จะเรียกว่ารีวิวได้ไหมไม่รู้ เอาเป็นว่านี่ถือเป็นการแชร์ประสบการณ์การฉีด Filler ครั้งแรกในรอบเกือบจะสามสิบปีก็แล้วกันนะคะ 55555 สาเหตุที่ไปฉีดก็เพราะกังวลเรื่องความหย่อนคล้อยแล้วก็เรื่องคางที่เราคิดว่ามันสั้นไปสำหรับเรา โดยคลินิกที่เราไปฉีดชื่อว่า “Ann Clinic” ที่อยู่ตรงข้ามกับเซนทรัลพระรามสอง เราเลือกที่นี่เพราะมีเพื่อนที่เคยฉีดกับคุณหมอแอนแนะนำมา ซึ่งต่อไปนี้ก็ขอเชิญพบกับหน้าสดก่อนฉีดของเราได้เลยค่ะ เย้ ..
ก่อนจะฉีด เราก็เข้าไปรับคำปรึกษาจากคุณหมอแอนก่อน ซึ่งเราก็บอกปัญหาที่เรากังวลกับคุณหมอไป ทั้งในเรื่องของแก้มที่เริ่มหย่อน แล้วก็เรื่องของคางที่เราคิดว่าสั้นไป โดยคุณหมอก็วิเคราะห์ปัญหาแล้วก็ให้คำแนะนำมาตามนี้ค่า
- เรื่องของแก้มที่หย่อน: แน่นอนว่าอายุมากขึ้น ความหย่อนคล้อยก็ตามมาเป็นเรื่องปกติ คุณหมอก็เลยแนะนำให้เราฉีดบริเวณหน้าแก้มไปประมาณ 1 ซีซี เพื่อให้แก้มดูฟู มีมิติมากขึ้น และอีกอย่างคือคุณหมอแอนบอกว่าจะทำให้แก้มดู Lift ขึ้นด้วย
- เรื่องของคางที่เราคิดว่าสั้นไป: คุณหมอก็แนะนำให้เพิ่มไปประมาณ 2 ซีซี มันก็จะดูยาวได้รูปขึ้นค่ะ
หลังจากปรึกษาคุณหมอแอนเสร็จ หนึ่งในสิ่งที่เราประทับใจมากคือ คุณหมอเขาไม่ยัดเยียดขายคอร์สอะไรเลย แนะนำตามจริง แก้ไขตามส่วนที่เรากังวล อาจมีแนะนำบ้างว่าตรงไหนดีแล้วไม่ควรแก้และตรงไหนที่ควรแก้ไข ซึ่งมันเหมือนเราเข้าไปนั่งคุยกับเพื่อน (ชอบตรงจุดนี้มากจริงๆ) Filler ที่คลินิกใช้เป็นของ Juvederm ค่ะ ปลอดภัย มีอย. สามารถอยู่ได้นานเกือบ 2 ปีเลย โดยก่อนฉีดคุณหมอได้ให้เราสำรวจกล่องและตัวผลิตภัณฑ์ก่อนเพื่อความสบายใจ อุอุ ^-^ จากนั้นก็เริ่มทำความสะอาดหน้า ระหว่างที่กำลังคลีนหน้า คุณหมอก็อธิบายเรื่องของเข็มที่ฉีดว่าจะมีลักษณะเป็นเข็มหัวทู่ (Blunt Cannula) ซึ่งมันอาจจะใหญ่และยาว .. อ้าว ตื่นสิคะ นี่กลายเป็นคนกลัวเข็มไปเลย จะเปลี่ยนใจตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วด้วย T^T เลยได้แต่เอาวะ ทนเจ็บแปปเดียว เดี๋ยวก็เสร็จ ..

พอคุณหมอแอนพูดจบก็ได้แต่ยิ้มๆ แล้วปลอบใจว่า “ไม่เจ็บหรอกค่ะ” บอกเลยว่าตอนนั้นคิดในใจว่า “ฉันจะเชื่อเธอได้เยี่ยงไร ฮือ” แต่โชคดีที่คุณหมอแอนบอกว่าก่อนฉีดจะฉีดยาชาเฉพาะจุดให้ก่อน ก็เลยรู้สึกสบายใจไปเปาะนึง ซึ่งเอาเข้าจริง ทั้งตอนฉีดยาชาและฉีด Filler คือมันไม่เจ็บเลยอ่ะ แค่รู้สึกเย็นๆ เพราะเข็ม นอกนั้นคือแทบไม่รู้สึกอะไรเลย โดยจุดที่คุณหมอแอนฉีดให้คือบริเวณหน้าแก้ม 1 ซีซี และบริเวณคางอีก 2 ซีซี จากนั้นก็จับๆ ให้เข้าที่นิดหน่อย ย้ำอีกทีว่ามันไม่เจ็บเลยค่ะ ฮือ ดีใจ อุตสาห์เตรียมใจสู้ (ไม่มีรูปตอนฉีด เพราะตอนนั้นไม่กล้ายกกล้องขึ้นมาถ่ายกลัวเห็นเข็มแล้วจะเป็นกระต่ายตื่นตูม)
คราวนี้มาดูเปรียบเทียบระหว่างก่อนฉีดและหลังฉีดกันค่ะ ส่วนตัวเราว่าเห็นความต่างตั้งแต่ฉีดเสร็จเลยนะ สังเกตว่าแก้มมันดูอิ่มขึ้น หน้าดูเด็กขึ้น ส่วนคางก็ดูยาวขึ้นมาหน่อย ถูกใจมาก มันดูเป็นธรรมชาติมากๆ และหลังจากฉีดเสร็จคุณหมอก็ได้แนะนำในส่วนของการดูแลตัวเองหลังจากฉีด Filler ว่า
- ไม่ควรดื่มแอลกอฮอลล์ 2-3 วัน เพื่อลดอาการบวม แดง
- งดทำเลเซอร์หรือนวดหน้าบริเวณที่ฉีดเป็นเวลา 2 สัปดาห์
- งดอบซาวน่าหรือทำอะไรที่ต้องอังหน้ากับความร้อนเป็นเวลา 2 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงการโดนแดดร้อนและที่เย็นจัด
สุดท้ายนี้อยากจะฝากบอกทุกคนหน่อยนะคะว่า ถ้าคิดจะฉีดอะไรก็ตามแต่ ศึกษาให้ดีก่อน นอกจากเรื่องของคลินิกแล้ว สิ่งที่อยากจะให้โฟกัสคือความชำนาญของคุณหมอที่ฉีดให้ รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ใช้ เพื่อความสวยที่จะอยู่คู่กับเราอย่างปลอดภัยนะคะ ^-^
[CR] ฉีด Filler ครั้งแรกที่ Ann Clinic จะเจ็บไหมหนอ ..
ก่อนจะฉีด เราก็เข้าไปรับคำปรึกษาจากคุณหมอแอนก่อน ซึ่งเราก็บอกปัญหาที่เรากังวลกับคุณหมอไป ทั้งในเรื่องของแก้มที่เริ่มหย่อน แล้วก็เรื่องของคางที่เราคิดว่าสั้นไป โดยคุณหมอก็วิเคราะห์ปัญหาแล้วก็ให้คำแนะนำมาตามนี้ค่า
- เรื่องของแก้มที่หย่อน: แน่นอนว่าอายุมากขึ้น ความหย่อนคล้อยก็ตามมาเป็นเรื่องปกติ คุณหมอก็เลยแนะนำให้เราฉีดบริเวณหน้าแก้มไปประมาณ 1 ซีซี เพื่อให้แก้มดูฟู มีมิติมากขึ้น และอีกอย่างคือคุณหมอแอนบอกว่าจะทำให้แก้มดู Lift ขึ้นด้วย
- เรื่องของคางที่เราคิดว่าสั้นไป: คุณหมอก็แนะนำให้เพิ่มไปประมาณ 2 ซีซี มันก็จะดูยาวได้รูปขึ้นค่ะ
หลังจากปรึกษาคุณหมอแอนเสร็จ หนึ่งในสิ่งที่เราประทับใจมากคือ คุณหมอเขาไม่ยัดเยียดขายคอร์สอะไรเลย แนะนำตามจริง แก้ไขตามส่วนที่เรากังวล อาจมีแนะนำบ้างว่าตรงไหนดีแล้วไม่ควรแก้และตรงไหนที่ควรแก้ไข ซึ่งมันเหมือนเราเข้าไปนั่งคุยกับเพื่อน (ชอบตรงจุดนี้มากจริงๆ) Filler ที่คลินิกใช้เป็นของ Juvederm ค่ะ ปลอดภัย มีอย. สามารถอยู่ได้นานเกือบ 2 ปีเลย โดยก่อนฉีดคุณหมอได้ให้เราสำรวจกล่องและตัวผลิตภัณฑ์ก่อนเพื่อความสบายใจ อุอุ ^-^ จากนั้นก็เริ่มทำความสะอาดหน้า ระหว่างที่กำลังคลีนหน้า คุณหมอก็อธิบายเรื่องของเข็มที่ฉีดว่าจะมีลักษณะเป็นเข็มหัวทู่ (Blunt Cannula) ซึ่งมันอาจจะใหญ่และยาว .. อ้าว ตื่นสิคะ นี่กลายเป็นคนกลัวเข็มไปเลย จะเปลี่ยนใจตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วด้วย T^T เลยได้แต่เอาวะ ทนเจ็บแปปเดียว เดี๋ยวก็เสร็จ ..
พอคุณหมอแอนพูดจบก็ได้แต่ยิ้มๆ แล้วปลอบใจว่า “ไม่เจ็บหรอกค่ะ” บอกเลยว่าตอนนั้นคิดในใจว่า “ฉันจะเชื่อเธอได้เยี่ยงไร ฮือ” แต่โชคดีที่คุณหมอแอนบอกว่าก่อนฉีดจะฉีดยาชาเฉพาะจุดให้ก่อน ก็เลยรู้สึกสบายใจไปเปาะนึง ซึ่งเอาเข้าจริง ทั้งตอนฉีดยาชาและฉีด Filler คือมันไม่เจ็บเลยอ่ะ แค่รู้สึกเย็นๆ เพราะเข็ม นอกนั้นคือแทบไม่รู้สึกอะไรเลย โดยจุดที่คุณหมอแอนฉีดให้คือบริเวณหน้าแก้ม 1 ซีซี และบริเวณคางอีก 2 ซีซี จากนั้นก็จับๆ ให้เข้าที่นิดหน่อย ย้ำอีกทีว่ามันไม่เจ็บเลยค่ะ ฮือ ดีใจ อุตสาห์เตรียมใจสู้ (ไม่มีรูปตอนฉีด เพราะตอนนั้นไม่กล้ายกกล้องขึ้นมาถ่ายกลัวเห็นเข็มแล้วจะเป็นกระต่ายตื่นตูม)
คราวนี้มาดูเปรียบเทียบระหว่างก่อนฉีดและหลังฉีดกันค่ะ ส่วนตัวเราว่าเห็นความต่างตั้งแต่ฉีดเสร็จเลยนะ สังเกตว่าแก้มมันดูอิ่มขึ้น หน้าดูเด็กขึ้น ส่วนคางก็ดูยาวขึ้นมาหน่อย ถูกใจมาก มันดูเป็นธรรมชาติมากๆ และหลังจากฉีดเสร็จคุณหมอก็ได้แนะนำในส่วนของการดูแลตัวเองหลังจากฉีด Filler ว่า
- ไม่ควรดื่มแอลกอฮอลล์ 2-3 วัน เพื่อลดอาการบวม แดง
- งดทำเลเซอร์หรือนวดหน้าบริเวณที่ฉีดเป็นเวลา 2 สัปดาห์
- งดอบซาวน่าหรือทำอะไรที่ต้องอังหน้ากับความร้อนเป็นเวลา 2 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงการโดนแดดร้อนและที่เย็นจัด
สุดท้ายนี้อยากจะฝากบอกทุกคนหน่อยนะคะว่า ถ้าคิดจะฉีดอะไรก็ตามแต่ ศึกษาให้ดีก่อน นอกจากเรื่องของคลินิกแล้ว สิ่งที่อยากจะให้โฟกัสคือความชำนาญของคุณหมอที่ฉีดให้ รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ใช้ เพื่อความสวยที่จะอยู่คู่กับเราอย่างปลอดภัยนะคะ ^-^