะ น้องชายมาแค่ยกขยะไปทิ้งถึงมันยังบ่นเลยค่ะว่าทำไมต้องมาทำไรแบบนี้ แล้วก้อบวชหน้าไฟ แฟนนางมาแป้บๆ เป็นพิธี ก้อกลับ
       จบงานศพพี่ชายแม่สามีบังคับสามีเราให้สาบานหน้าศพพี่ชายว่าจะอยู่ช่วยดูแลน้องต่อ ตอนนั้นน้องชายจบตรีแล้ว คณะวิศวะพระนครเหนือ กะลังสอบต่อโทจุฬา พ่อแม่เพิ่งเออรี่มาทั้งคู่บอกรายได้ไม่พอ ต้องให้สามีเราช่วยส่งน้องชายเรียนโทด้วย ส่วนเราภรรเมียต้องรับผิดชอบตัวเองไปก่อนทุกสิ่งอย่าง ยกเว้นค่าน้ำ ค่าไฟค่ะ
       มารู้ความจริงทีหลังเนื่องจากเจอใบเสร็จกรุงไทยส่งมาที่บ้านค่ะ เป็นชื่อสามีเรากู้ทุนการศึกษาให้น้องชาย หนี้เป็นชื่อสามีเราค่ะ ตลอดมาปัดช่วยเราไปช่วยส่งน้องเรียน แต่น้องชายอยู่คอนโดในเมืองกะเพื่อนเดือนละแปดพันค่ะ ไม่ทำงานไรเสริมหรือทุน TA แนะนำอยุ่คอนโดจุฬาเทอมละแปดพันไม่เอาค่ะ ดีออกค่ะ เคยมีครั้งนึงแม่สามีมาว่าเราว่าลูกชายเค้าแต่งกับเราแล้วลำบาก ผมหงอกเต็มหัวโดยอ้างว่า น้าสาวสามีเราเป็นคนพูดบ่นให้นางฟังค่า เอาเข้าไป
       ทำกับข้าวไปให้ ซื้อขนมฝาก ซื้อเสื้อผ้า ก้อบ่นสารพัด ไม่เคยถูกใจไม่เคยดีที่เป็นของเรา แต่มีครึ้งนึงเราให้เป็นเงินเพราะไม่รู้ซื้อไรล่ะ นางดีใจตาวิ้งเลยค่ะ แถมบอกคุณพ่อสามียิ้มๆค่ะ
       ตั้งแต่แต่งไปเราไม่เคยได้ดูแลพ่อแม่เราเลย ดูแลแต่บ้านเค้าแต่ก้อไม่เคยจะดีในสายตาเค้า อึดอัดมาก ขนาดอยุ่บ้านเราเองแท้ๆ จนแฟนเราย้ายมาทำงานใกล้ๆ กทม.แล้วเราย้ายตามไปนั่นแหละ ไปเช่าห้องเปล่าเดือนละพันก่าบาท ไม่มีแอร์อยุ่กันไม่ถึงปี ย้ายมาอยุ่อีกที่เดือนเกือบๆ สองพันใกล้ทีทำงานเรา แต่ให้เราจ่ายมัดจำห้อง เราซื้อเฟอร์ไปสองหมื่นก่าบาทตู้ เตียง โต๊ะ ที่นอน เพราะห้องเปล่าไม่มีไรเลย แฟนวิ่งงานต่างจังหวัดยี่สิบวันแล้วกลับมาหาเราแป้บๆ ก้อไป
       ตอนอยุ่บ้านเราเลี้ยงหมาตึวนึง แต่มาอยุ่อพาทเม้นเลี้ยงไม่ได้ จะเอามาฝากบ้านแม่เราแต่สามีให้แม่นางเลี้ยงเพราะแม่ชอบ จะได้ไม่เหงา หลังๆ ขอค่าอาหารหมาเดือนละสามพัน บอกมันโตแล้วกินจุ เราจะรับมาอยุ่ด้วยก้อไม่ให้เอามา เทศกาลกลับมาเห็บเต็มตัว จมูกชื้นแฉะ อืม
      ต่อมาแฟนเราย้ายงาน เงินเดือนดีขึ้นมาก เราย้ายเข้าเมืองมากขึ้นก้อมาเช่าอยุ่คอนโดใกล้ป้าเราค่ะเดือนละ 2,500 พอมาเช่าห้องแฟนเราจ่ายค่ะ แต่มัดจำเราจ่ายบอกไม่เงินเก็บ ค่ารถย้ายของเราจ่าย บ้านเราก้อยังผ่อนเหมือนเดิมแต่เราให้เช่าก่อนย้ายมา
     เราอยากให้สามีเราเริ่มเก็บออมเงินครอบครัวเผื่อมีน้องและจะได้ไม่สุรุ่ยสุร่ายแต่แฟนไม่ยอมเปิดบัญชีร่วม และไม่ให้เราถือเงิน มีแค่ค่าห้องเช่าที่เค้าจ่ายให้เท่านั้นกะไปกินข้าวกะเราเดือนละไม่กี่วัน เพราะออกต่างหวัดตลอดเดือน กลับมาแค่อาทิตย์เดียว หลายครั้งที่ทะเลาะจะเลิกกัน
ตบตีเราแผลช้ำก้อเคย พ่อแม่เค้ารับรู้ตลอดแต่ไม่เคยให้ความเป็นธรรมเราเลย เข้าข้างแต่ลูกตัวเอง เราเลยห่างๆ พอมาอยุ่คอนโดสักพัก แฟนเราได้เลื่อนขึ้นอยุ่ประจำออฟฟิสไม่ได้กลับบ้านไปหาแม่บ่อยเหมือนอยู่ต่างจังหวัดแล้ว สามีเราบอกว่าแม่เป็นโรคซึมเศร้า พอพี่ชายเสีย น้องชายยังเรียนโทอยุ่จุฬา และสามีเราต้องมาประจำออฟฟิสแล้ว อยากจะขอมาอยุ่ที่คอนโดด้วย
    เราถามกลับไปว่า แล้วนางไม่ต้องดูแลพ่อเธอหรา ก้อตอบมาว่าก้อทะเลาะกับพ่อนะหละ เหงาๆ เศร้าๆ เลยจะมาอยุ่ด้วย เราว่ามานอนเตียงเดียวกันสามคนผัวเมียหรอ แล้วที่ผ่านมาก้อมีปัญหากันมาตลอด เราไม่เคยได้รับความยุติธรรมเลย แล้วถ้ามาอยุ่ด้วยกันมั่นใจหรือว่าจะไม่มีปัญหา เราอึดอัดและทนมามากแล้ว ไม่อยากเจอสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จิตตกแล้ว แฟนก้อเงียบไป แล้วถามว่าจะให้ทำไง ต้องเลือกหรา เมีย แม่ เราว่าไม่ได้ให้เลือกแต่ต้องรักษาระยะห่างกัน ในเมื่อเราไม่มีความสุขก้ออย่าอยู่ด้วยกันเลย เราเป็นลูกสาว พ่อแม่เรายังปล่อยให้เรามาใช้ชีวิตคู่กันเลย ไม่ได้เข้ามาก้าวก่ายชีวิตคู่ลูกแบบนี้  อีกอย่างสามีแม่ก้อยังอยุ่ด้วยกันก้อเงียบไป เบื่อค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่