เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อวันที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา เวลา 18.07 นาที เราพาแม่ไปนั่งกินของหวานที่ร้าน Sfree สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าวชั้นใต้ดินโดยเอาโน้ตบุ๊คยี่ห้อ HP ที่ซื้อมาได้ปีกว่ามานั่งทำงานด้วย เราจะพกโน้ตบุ๊คติดตัวไปไหนมาไหนด้วยตลอดเพราะส่วนมากเราทำงานแปลข่าวข้างนอก คิดว่าแปลเสร็จข่าวนึงก็จะเดินทางออกจากห้างแล้วคงไม่เกินชั่วโมง เราเลือกที่นั่งใต้บันไดเลื่อนเพราะมีปลั๊กค่ะแต่ตอนแรกเราไม่รู้จริง ๆ ว่าข้างบนหัวเรามันคือบันไดเลื่อน ตอนที่เราทำงานเสร็จกำลังจะส่งและเตรียมจ่ายเงิน ...อยู่ๆ ก็มีน้ำช็อกโกแลตปั่นตกลงมาจากที่สูงลงมาบนโน้ตบุ๊คเราดังโพล๊ะ คนที่นั่งโต๊ะข้าง ๆ ก็ได้ยินและเอาทิชชูมาให้เราเช็ดน้ำช็อคโกแลตปั่นออก จากนั้นแม่เราก็ไปเรียกพนักงานมาช่วยเช็ด ตอนแรกเราคิดว่าน้ำตกลงมาร้านคอฟฟี่ช็อปแนว ๆ เดียวกันที่อยู่ข้างบนแต่พนักงานบอกว่ามันเป็นบันไดเลื่อน ไม่ได้มีร้านแบบที่เราคิด ต่อมาพนักงานในร้านคนนึงก็ขึ้นไปดูให้ว่าใครเป็นคนทำ แต่เค้าบอกว่าไม่เจอ ตอนนี้เราไปที่ห้างก็ยังเห็นรอยเปื้อนของช็อคโกแลตปั่นติดอยู่บริเวณใต้บันไดเลื่อนอยู่เลย
จากที่เราได้ไปเช็คดูในกล้องวงจรปิดระยะเวลาที่มีคนเทน้ำลงมากับเวลาที่พนักงานขึ้นไปดูให้มันห่างกันเป็นนาทีเลยซึ่งมากพอที่คนไร้ความรับผิดชอบจะเดินไปไหนต่อไหนได้ หลังจากที่เราเห็นว่าใครเป็นคนทำดูจากจังหวะที่แม่ลูกคู่นี้เดินถือแก้วขึ้นบันไดไปและจากนั้นจะมีพนักงานร้านใส่เสื้อสีฟ้าตามขึ้นไปดูและกลับลงมา เราก็ติดต่อกับทางร้านซึ่งบอกว่าจะไม่มีใครรับผิดชอบอะไรให้เราทั้งนั้นทั้งร้านและห้างนอกจากคนทำ ช่วยได้แค่อำนวยความสะดวกในการดูกล้องวงจรปิด (สรุปโดยย่อ) เราเลยบอกว่าอยากจะไปตามดูกล้องตัวต่อไปว่าสองคนนี้เดินไปที่ไหนต่อเผื่อจะมีทางได้ข้อมูลอะไรบ้าง ทางร้านบอกว่าห้างต้องการให้เราไปแจ้งความขอติดตามตัวบุคคลก่อนถึงจะให้ดูได้ เราก็เลยกลับไปที่สถานีตำรวจพหลโยธินอีกรอบหลังจากที่ได้ลงบันทึกประจำวันเอาไว้แล้วในวันเกิดเหตุแต่ตำรวจหญิงที่เป็นร้อยเวรบอกว่ามันเป็นคดีแพ่งรับแจ้งความเพิ่มไม่ได้ เราก็เลยไปปรึกษาที่สภาทนายความ คุยกับทนายสามคนซึ่งยืนยันว่ามันคือคดีอาญาทำให้เสียทรัพย์เพราะยังไม่ได้สอบสวนรู้ได้ยังไงว่าคนทำประมาท เรากลับไปที่สถานีตำรวจอีกรอบคราวนี้ไม่เจอร้อยเวรคนเดิมเพราะเค้ากลับบ้านแล้ว เราได้คุยกับนายตำรวจอาวุโสอีกท่านหนึ่งซึ่งหลักจากถกเถียงกันสักพักว่าด้วยเรื่องแพ่งหรืออาญาก็ยอมเขียนใบแจ้งความใบใหม่ให้เราซึ่งอาจจะด้วยความรำคาญหน่อย ๆ แต่เราก็ซาบซึ้งและดีใจมาก
ลืมบอกไปโน้ตบุ๊คเราปุ่มคีย์บอร์ดพังเกือบทุกปุ่มและยังหาอะไหล่ซ่อมไม่ได้ แม่เราที่อยู่ในเหตุการณ์เห็นเราวุ่นวายตามดูกล้องก็เลยออกเงินซื้อเครื่องใหม่ให้เพราะรำคาญ ลำพังตัวเรามีเงินเก็บยังไม่พอซื้อเครื่องใหม่เลยเพราะเราเป็นคนเก็บเงินไม่เก่ง ถ้าแม่ไม่ช่วยเราก็คงลำบาก เราเสียดายเงินที่ต้องมาเสียกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ถ้าจะมีคนบอกว่าค่าซ่อมเข้าศูนย์ไม่เกินห้าพันแล้วที่เงินที่เราเอามาซื้อเครื่องใหม่อีกเป็นหมื่นล่ะไม่คิดบ้างเลยหรือแล้วงานเราก็ต้องใช้โน้ตบุ๊คทำทุกวันไม่มีวันหยุดมาเกือบสองปีแล้ว ถ้าเข้าศูนย์เป็นสองสามอาทิตย์เราจะเอาเครื่องไหนใช้ถ้าไม่เสียเงินซื้อใหม่
ช่วงเวลาที่เราวนเวียนไป ๆ มา ๆ ระหว่างห้าง สถานีตำรวจ สภาทนายความกินเวลาถึงสามอาทิตย์เพราะต้องเจียดเวลาทำงานไป สุดท้ายเราก็ขอดูกล้องวงจรปิดเพิ่มได้อีกจุดหนึ่งทำให้เราเห็นว่าสองแม่ลูกคู่นี้นัดพบกับเด็กผู้หญิงในชุดนักเรียนมัธยมปลายอีกคนหนึ่งก่อนจะรีบเดินเข้าไปซื้อของในร้าน Charles & Keith ซึ่งอยู่ห่างจากบันไดเลื่อนเพียงไม่กี่เมตร เข้าไปประมาณสิบกว่านาทีก็เดินถือถุงกระดาษของร้านออกมา เราคิดว่าจะขอดูเพิ่มว่าเค้าไปทางไหนต่อแต่ได้เวลาเลิกงานของห้างแล้วเราก็เลยจำต้องกลับไปก่อน ก่อนกลับมีพนักงานของทางห้างที่ช่วยเปิดกล้องให้เราดูบอกว่ามันไม่ยากที่จะรู้ชื่อของเค้าแต่ยากที่เค้าจะยอมรับและชนะคดีถ้าฟ้องร้องกันเพราะเดี๋ยวเค้าก็ต้องไปซื้อของทิ้งร่องรอยให้ตามได้ เราควรแน่ใจก่อนดีกว่าว่าเรามีหลักฐานพอจะชนะคดี ตรงนี้เราไม่เห็นด้วยเลยเพราะคดีที่ไม่มีตำรวจมาช่วยมันช่างยากลำบากเวลาต้องการข้อมูลอะไร
เราเล่าเรื่องให้พี่สาวฟังว่าหลังจากเค้าสร้างความลำบากให้กับเราแล้วเค้าก็เข้าไปซื้อของในร้านนี้ พี่สาวเราเลยบอกเราว่าบางทีเค้าอาจจะใช้บัตรเครดิตจ่ายเงินซื้อของและอาจตามจากตรงนั้นได้ เราเลยไปสอบถามที่ร้าน Charles & Keith ดูโดยเอาไปแจ้งความสองใบไปให้ดูประกอบ พนักงานที่ร้านบอกว่าช่วงนี้ร้านกำลังลดราคามีลูกค้าซื้อของวันละเป็นพัน ๆ คน เค้าไม่ได้เก็บหลักฐานอะไรเอาไว้เพราะเคลียร์เป็นรายวันถ้าจะขอดูข้อมูลย้อนหลังต้องแจ้งเรื่องไปทางบริษัทซึ่งต้องใช้เวลาเป็นเดือน !!!
สำหรับเราแล้วเราคิดว่าหลักฐานที่เรามีพอที่จะระบุตัวคนทำได้และเราอยากให้คนทำผิดรับผิดชอบในสิ่งที่เค้าทำแต่อุปสรรคที่เจอทำให้เราเหนื่อยและท้อจนคิดว่าคงไม่ตามเรื่องนี้ต่อ หากท่านผู้อ่านเกิดไปนั่งในร้านที่อยู่ใต้บันไดเลื่อนและเจอแบบเราโน้ตบุ๊คท่านอาจจะพังฟรี ๆ ได้ ระมัดระวังกันไว้นะคะ
โน้ตบุ๊คพังฟรี ๆ เพราะนั่งที่ร้าน Sfree สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว
จากที่เราได้ไปเช็คดูในกล้องวงจรปิดระยะเวลาที่มีคนเทน้ำลงมากับเวลาที่พนักงานขึ้นไปดูให้มันห่างกันเป็นนาทีเลยซึ่งมากพอที่คนไร้ความรับผิดชอบจะเดินไปไหนต่อไหนได้ หลังจากที่เราเห็นว่าใครเป็นคนทำดูจากจังหวะที่แม่ลูกคู่นี้เดินถือแก้วขึ้นบันไดไปและจากนั้นจะมีพนักงานร้านใส่เสื้อสีฟ้าตามขึ้นไปดูและกลับลงมา เราก็ติดต่อกับทางร้านซึ่งบอกว่าจะไม่มีใครรับผิดชอบอะไรให้เราทั้งนั้นทั้งร้านและห้างนอกจากคนทำ ช่วยได้แค่อำนวยความสะดวกในการดูกล้องวงจรปิด (สรุปโดยย่อ) เราเลยบอกว่าอยากจะไปตามดูกล้องตัวต่อไปว่าสองคนนี้เดินไปที่ไหนต่อเผื่อจะมีทางได้ข้อมูลอะไรบ้าง ทางร้านบอกว่าห้างต้องการให้เราไปแจ้งความขอติดตามตัวบุคคลก่อนถึงจะให้ดูได้ เราก็เลยกลับไปที่สถานีตำรวจพหลโยธินอีกรอบหลังจากที่ได้ลงบันทึกประจำวันเอาไว้แล้วในวันเกิดเหตุแต่ตำรวจหญิงที่เป็นร้อยเวรบอกว่ามันเป็นคดีแพ่งรับแจ้งความเพิ่มไม่ได้ เราก็เลยไปปรึกษาที่สภาทนายความ คุยกับทนายสามคนซึ่งยืนยันว่ามันคือคดีอาญาทำให้เสียทรัพย์เพราะยังไม่ได้สอบสวนรู้ได้ยังไงว่าคนทำประมาท เรากลับไปที่สถานีตำรวจอีกรอบคราวนี้ไม่เจอร้อยเวรคนเดิมเพราะเค้ากลับบ้านแล้ว เราได้คุยกับนายตำรวจอาวุโสอีกท่านหนึ่งซึ่งหลักจากถกเถียงกันสักพักว่าด้วยเรื่องแพ่งหรืออาญาก็ยอมเขียนใบแจ้งความใบใหม่ให้เราซึ่งอาจจะด้วยความรำคาญหน่อย ๆ แต่เราก็ซาบซึ้งและดีใจมาก
ลืมบอกไปโน้ตบุ๊คเราปุ่มคีย์บอร์ดพังเกือบทุกปุ่มและยังหาอะไหล่ซ่อมไม่ได้ แม่เราที่อยู่ในเหตุการณ์เห็นเราวุ่นวายตามดูกล้องก็เลยออกเงินซื้อเครื่องใหม่ให้เพราะรำคาญ ลำพังตัวเรามีเงินเก็บยังไม่พอซื้อเครื่องใหม่เลยเพราะเราเป็นคนเก็บเงินไม่เก่ง ถ้าแม่ไม่ช่วยเราก็คงลำบาก เราเสียดายเงินที่ต้องมาเสียกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ถ้าจะมีคนบอกว่าค่าซ่อมเข้าศูนย์ไม่เกินห้าพันแล้วที่เงินที่เราเอามาซื้อเครื่องใหม่อีกเป็นหมื่นล่ะไม่คิดบ้างเลยหรือแล้วงานเราก็ต้องใช้โน้ตบุ๊คทำทุกวันไม่มีวันหยุดมาเกือบสองปีแล้ว ถ้าเข้าศูนย์เป็นสองสามอาทิตย์เราจะเอาเครื่องไหนใช้ถ้าไม่เสียเงินซื้อใหม่
ช่วงเวลาที่เราวนเวียนไป ๆ มา ๆ ระหว่างห้าง สถานีตำรวจ สภาทนายความกินเวลาถึงสามอาทิตย์เพราะต้องเจียดเวลาทำงานไป สุดท้ายเราก็ขอดูกล้องวงจรปิดเพิ่มได้อีกจุดหนึ่งทำให้เราเห็นว่าสองแม่ลูกคู่นี้นัดพบกับเด็กผู้หญิงในชุดนักเรียนมัธยมปลายอีกคนหนึ่งก่อนจะรีบเดินเข้าไปซื้อของในร้าน Charles & Keith ซึ่งอยู่ห่างจากบันไดเลื่อนเพียงไม่กี่เมตร เข้าไปประมาณสิบกว่านาทีก็เดินถือถุงกระดาษของร้านออกมา เราคิดว่าจะขอดูเพิ่มว่าเค้าไปทางไหนต่อแต่ได้เวลาเลิกงานของห้างแล้วเราก็เลยจำต้องกลับไปก่อน ก่อนกลับมีพนักงานของทางห้างที่ช่วยเปิดกล้องให้เราดูบอกว่ามันไม่ยากที่จะรู้ชื่อของเค้าแต่ยากที่เค้าจะยอมรับและชนะคดีถ้าฟ้องร้องกันเพราะเดี๋ยวเค้าก็ต้องไปซื้อของทิ้งร่องรอยให้ตามได้ เราควรแน่ใจก่อนดีกว่าว่าเรามีหลักฐานพอจะชนะคดี ตรงนี้เราไม่เห็นด้วยเลยเพราะคดีที่ไม่มีตำรวจมาช่วยมันช่างยากลำบากเวลาต้องการข้อมูลอะไร
เราเล่าเรื่องให้พี่สาวฟังว่าหลังจากเค้าสร้างความลำบากให้กับเราแล้วเค้าก็เข้าไปซื้อของในร้านนี้ พี่สาวเราเลยบอกเราว่าบางทีเค้าอาจจะใช้บัตรเครดิตจ่ายเงินซื้อของและอาจตามจากตรงนั้นได้ เราเลยไปสอบถามที่ร้าน Charles & Keith ดูโดยเอาไปแจ้งความสองใบไปให้ดูประกอบ พนักงานที่ร้านบอกว่าช่วงนี้ร้านกำลังลดราคามีลูกค้าซื้อของวันละเป็นพัน ๆ คน เค้าไม่ได้เก็บหลักฐานอะไรเอาไว้เพราะเคลียร์เป็นรายวันถ้าจะขอดูข้อมูลย้อนหลังต้องแจ้งเรื่องไปทางบริษัทซึ่งต้องใช้เวลาเป็นเดือน !!!
สำหรับเราแล้วเราคิดว่าหลักฐานที่เรามีพอที่จะระบุตัวคนทำได้และเราอยากให้คนทำผิดรับผิดชอบในสิ่งที่เค้าทำแต่อุปสรรคที่เจอทำให้เราเหนื่อยและท้อจนคิดว่าคงไม่ตามเรื่องนี้ต่อ หากท่านผู้อ่านเกิดไปนั่งในร้านที่อยู่ใต้บันไดเลื่อนและเจอแบบเราโน้ตบุ๊คท่านอาจจะพังฟรี ๆ ได้ ระมัดระวังกันไว้นะคะ