เราทำงานใน รพ. รัฐ แห่งหนึ่งทางภาคอีสาน เช้าวันนี้เรามาขึ้นเวรเช้ารับบัตรคนไข้ตามปกติ พูดง่ายๆก็คือใครก็ตามที่มาติดต่อรักษากับ รพ. ต้องมายื่นบัตรที่ห้องเราก่อนทุกราย และเคสนี้ก็เช่นกัน เคสนี้เป็นเคสคนไข้เปลนอน เราก็เข้าใจว่าเป็นเคสเปลนอนทั่ไปแหละ คนไข้มาถึง รพ.ปุป ก็จะผ่านจุดคัดกรอง จุดคัดกรองจะดูว่าคนไข้เป็นเคสปกติหรือเคสฉุกเฉิน ถ้าปกติก็ไป OPD รอคิวตรวจทั่วไป ถ้าฉุกเฉินคือส่ง ER ในทันที แต่จุดคัดกรองของเราในวันหยุดราชการแบบนี้ จะมีแค่พี่เปลพี่EMSเท่านั้นที่ทำหน้าที่ตรงนี้ซึ่งจุดนี้เราก็ยอมรับนะว่ามันก็ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่แต่ก็น้อยเคสมากที่พี่เขาจะคัดกรองผิดโดยการคัดกรองนี้ก็จะได้จากคนไข้บ้างญาติคนไข้บ้าง ค่ะนั่นแหละค่ะแล้วเรื่องที่ทำเราช๊อคก็เกิดขึ้น คนไข้ลงจากรถกู้ชีพมา จุดคัดกรองเอาเปลนอนไปรับ ญาติให้ประวัติกับจุดคัดกรองว่าคนไข้มีอาการเหนื่อย อ่อนเพลีย พี่เปลจึงเข็นคนไข้มาที่ OPD และให้ญาติมายื่นบัตรที่ห้องเรา ณ ตอนนั้นก็มีเคสอุบัติเหตุมาพอดีเราเลยรีบทำบัตรคนไข้อุบัติเหตุก่อน พอเสร็จเคสอุบัติเหตุ เราก็เลยถามคนไข้ที่รอคิวด้านหน้าห้องว่ามีเคสฉุกเฉินอีกมั้ยคะจะได้ทำให้ก่อนเลย แล้วญาติคนไข้เปลนอนคนนั้นก็มาบอกว่า ของเค้าเป็นเคสฉุกเฉินขอก่อน คนไข้เป็นโรคไต ไตวาย เรามองไปก็เห็นเป็นเคสเปลนอน อยู่ที่ OPD จึงเข้าใจว่าไม่ใช่เคสฉุกเฉินเพราะถ้าฉุกเฉินพี่เปลจะต้องเข็นเข้าห้องER ไปแล้ว เราเลยแจ้งคนไข้ว่า “อ๋ออยู่ OPD แสดงว่าผ่านจุดคัดกรองแล้ว งั้นเดี๋ยวรอคิวซักประวัติก่อนนะคะ ตามคิวค่ะ” สักพักผ่านไป พี่พยาบาลก็ได้มาดูอาการเคสเปลนอนนั้น ถามประวัติกับญาติอีกครั้ง ญาติให้ประวัติ ว่าเป็นความดัน พอถามไปถามมาได้ความว่าคนไข้ซึม ไม่พูด แขนขาซีกขวาอ่อน แรง เข้าข่าย STROKE จึงรีบส่งต่อ ER ในทันที พอเป็นเคสฉุกเฉินทางเราเองก็ต้องรีบส่งตรวจให้ทันที เราจึงถามชื่อคนไข้อีกครั้งและรีบส่งตรวจให้ทันที พอเรายื่นบัตรให้ไป ก็มีเสียงตะโกนด่ากลับมาว่า “ถ้าเป็นแม่! จะให้รอคัดกรองแบบนี้มั้ย”(คำว่าคัดกรองที่เขาพูดถึงน่าจะหมายถึงรอคิวซักประวัติ) ได้ยินเสียงนี้ปุปจากที่กำลังยิ้มๆอยู่นี่หน้าเราเจื่อนไปเลย รู้สึกหน้าชาไปเลยก็ว่าได้ คนไข้คนอื่นๆที่รอคิวอยู่ก็ได้ยินในสิ่งที่ญาติคนไข้คนนั้นด่าเรา เขาก็ขำเชิงงงๆ พร้อมพูดเชิงปลอบใจว่า “อะไร เรานั่งอยู่ดีๆก็โดนด่าเฉย” หัวใจเราชื้นขึ้นมานิดๆ พร้อมฝืนยิ้มต่อ และตอบกลับคนไข้ที่ปลอบเรา ว่า “ไม่เป็นไรค่ะ หนูรับได้...ฮึบ!!” (แต่ข้างในนี่กุไม่ไหวแล้วค่าจิร้องละค่า) คนไข้ที่อยู่ต่อหน้าได้ยินแบบนี้แล้วเขาก็ยิ้มบางคนก็หัวเราะชอบใจกัน ค่ะแล้วก็ผ่านไป สักพักรถรีเฟอร์จะออก เราหันไปดูอ้าวคนนั้นนี่หว่า เห้ย STROKE จริงด้วย ขออย่าเป็นอะไรเลยนะ ขออย่าเป็นอะไรเลย รู้สึกผิดจริงๆเราก็ทำตามหน้าที่ตามขั้นตอนของเรา คนที่มารับบริการก็ล้วนแต่อยากรีบๆได้คิวไวๆ ถ้าเราให้ตามที่ทุกคนขอแล้วเคสฉุกเฉินจริงๆเขาอาจจะพลาดโอกาสไปเลยก็ได้ เราไม่รู้หรอกว่าเคสไหนฉุกเฉินจริงเคสไหนไม่ฉุกเฉินจริง คนไข้บางคนแอคติ้งมาพอได้บัตรคิวก่อนแล้วหายเจ็บต่อหน้าต่อตาเราก็เจอมาแล้วเราเองก็ไม่อยากลัดคิวส่งตรวจคนไข้มั่วหรอก ถ้าไม่ใช่ฉุกเฉินจริงๆ ถ้าผ่านจุดคัดกรองแล้วจุดคัดกรองสกรีนมายังไงเราก็ต้องส่งตามนั้น แต่เราขออย่างนึงเวลาเจ้าหน้าที่เขาซักประวัติขอให้บอกอาการเขาให้ละเอียด หากบอกไม่หมด ก็อาจเป็นเหมือนเคสนี้ที่ต้องรอ เราเองก็รู้สึกผิดไม่น้อยและก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก ขอโทษจริงๆกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ขอบคุณคนไข้บางคนที่เข้าใจและปลอบใจเรา และขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านค่ะ
ขอความร่วมมือตอนที่เขาคัดกรองสักนิดอยากให้เล่าอาการให้ละเอียดจะได้ไหม มันมีผลต่อการส่งตรวจไปแต่ละจุดมากเลยนะ TT