ตอนที่ 3.
https://pantip.com/topic/36722605
ผมรู้จักลุงได้จากแอพๆนึ่ง ซึ่งตอนนั้นคิดอะไรก็ไม่รู้ ทำไมถึงทำตัวแบบนั้นก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน เรานัดคุยกัน ตอนนั้นเป็นตอนกลางคืน ประมาน3-4 ทุ่มที่เขามาหาเรา. พี่เขาอยู่อีกจังหวัดนึง. ผมอยู่อีกจังหวัดนึง แต่เป็นอำเภอที่ติดกันเลยไม่ไกลกันมากประมาน 30 กิโล เราก็คุยกันเรื่องปกติทั่วๆไปของคนไม่รู้จักกัน แต่ผมเป็นคนไม่ชอบแสแสร้ง สร้างภาพ หรือแสดงแต่แง่มุมดีๆ. ผมก็ให้เห็นแง่มุมของผมจริงๆ ตัวตนๆจริงของผมแหละคับ สบายใจดี แล้วเราก็ดื่มเบียร์ ผมเป็นเฮฮาอยู่แล้วประกอบกับพี่เอ็กแกเป็นคนกวนๆ (ออกไปทางกวนตีนด้วยซ้ำ) ทะลึ่งๆ คล้ายๆกัน เลยคุยกันถูกคอ พี่เอ็กแต่งตัวปอนด์ๆ เหมือนออกจากสวนจริงๆ กางเกงยืนส์เก่าๆ เสื้อยืดขาดๆ ผมหรอ....ใส่ชุดบอล ลากอีแตะสิคับ. ชุดนอนผมเลย5555 เป็นการเจอกันครั้งแรกโดยไม่คิดจะสร้างภาพด้วย. จริงๆเราคุยกันมาเกือบ1เดือนละ ถึงนัดกันกินเบียร์ จริงๆผมไม่ค่อยดื่มหรอก สังสรรค์ถึงกินคับ แต่เด็กช่างอ่ะเนาะ ใครส่งแอลกอฮอล์ชนิดใดก็รับได้ทุกสถานการแหละคับ. โดนเพื่อนๆฝึกฝนวิชามา5ปี 55555 สุดท้ายเป็นไงเมาเละสิคับ ประมานตนเองพลาดก็กินไปได้เยอะเหมือนกัน จนรู้สึกควบคุมตัวเองไม่ได้100% แต่พี่เอ็ก (ตอนนั้นเรียกเอ็ก) ยังไม่พอ. ดื่มอีก ดื่มจนแย่ แย่ ทั้งคู่ ไม่รู้อีท่าไหน ปากแกมาประกบปากผม. สุดท้ายผมก็ปล่อยเลยตามเลย (ข้ามไปเลยเนาะ. มันไม่ได้น่าสนใจหรือประทับใจอะไรหรอก อายว่ะ ไม่อยากจะคิด)
หลังจากนั้นเราทั้งคู่ก็หายการติดต่อไปพักนึง. สำหรับผมคืออายกับเรื่องวันนั้น เกือบ2 อาทิตย์ ถึงกลับมาคุยกันใหม่. ตอนนี้คุยทางไลน์. ไม่ขอเบอร์กันด้วยนะคับ. เพื่อนกันทางไลน์ หลังจากห่างหายกันไป เริ่มกับมาคุยกันใหม่ กินเบียร์บ่อยขึ้น. แต่ไม่กินเยอะคับ เด่วเมาอีก. คุยกันแบบนี้กับพี่เอ็กได้ 3-4 เดือน ผมถึงขอเบอร์ เพื่อคุยติดต่อกันเรื่องงาน หลังจากนั้นก็เริ่มทำงานด้วยกัน เริ่มตันจากเล็กๆน้อย จากหลักพัน เป็นหลักหมื่น แล้วก็คุยกันมาเรื่อยๆ เริ่มสนิทสนมกันมากขึ้น้น (ปีนี้ผมดีใจเหมือนกันที่หางานให้ลุงได้เป็นตัวเลข6-7หลักแล้ว อย่างน้อยได้ช่วยแบ่งเบาภาระลุงได้บ้าง).......เรื่องนี้ผ่านมาเกือบ 2 ปีละ
31 กรกฎาคม 2560
เมื่อคืน 22.37 น. ลุงส่งข้อความ เทคแคร์ กับฝันดีผม
แล้วเช้านี้ 8.55 น. ลุงส่งข้อความ มอนิ่ง และถามเรื่องงานที่ค้างคากันอยู่ ....
ต้าร์ ตกลงให้ผมเข้าไปเซ็นเอกสารไหมคับ ถ้าไงผมเข้าไปวันนี้แหละ เอากล้วยมาให้ด้วย
13.59 น. ลุงมาถึงสำนักงาน. วันนี้ไปไม่ได้ทานข้าวด้วยกัน เพราะคิดว่าลุงคงต้องรีบไปไร้สับปะรดต่อที่ชาติตระการ ถ้าขับรถจากสำนักงานเราไปไร่สับปะรดเกือบ2ชม.ได้ ตอนแรกกะจะชวนไปกินกาแฟ. แต่ลุงเล่นคุยกับผมไม่มองหน้าเลย หลบตาตลอด เลยคิดว่าลุงแกคงมีอะไรในใจ งั้นเราก็คุยเรื่องงานกันตรงนี้แหละ พร้อมทั้งเซ็นเอกสารไปด้วยที่เดียวเลย แล้วก็ถามเรื่องส่วนตัวผมบ้างนิดหน่อย ก่อนจะคุยเรื่องไปหยอดสับปะรด (ใช้สารอีทีฟ่อนเร่งการออกดอก และทุกหยอดทุกต้นของสับปะรด งานหนักไม่เบานะเนี่ย) แต่คงไม่เท่าไหร่หรอก ต่อให้หนักแค่ไหน มีพี่แป๋มคอยให้กำลังใจ คงทำได้ไม่ยาก (แอบเศร้าที่คนๆนั้นไม่ใช่เรา5555)
"ลุง ผมช่วยงานลุงได้แค่นี้แหละ" ผมส่งข้อความทางไลน์
"แค่นี้ ก็ขอบคุนมากแล้วครับ" ลุงตอบกลับในทันที
...... จริงๆก็คิดนะ ว่าเราควรทำยังไงดี. ควรจะดื้อกับใจแล้วสู้กับผู้หญิงคนนั่นแล้วเอาชนะใจลุงดีไหม แต่ก็ไม่กล้า เพราะความหวังเราเหมือนน้อยเหลือเกิน
ช่วงหัวค่ำ ลุงทักมาคุยเรื่องงานกับผมต่ออีกนิดหน่อย (ขณะที่อยู่บ้านพี่แป๋มที่ชาติตระการ) แต่ผมก็ไม่ได้คุยเล่นอะไรมากมาย ลุงส่งรูปที่ไร่สับปะรดมาให้ดูด้วย . ผมแสแสร้งไม่เป็นอะไร จะถามโน้นคุยนี้ก็กลัวลุงเหนื่อยจากงาน เด่วจะกลายเป็นผู้ชายเซ้าซี้งี้เง้าอีก เลยไม่คุยดีกว่า มาเขียนลงพันทิปดีฟ่า ประมาน 4 ทุ่มผมก็ส่งข้อความไปว่า "ขอนอนก่อนนะลุงง วันนี้ไม่ค่อยจะดี" แล้วสักพักลุงก็ตอบกลับว่าฝันดี (แต่ไม่ได้เล่าให้ลุงฟังหรอกนะ. ว่าที่ไม่ค่อยดีคือมีอาการมึนหัว และอาเจียน เพราะความคิดมากและเครียดๆ)
1สิงหาคม
08.53 น. ลุงส่งข้อความทักทาย
"ไม่สบาย เป็นไงบ้างครับ"
"เพิ่งมาทำงานครับ มึนหัว อาเจียนไปหลายรอบ" ผมกำลังนั่งลงที่โต๊ะทำงานพอดี
"ไปตรวจสุขภาพบางไหม พาไปครับ"
"ไม่ดีกว่า ปล่อยงี้แหละ"
"ตามใจนะงั้น"
"คับ" ...... (แง่ว !!! สงสัยเคืองผมแน่อ่ะ ที่ไม่ยอมไปตรวจสุขภาพ)
แล้วผมก็คิดถึงลุงอ่ะ. ทำงานก็คิดงานไม่ออก ไหนจะมาประชุมจังหวัดอีก ปวดหัวไปหมด ไม่รู้จะโดนโทษวินัยวันไหน ติดคุกเมื่อไหร่ คิดถึงแต่ลุง่ แต่ไม่กล้าเล่าเรื่องนี้(เรื่องงาน)ให้ลุงฟังอ่ะ ไม่อยากเป็นภาระลุง
"ลุงๆ กินเค้ก เบอเกอรี่ป่ะ" อีกแหละ ซื้อของให้ผู้ชายอีกแหละ ผมแวะซื้อเพื่อเอามาให้ลุงกิน ไม่รู้จะได้เจอกันเมื่อไหร่แต่ซื้อมาไว้ก่อนละกัน
ไม่รู้หรอกพรุ่งนี้จะเป็นยังไง จะมีชีวิตได้อีกนานแค่ไหน ได้อยู่ด้วยกันกับลุงได้นานแค่ไหน ได้พูดกันได้นานแค่ไหน ถ้าวันใดวันนึงเราจำเป็นต้องแยกจากกันก็คงต้องยอมจำนนต่อฟ้าดิน เหมือนที่ลุงคอยบอกเสมอว่า "เรื่องบังเอิญไม่มีอยู่จริง ทุกสิ่งฟ้ากำหนด"
ตอนที่4"รักกันตามฐานะ" เรื่องจริงกับชีวิตผมจริงๆ
ผมรู้จักลุงได้จากแอพๆนึ่ง ซึ่งตอนนั้นคิดอะไรก็ไม่รู้ ทำไมถึงทำตัวแบบนั้นก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน เรานัดคุยกัน ตอนนั้นเป็นตอนกลางคืน ประมาน3-4 ทุ่มที่เขามาหาเรา. พี่เขาอยู่อีกจังหวัดนึง. ผมอยู่อีกจังหวัดนึง แต่เป็นอำเภอที่ติดกันเลยไม่ไกลกันมากประมาน 30 กิโล เราก็คุยกันเรื่องปกติทั่วๆไปของคนไม่รู้จักกัน แต่ผมเป็นคนไม่ชอบแสแสร้ง สร้างภาพ หรือแสดงแต่แง่มุมดีๆ. ผมก็ให้เห็นแง่มุมของผมจริงๆ ตัวตนๆจริงของผมแหละคับ สบายใจดี แล้วเราก็ดื่มเบียร์ ผมเป็นเฮฮาอยู่แล้วประกอบกับพี่เอ็กแกเป็นคนกวนๆ (ออกไปทางกวนตีนด้วยซ้ำ) ทะลึ่งๆ คล้ายๆกัน เลยคุยกันถูกคอ พี่เอ็กแต่งตัวปอนด์ๆ เหมือนออกจากสวนจริงๆ กางเกงยืนส์เก่าๆ เสื้อยืดขาดๆ ผมหรอ....ใส่ชุดบอล ลากอีแตะสิคับ. ชุดนอนผมเลย5555 เป็นการเจอกันครั้งแรกโดยไม่คิดจะสร้างภาพด้วย. จริงๆเราคุยกันมาเกือบ1เดือนละ ถึงนัดกันกินเบียร์ จริงๆผมไม่ค่อยดื่มหรอก สังสรรค์ถึงกินคับ แต่เด็กช่างอ่ะเนาะ ใครส่งแอลกอฮอล์ชนิดใดก็รับได้ทุกสถานการแหละคับ. โดนเพื่อนๆฝึกฝนวิชามา5ปี 55555 สุดท้ายเป็นไงเมาเละสิคับ ประมานตนเองพลาดก็กินไปได้เยอะเหมือนกัน จนรู้สึกควบคุมตัวเองไม่ได้100% แต่พี่เอ็ก (ตอนนั้นเรียกเอ็ก) ยังไม่พอ. ดื่มอีก ดื่มจนแย่ แย่ ทั้งคู่ ไม่รู้อีท่าไหน ปากแกมาประกบปากผม. สุดท้ายผมก็ปล่อยเลยตามเลย (ข้ามไปเลยเนาะ. มันไม่ได้น่าสนใจหรือประทับใจอะไรหรอก อายว่ะ ไม่อยากจะคิด)
หลังจากนั้นเราทั้งคู่ก็หายการติดต่อไปพักนึง. สำหรับผมคืออายกับเรื่องวันนั้น เกือบ2 อาทิตย์ ถึงกลับมาคุยกันใหม่. ตอนนี้คุยทางไลน์. ไม่ขอเบอร์กันด้วยนะคับ. เพื่อนกันทางไลน์ หลังจากห่างหายกันไป เริ่มกับมาคุยกันใหม่ กินเบียร์บ่อยขึ้น. แต่ไม่กินเยอะคับ เด่วเมาอีก. คุยกันแบบนี้กับพี่เอ็กได้ 3-4 เดือน ผมถึงขอเบอร์ เพื่อคุยติดต่อกันเรื่องงาน หลังจากนั้นก็เริ่มทำงานด้วยกัน เริ่มตันจากเล็กๆน้อย จากหลักพัน เป็นหลักหมื่น แล้วก็คุยกันมาเรื่อยๆ เริ่มสนิทสนมกันมากขึ้น้น (ปีนี้ผมดีใจเหมือนกันที่หางานให้ลุงได้เป็นตัวเลข6-7หลักแล้ว อย่างน้อยได้ช่วยแบ่งเบาภาระลุงได้บ้าง).......เรื่องนี้ผ่านมาเกือบ 2 ปีละ
31 กรกฎาคม 2560
เมื่อคืน 22.37 น. ลุงส่งข้อความ เทคแคร์ กับฝันดีผม
แล้วเช้านี้ 8.55 น. ลุงส่งข้อความ มอนิ่ง และถามเรื่องงานที่ค้างคากันอยู่ ....
ต้าร์ ตกลงให้ผมเข้าไปเซ็นเอกสารไหมคับ ถ้าไงผมเข้าไปวันนี้แหละ เอากล้วยมาให้ด้วย
13.59 น. ลุงมาถึงสำนักงาน. วันนี้ไปไม่ได้ทานข้าวด้วยกัน เพราะคิดว่าลุงคงต้องรีบไปไร้สับปะรดต่อที่ชาติตระการ ถ้าขับรถจากสำนักงานเราไปไร่สับปะรดเกือบ2ชม.ได้ ตอนแรกกะจะชวนไปกินกาแฟ. แต่ลุงเล่นคุยกับผมไม่มองหน้าเลย หลบตาตลอด เลยคิดว่าลุงแกคงมีอะไรในใจ งั้นเราก็คุยเรื่องงานกันตรงนี้แหละ พร้อมทั้งเซ็นเอกสารไปด้วยที่เดียวเลย แล้วก็ถามเรื่องส่วนตัวผมบ้างนิดหน่อย ก่อนจะคุยเรื่องไปหยอดสับปะรด (ใช้สารอีทีฟ่อนเร่งการออกดอก และทุกหยอดทุกต้นของสับปะรด งานหนักไม่เบานะเนี่ย) แต่คงไม่เท่าไหร่หรอก ต่อให้หนักแค่ไหน มีพี่แป๋มคอยให้กำลังใจ คงทำได้ไม่ยาก (แอบเศร้าที่คนๆนั้นไม่ใช่เรา5555)
"ลุง ผมช่วยงานลุงได้แค่นี้แหละ" ผมส่งข้อความทางไลน์
"แค่นี้ ก็ขอบคุนมากแล้วครับ" ลุงตอบกลับในทันที
...... จริงๆก็คิดนะ ว่าเราควรทำยังไงดี. ควรจะดื้อกับใจแล้วสู้กับผู้หญิงคนนั่นแล้วเอาชนะใจลุงดีไหม แต่ก็ไม่กล้า เพราะความหวังเราเหมือนน้อยเหลือเกิน
ช่วงหัวค่ำ ลุงทักมาคุยเรื่องงานกับผมต่ออีกนิดหน่อย (ขณะที่อยู่บ้านพี่แป๋มที่ชาติตระการ) แต่ผมก็ไม่ได้คุยเล่นอะไรมากมาย ลุงส่งรูปที่ไร่สับปะรดมาให้ดูด้วย . ผมแสแสร้งไม่เป็นอะไร จะถามโน้นคุยนี้ก็กลัวลุงเหนื่อยจากงาน เด่วจะกลายเป็นผู้ชายเซ้าซี้งี้เง้าอีก เลยไม่คุยดีกว่า มาเขียนลงพันทิปดีฟ่า ประมาน 4 ทุ่มผมก็ส่งข้อความไปว่า "ขอนอนก่อนนะลุงง วันนี้ไม่ค่อยจะดี" แล้วสักพักลุงก็ตอบกลับว่าฝันดี (แต่ไม่ได้เล่าให้ลุงฟังหรอกนะ. ว่าที่ไม่ค่อยดีคือมีอาการมึนหัว และอาเจียน เพราะความคิดมากและเครียดๆ)
1สิงหาคม
08.53 น. ลุงส่งข้อความทักทาย
"ไม่สบาย เป็นไงบ้างครับ"
"เพิ่งมาทำงานครับ มึนหัว อาเจียนไปหลายรอบ" ผมกำลังนั่งลงที่โต๊ะทำงานพอดี
"ไปตรวจสุขภาพบางไหม พาไปครับ"
"ไม่ดีกว่า ปล่อยงี้แหละ"
"ตามใจนะงั้น"
"คับ" ...... (แง่ว !!! สงสัยเคืองผมแน่อ่ะ ที่ไม่ยอมไปตรวจสุขภาพ)
แล้วผมก็คิดถึงลุงอ่ะ. ทำงานก็คิดงานไม่ออก ไหนจะมาประชุมจังหวัดอีก ปวดหัวไปหมด ไม่รู้จะโดนโทษวินัยวันไหน ติดคุกเมื่อไหร่ คิดถึงแต่ลุง่ แต่ไม่กล้าเล่าเรื่องนี้(เรื่องงาน)ให้ลุงฟังอ่ะ ไม่อยากเป็นภาระลุง
"ลุงๆ กินเค้ก เบอเกอรี่ป่ะ" อีกแหละ ซื้อของให้ผู้ชายอีกแหละ ผมแวะซื้อเพื่อเอามาให้ลุงกิน ไม่รู้จะได้เจอกันเมื่อไหร่แต่ซื้อมาไว้ก่อนละกัน
ไม่รู้หรอกพรุ่งนี้จะเป็นยังไง จะมีชีวิตได้อีกนานแค่ไหน ได้อยู่ด้วยกันกับลุงได้นานแค่ไหน ได้พูดกันได้นานแค่ไหน ถ้าวันใดวันนึงเราจำเป็นต้องแยกจากกันก็คงต้องยอมจำนนต่อฟ้าดิน เหมือนที่ลุงคอยบอกเสมอว่า "เรื่องบังเอิญไม่มีอยู่จริง ทุกสิ่งฟ้ากำหนด"