เมื่ิอฉันเจอผี...

สมัยเด็กๆช่วง7-11ขวบฉันมักจะมีประสพการ์ณเรื่องเหนือธรรมชาติบ่อยครั้ง ซึ่งส่วนมากมันก็เกิดจากที่ฉันเล่นอะไรพิเรนท์ๆทั้งนั้น ย้อนไปช่วงนั้น ครั้งเเรกที่ฉันเผลอทำไปก็คือ ฉันมักจะหยิบของที่ตกพ้นกลับบ้านไป อาจเพราะฉันเสียดาย หรือฉันสงสัยละกระมั้งถึงทำเเบบนั้นไป เเละหนึ่งในสิ่งที่ฉันเอาไปบ่อยๆครั้งเเละกว่าจะรู้ตัวก็สัก2ปีได้ก็คือ ตุ๊กตานางรำที่ศาลเจ้า ฉันมักจะหยิบตุ๊กตาเหล่านั้นกลับไปหากฉันพบว่ามันตกที่ไหน เเละเเน่นอนฉันไม่ได้เอาเข้าบ้าน เเต่จะวางใว้ในศาลที่อยู่เเถวๆนั้นเเละอยู่ในสภาพดีเเทน นั้นคือสิ่งที่จำได้เพราะหลังจากนั้นฉันก็เจอเรื่องเเปลกๆเสมอๆจนถึงทุกวันนี้ ฉันเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องผีหรือสิ่งเร้นลับเท่าไหร่นัก เเต่ก็ไม่รักเกียจที่จะฟังหรือเล่าใหใครต่อใครฟังดั่งที่ฉันจะเล่าให้เรื่องหนึ่งสำหรับผู้ที่สนใจเเละใคร่จักถามฉันถึงสิ่งต่างๆที่ฉันพบเจอมา
ยกตัวอย่างสักเรื่องก็เเล้วกันนี่คือเเผนผังบ้านของฉันส่วนด้านหน้า น่าจะพอทำให้เห็นภาพระหว่างเล่าได้ เริ่มเสียดีกว่า....
คืนวันเสาท์ เวลาราวก่อนที่ยงคืน พ่อของฉันกลับบ้านหลังจากงานศพ ขณะนั้นฉัน เเม่ เเละน้องชาย เราอยู่ด้วยกันดูละคนรอบดึกอยู่ พอซักพักไม่นานสั้น ทั้งเเม่ น้องชาย เเละพ่อก็ลุกขึ้นไปห้องนอนด้วยความอ่อนเพลีย เเม่ของฉันก่อนจะเข้าห้องนอน ท่านบอกกับฉันจากหน้าห้องนอนที่ชั้นสองว่า
"ลูก รีบมานอนนะ ดึกมากเเล้ว"
ฉันที่อยากจะดูหนังรอบดึกมากก่านอนเร็ว บวกกับที่วันนั้นเป้นวันหยุด ฉันจึงบอกเเม่ว่า
"เเม่ ไปนอนเถอะเดียวฉันตามไป"
"รีบมานอนนะ วันนี้วันพระเเละยังจะมีงานศพอีก ไม่รีบมาระวังโดนผี่หลอกละ" จากนั้นเเม่ก็ทำเสียงผีหลอกสุดคลาสสิกอย่าง"กุ๊กกุ๊กกูวว"
"พอเถอะเเม่ ไปนอนเถอะ ฉันเจอมาพอเเล้ว ฉันไม่กลัวหรอก" ฉันตอบไปเเบนั้น จากนั้นเเม่ก็หัวเราะเบาๆเเละเดินเข้าไปในห้องนอนตามด้วยเสียงประตูปิดลง
เวลาราวเที่ยงคืนครึ่ง ฉันดูหนังอยู่คนเดียว นั่งอยู่บนเบาะหน้าทีวี ช่องเจ็ด ช่องบิ๊กซีนีม่า เเต่เมื่ฉันดูไปได้ซักพัก ฉันกลับรู้สึกเบื่อความไม่ต่อเนื่องขงหนังเเละโฆษณาเหล้าที่เข้าคั้นในตอนที่สนุกอยู่ได้ ฉันจึงตัดสินใจปิดเเละเดนขึ้นชั้นสองเเละเขาไปห้องน้ำ ฉันเเปรงฟันที่หน้ากระจกในห้องน้ำ เมื่อมองจากทางขวาจะเป็นประตูทางเข้า/ออก ฉันไม่กล้าที่จะปิดประตูห้องน้ำเพราะฉันกลัว ที่หน้าประตูมีตู้ใบหนึ่งอยู่ มันเป็นของเเม่เเละมันก็ตั้งขวางที่หน้าห้องน้ำเพราะมันใช้เป็นที่กั้นฉากได้ คืนนั้นเงียบสงบ ฉันเเปรงฟันด้วยความใจเย็นเเต่สิ่งที่เเม่บอกฉันก็ยังคอยหลอกหลอนฉันอยู่ ฉันสบัดความคิดนั้นออกไปพร้อมกับการบถมน้ำลายเเละยาสีฟันออกก่อนจะเเปลงต่อ เเต่เเล้ว ด้วยเหตุใดดลใจฉัน ฉันหันขวาไปมองที่ตู้นั้นที่ทางขวาสุด ฉันจ้องไปที่ประตูห้องนอน เเละฉันก็เห็นบางสิ่งที่มุมตู้ สิ่งที่ไม่ควรมีเเลมักจะมาในยามนี้เสมอ ฉันอธิบายให้เห็นภาพก็ไม่ได้เพราะสิ่งนั้นไร้หน้าตาเเละหูตาปากจมูก มันมีใบหน้าที่ไม่เรียบเนียนเเต่ปุปะราวกับทำจากกระสอบผ้าป่านก็ไม่ปาน มันเเอบออยู่ที่มุมตู้ของเเม่ เเอบอยู่ตรงนั้นเเต่ก็ยังเหนตัวของมันชัดเจน ฉันจ้องมันตาไม่กระพริบเเละพยายามไม่พูดอะไรถึงมัน ฉันที่คุ้นชินกับสิ่งเหล่านี้จะไม่ทักสิ่งไหนเเละจะไม่พูดกับอะไรตราบสิ่งนั้นไม่ได้เรียกหาฉันเกินสามครั้ง ฉันสงบสติอารมณ์ของตัวเองได้เเละเเปรงฟันต่อ อย่าหาว่าฉันกล้าหาญหรือบาเเต่อย่าใดเพราะในขณะนั้นฉันกักลัวกับสิ่งที่เห็นอยู่ เเละด้วยความสังสัยที่ไม่จางหายฉันถึงหันไปดูอีกครั้งที่มุมเดิม มันค่อยๆชัดเจนขึ้น ฉันเริ่มเห้นตัวของมันชัดขึ้น หัวของมันเหมือนจะโผล่พ้นออกมาชัดเจน เเละฉันก็เเน่ใจเเล้วว่ามันคอยจองมองดูฉันอยู่ เมื่อฉันหันกลับไปดูถึงสามครั้ง ครั้งนี้ฉันเริ่มมีคามรู้สึกอื่น หาใช่ความกลับ เเต่เป็นความขุ่นเคืองใจ ของใจ เเละสงสัยใคร่รู้ ฉันเห้นมือของมันที่ขอบมุมตู้นั้นชัดขึ้นเเละเริ่มเหันส่วนที่เป็นหัวนั้นชัดเจน ถ้าจักอธิบายเเล้ว มันเหมือนกับตัวของมันคลุมตัวองดวยถุงอะไรซักอย่างมากๆ ครั้งที่สี่ฉันหมดความอดทน เหมือนความกลัวที่ฉันมีจะหลีกทางให้ฉันไปสิ้น ฉันโยนเเปรงฟันลงเเละเดินไปที่หน้าประตูห้องน้ำ เเละจ้องไปที่มุมนั้น ฉันมองไปที่มันซักพักเมื่อเห็นมันไม่ยอมไปไหนฉันจึงมองไปรอบๆตัว อะไรก็ได้ที่พอจะเป็นอาวุธได้ ฉันคว้าปืนเด็กเล่นกระบอกหนึ่งขึ้นมา มันเป็นปืนอัดลมที่มีหน้าตาเเบบนี้
ฉันเดินเข้าไปหามันพร้อมกับชักขันลำดันกระสุนเข้ารังเพลิงเสียงดังเพื่อข่มขวัญสิ่งนั้นเเละเรียกขวัญตัวเเละมันเหมือนจะได้ผลเมื่อเจ้าผีนั้นจะหนีไปจริงๆ ฉันเห็นมันเเวบเข้าไปที่ห้องพ่อที่อยู่ตรงข้ามกับห้องนอนรวมของเรา ที่ห้องนั้นไม่มีสิ่งใดนอกจากเสื้อผ้า ความร้อนอบอ้าว ตู้เก่าๆ เเละความมืดที่น่าหวาดหวั่น ฉันมองที่ลูกบิดประตูที่ดูเหมือนจะเชื้อเชิญให้ฉันเข้าไปหามัน เเต่ฉันกลับคิดถึงวิธื่นได้ เหตุใดเล่าฉันถึงเข้าไป ตรงกันข้าม ฉันเดินกลับไปที่หน้าตู้ของเเม่ คว้าเอาหวีคันหนึ่งออกมาเเละเดินกลับไปที่หน้าห้องพ่อจากนั้นก็เอาหวีคันนั้นสอดล็อกจากข้างนอกเเทน ฉันขังเจ้านันไว้ในห้องพ่อ เเละช่วงเวลานั้นก็ทำให้ฉันโล่งใจเป็นที่สุด ฉันกลับไปที่ห้งน้ำเเละเเปรงฟันให้จบจากนั้นก็ออกมาเช็ดหน้าตาให้เเห้ง จากตรงนี้ฉันค่อนข้างกังวลมากเพราะฉันต้องปิดไฟ ซึ่งสวิทช์นั้นดันอยู่ข้างๆห้องของพ่อเเละห้องนอนก็อยู่ตรงข้ามกับห้องพ่อ เมื่อฉันเดินไป ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆเเละกระพริบตาถี่ๆเพื่อที่จะจำทางไปให้ได้ จากนั้นฉันก็ปิดไฟเเละเดินไปที่ห้องนอน มือขวาถือปืน มือซ้ายค่อยๆเอื่อมไปที่ลูกบิดที่อยู่ตรงหน้าด้วยคว่ามโล่งใจ เเต่เเละความโล่งใจถูกทำลายสิ้น ก่อนที่ปลายนิ้วจะได้เเตะต้องลูกบิด ประตูห้องพ่อที่อยู่ด้านหลังของฉันก็ระเบิดออก ฉันหันหลังกลับเเต่เเล้วขาของฉันก็พลันไม่มีเรี่ยวเเรง พริบตาฉันหลายเป็นคนพิการที่นั่งเเหมะอยู่หนาประตูห้องนอน มีสองสิ่งทีต้องทำ หาลูกบิดประตูเเละดึงตัวเองขึ้นเเละสู้กับสิ่งที่มองไม่เห็น ฉันยิงปืนใส่ห้องพ่อเเละพลัดกันดึงตัวเละใช้มือขวานหาลูกบิดประตูที่อยู่ด้านหลังของฉัน ฉันเอาพานท้าปืกระเเทกขา พรั้งพร้อมกับตะโกนใส่มันร้องขอให้มันมีเรี่ยวมีเเรงลุกขึ้นเดิน ฉันเหมอนคนพิการในเสี่ยววินาทีเเละเวลาก็ผ่านไปราวนับปีหรือหลายชั่วโมง จนฉันเจอลูกบิดประตู ฉัรรีบดึงตัเองขึ้นเเละใช้ปืนพยุงตัวเองเหมือนคนที่เสียศูนย์ ฉันรู้ว่าฉันเเทบจะมุดเข้าไปในห้องนอน เเละรีบปิดประตูทันที เเละสิ่งที่เเปลกใจก็เกิดขึ้นตามคือ พ่อ เเม่ น้องชาย ทุกคนราวกับพึ่งตื่นหลังจากที่ฉันพึ่งโวยวายเเละส่งเสียงร้องไปหลายๆครั้ง
"เกิดอะไรขึ้น" เเม่ผมถามด้วยน้ำเสียงอ่อนเพลียเเเละตกใจ ฉันจึงตอบไป เเต่กว่าฉันจะกลับมาเรียบเรียงปรธโยคได้ก็ใช้เวลานานโข เเต่ก้ทำได้ในที่สุดว่า
"ฉันโดนผีหลอก"
"สมเเล้ว เเม่บอกเเล้ววันนี้วันพระ สงสัยคนที่พ่อไปงานศพนั้นมาเเน่นอน"
"ทำไมครับ?"
"เขาเคยมาซ่อมหลังคาที่บ้านเมื่อก่อนเเละเเวะมาที่บ้านเราหลายๆครั้ง เขาคงมาเก็บรอยมือรอยเท้านะสิ"
.........
นี้คือตัวอย่างสิ่งที่เกิดขึ้น อันทีจริงฉันก็มีหลายๆเรื่งที่อยากจะเล่าให้ฟัง เพราะฉันก็เจอเเบบจังๆเเบบนี้มาหลายๆครั้งหลายคราคนฉันรูวิธีจัดการด้วยความชินชาเสียเเล้ว
อ้อก่อนจะวางมือลง ฉันขอเล่าเสริมนิด หลังจากเหตุการ์ณนั้นผ่านไปไม่นาน ฉันก็เจอกับเจ้าผีถุงกระสอบนั้นหลายต่อหลายครั้ง บ่อยครั้งฉันมักเจอที่หน้าห้องน้ำเสมอ ซึ่งจานั้น ฉันก็เเทบจะสินความกลัวต่อมันไปหลายๆต่อหลายวันทันทีเเละทุกครั้งที่เจอมัน ฉันเเทบจะหงุดหงิดมันหรือบ่นกับมันเเทน....คุณจะเชื่อหรือไม่ก็เเล้วเเต่ เเต่ฉันรับรองว่าสิ่งๆนี้ที่ฉันใช้เวลาสองชั่วโมงบรรจงเขียนขึ้นมานี้เป็นเรื่องจริงเเท้หาได้ใส่สีด้วยคำโกหกหรือหลอกลวงเเต่อย่าใดเพราะฉันจะทำเช่นนั้นไปเพื่ออะไรในเมื่องสิ่งๆนี้เป็นสิ่งที่ติดค้างในความทรงจำของฉันตลอดเวลาสมัยเด็กๆ
ขอบคุณที่อ่าน หากกระทู้นี้ได้รับความสนใจ ฉันอาจจะกลับมาเขียนใหม่อีกในคราวหลัง...สวัสดีเข้ามาดูอมยิ้ม16
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่