สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
อาชีพข้าราชการเป็นอาชีพที่ดีครับ
แต่แน่นอน ไม่ใช่อาชีพที่ดีที่สุด ที่ทุกคนจะต้องใฝ่ฝันจะเป็น
ในบางครั้งมันก็ไม่ได้เป็นคำตอบสุดท้ายให้กับทุกจังหวะชีวิตหรอกครับ
บางคนอยากเป็นข้าราชการเพราะต้องการสิทธิประโยชน์เกื้อกูล
บางคนอยากเป็นข้าราชการเพราะความภูมิใจของพ่อแม่
บางคนอยากเป็นข้าราชการเพราะอยากทำงานของแผ่นดิน
ฯลฯ หลากหลายเหตุผลครับ
ตอนเรียนจบใหม่ๆ ผมเลือกที่จะต่อ ป.โท เลย
ตอนนั้นคิดแต่ว่าอยากทำงานเอกชน หาเงินเยอะๆ
ไม่มองอาชีพข้าราชการเลยครับ เพราะสมัยนั้นเงินเดือนน้อยจริง ป.โท ยังไม่ถึง 10,000 เลยครับ
ไปๆ มาๆ ระหว่างเรียน ป.โท จังหวะชีวิตดันเข้ามาสู่วงการราชการจนได้ (เริ่มต้นเป็นคนงานน่ะครับ)
พอได้มาทำจริงๆ ทัศนคติเริ่มเปลี่ยนไป เริ่มเข้าใจถึงการทำงานเพื่อประโยชน์สาธารณะ
รู้สึกว่าการทำงานโดยที่ไม่แสวงหาผลกำไรมันเท่สุดๆ ไปเลย (ความเห็นส่วนตัวนะครับ)
(มีเพื่อนบอกผมว่า ต่อให้ทำงานเอกชนเราก็สามารถทำเพื่อประโยชน์สาธารณะได้
แต่ผมคิดว่ายังไง เอกชน ก็ยังมุ่งผลประโยชน์ส่วนตนขององค์กร ผู้บริหาร ผู้ถือหุ้น พนักงาน ฯลฯ เป็นหลักอยู่ดี)
จึงได้ตั้งเป้าว่าจะสอบบรรจุข้าราชการให้ได้ นับแต่นั้น
วันที่ผมได้เป็นข้าราชการ แม่ผมซึ่งสูบบุหรี่มาทั้งชีวิต หักดิบเลิกบุหรี่เดี๋ยวนั้นเลย
เพราะเหตุผลว่า ลูกเป็นข้าราชการ แม่จะมาสูบบุหรี่ได้ไง
ทั้งที่ตลอดมา ผมพยายามขอให้แม่เลิกบุหรี่มาตลอด
ทั้งตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัยลำดับต้นๆของประเทศได้ ตอนเรียนจบ ป.ตรี ฯลฯ แต่ก็ไม่เลิก
ผมถึงได้เข้าใจว่า แม่ภูมิใจในความเป็นข้าราชการของผมมากแค่ไหน
ข้อดีของข้าราชการ ก็มีประโยชน์เกื้อกูลหลายอย่างครับ อย่างที่ยกมาอ้างมากๆก็คือความมั่นคง
สวัสดิการ บำเหน็จบำนาญ การลาศึกษา และสิทธิประโยชน์อื่นๆ
สมมุติเราอายุ 45 มีเงินเก็บซักล้านนึง
ป่วยเป็นโรคร้ายแรง หรือบาดเจ็บสาหัสอะไรซักอย่าง
นอนโรงพยาบาลซัก 5 เดือน ค่ารักษาพยาบาล 850,000 บาท
ถ้าทำงานเอกชนบางที่ เราขาดงานซัก 5 เดือน ผมว่าเค้าไม่เก็บเราไว้นะครับ
ไหนจะต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลอีก เงินเก็บทั้งชีวิตหายวับไปกับตา
ถ้าเกิดตกงานขึ้นมา เราจะใช้เวลาหางานแค่ไหน จะหางานใหม่ได้หรือเปล่า
แต่ถ้าเป็นข้าราชการ ลาได้เท่าที่ป่วยจริง เงินเดือนยังได้เหมือนเดิม
โดยในหนึ่งปีงบประมาณ ข้าราชการมีสิทธิลาป่วยโดยได้รับเงินเดือนไม่เกิน 60 วันทำการ
เว้นแต่ผู้บังคับบัญชาเห็นสมควรจะให้จ่ายเงินเดือนต่อไปอีกก็ได้ แต่ไม่เกิน 60 วันทำการ รวมเป็น 120 วันทำการ
ค่ารักษาพยาบาลเบิกได้ และไม่โดนไล่ออกจากราชการครับ
นี่คือความมั่นคงที่หาได้ยากจากการจ้างงานโดยหน่วยงานเอกชนครับ
(ผมยกตัวอย่างคร่าวๆเนาะ คงไม่ลงลึกถึงขนาดมีการทำประกัน หรือ เบิกจ่ายอะไรได้/ไม่ได้)
เกษียณแล้ว รัฐ (ราษฎ์) ก็ยังจ่ายบำนาญเลี้ยงไปจนตาย
การกู้ดอกเบี้ยต่ำ สิทธิในการเป็นสมาชิกสหกรณ์ที่ให้ผลตอบแทนเงินฝาก หรือ หุ้น สูงกว่า ธนาคารทั่วไป
(การกู้ยืมเงิน กับ การเบิกค่าต่างๆ ที่เป็นสิทธิสวัสดิการ ต่างกันนะครับ อย่าสับสน)
ข้อดีที่เห็นได้ชัดอีกข้อนึงที่ทำไมคนต่างจังหวัดถึงอยากเป็นข้าราชการกัน คือ ข้าราชการมีการโอนย้ายได้ครับ
หากเป็นคนต่างจังหวัด ทำงานเอกชนเงินเดือนสูงๆในกรุงเทพ โอกาสที่จะกลับไปอยู่บ้านก็น้อยมาก
เพราะบางทีองค์กรไม่มีสาขาในต่างจังหวัด หรือ ไม่มีงานเอกชนดีๆให้ทำ
ถึงกลับไปทำงานเอกชนแถวบ้านนอกเราได้ จะได้เงินเดือนเท่าไหร่ก็ไม่รู้
แต่ข้าราชการฐานเงินเดือนเท่ากันทั่วประเทศ หากโอนย้ายไป
เงินเดือนที่เคยขึ้นมาเท่าไหร่ ตอนโอนย้ายไปเริ่มรับที่เท่านั้นเลย
ในเรื่องสวัสดิการ เบิกได้ พ่อแม่ ลูกเมีย และตัวเอง
ค่าเล่าเรียนบุตรได้ 3 คน ยกเว้นในกรณีท้องที่ 3 เป็นแฝดเบิกได้ทั้งครรภ์
สิทธิประโยชน์การลาป่วย ลากิจ ลาพักผ่อน
ความเชื่อถือจากสถาบันทางการเงินต่างๆ
ยิ่งถ้าถ้าสอบได้ข้าราชการตั้งแต่อายุน้อยๆ เมื่อเกษียณมีอายุราชการสูงๆ จะมีผลกับเงินบำนาญ
คิดคร่าวๆไม่ต้องคำนวนให้ซับซ้อน คือเงินเดือนเดือนสุดท้าย คูณอายุราชการหน่วยเป็นปี หารด้วย 50
ถ้าเงินเดือนซัก 45,000 บาท อายุราชการ 25 ปี ก็ (45,000 x 25)/50 = 22,500 บาทต่อเดือนไปจนตาย
คร่าวๆ ประมาณนี้นะครับ
(ปัจจุบันข้าราชการพลเรือนจะได้รับบำเหน็จบำนาญจาก กบข.)
ในส่วนข้อเสียหลักๆเลย ก็คือเงินเดือนน้อยไปหน่อย
(เมื่อเทียบกับเอกชนระดับดีๆ ส่วนเอกชนระดับกลางๆลงมาบางที่ เงินเดือนราชการแซงไปแล้วครับ)
เพื่อนผมเรียนเอกเดียวกัน จบไปทำเอกชนนับ ค่าคอมมิชชั่น + โบนัส ก็พอๆ กับเงินเดือนผมเกือบ 12 เดือนเลยครับ
รายรับรวมคงไม่ต้องพูดถึง เทียบกันไม่ติดเลย
ส่วนเรื่องกู้ เรื่องหนี้สิน
ผมมองว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคลครับ
ไม่ว่าจะ ทำงานราชการ ทำงานเอกชน ก็มีโอกาสกู้หนี้ยืมสินได้ทั้งนั้น
หนี้ ต้องแยกกันระหว่างหนี้ดี กับหนี้เสีย
หนี้เสีย คือ หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ เช่น หนี้ที่กู้มาใช้จ่ายจิปาถะ ทั่วไป ใช้แล้วหมดไป
หนี้ดี คือ หนี้ที่ก่อให้เกิดประโยชน์ เช่น หนี้เพื่อการศึกษา หนี้อสังหาริมทรัพย์ หนี้ลงทุน
ผมก็เป็นหนี้ครับ หนี้บ้าน 2 หลัง
หลังแรก เกือบ 8 แสน
หลังที่ 2 เพิ่งกู้หมาดๆ 2.8 ล้าน
ถามว่า ต่อให้เป็นคนทำงานเอกชน จะมีตังค์ซื้อบ้านเงินสดกันทุกคนไหมครับ
แต่แน่นอน ไม่ใช่อาชีพที่ดีที่สุด ที่ทุกคนจะต้องใฝ่ฝันจะเป็น
ในบางครั้งมันก็ไม่ได้เป็นคำตอบสุดท้ายให้กับทุกจังหวะชีวิตหรอกครับ
บางคนอยากเป็นข้าราชการเพราะต้องการสิทธิประโยชน์เกื้อกูล
บางคนอยากเป็นข้าราชการเพราะความภูมิใจของพ่อแม่
บางคนอยากเป็นข้าราชการเพราะอยากทำงานของแผ่นดิน
ฯลฯ หลากหลายเหตุผลครับ
ตอนเรียนจบใหม่ๆ ผมเลือกที่จะต่อ ป.โท เลย
ตอนนั้นคิดแต่ว่าอยากทำงานเอกชน หาเงินเยอะๆ
ไม่มองอาชีพข้าราชการเลยครับ เพราะสมัยนั้นเงินเดือนน้อยจริง ป.โท ยังไม่ถึง 10,000 เลยครับ
ไปๆ มาๆ ระหว่างเรียน ป.โท จังหวะชีวิตดันเข้ามาสู่วงการราชการจนได้ (เริ่มต้นเป็นคนงานน่ะครับ)
พอได้มาทำจริงๆ ทัศนคติเริ่มเปลี่ยนไป เริ่มเข้าใจถึงการทำงานเพื่อประโยชน์สาธารณะ
รู้สึกว่าการทำงานโดยที่ไม่แสวงหาผลกำไรมันเท่สุดๆ ไปเลย (ความเห็นส่วนตัวนะครับ)
(มีเพื่อนบอกผมว่า ต่อให้ทำงานเอกชนเราก็สามารถทำเพื่อประโยชน์สาธารณะได้
แต่ผมคิดว่ายังไง เอกชน ก็ยังมุ่งผลประโยชน์ส่วนตนขององค์กร ผู้บริหาร ผู้ถือหุ้น พนักงาน ฯลฯ เป็นหลักอยู่ดี)
จึงได้ตั้งเป้าว่าจะสอบบรรจุข้าราชการให้ได้ นับแต่นั้น
วันที่ผมได้เป็นข้าราชการ แม่ผมซึ่งสูบบุหรี่มาทั้งชีวิต หักดิบเลิกบุหรี่เดี๋ยวนั้นเลย
เพราะเหตุผลว่า ลูกเป็นข้าราชการ แม่จะมาสูบบุหรี่ได้ไง
ทั้งที่ตลอดมา ผมพยายามขอให้แม่เลิกบุหรี่มาตลอด
ทั้งตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัยลำดับต้นๆของประเทศได้ ตอนเรียนจบ ป.ตรี ฯลฯ แต่ก็ไม่เลิก
ผมถึงได้เข้าใจว่า แม่ภูมิใจในความเป็นข้าราชการของผมมากแค่ไหน
ข้อดีของข้าราชการ ก็มีประโยชน์เกื้อกูลหลายอย่างครับ อย่างที่ยกมาอ้างมากๆก็คือความมั่นคง
สวัสดิการ บำเหน็จบำนาญ การลาศึกษา และสิทธิประโยชน์อื่นๆ
สมมุติเราอายุ 45 มีเงินเก็บซักล้านนึง
ป่วยเป็นโรคร้ายแรง หรือบาดเจ็บสาหัสอะไรซักอย่าง
นอนโรงพยาบาลซัก 5 เดือน ค่ารักษาพยาบาล 850,000 บาท
ถ้าทำงานเอกชนบางที่ เราขาดงานซัก 5 เดือน ผมว่าเค้าไม่เก็บเราไว้นะครับ
ไหนจะต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลอีก เงินเก็บทั้งชีวิตหายวับไปกับตา
ถ้าเกิดตกงานขึ้นมา เราจะใช้เวลาหางานแค่ไหน จะหางานใหม่ได้หรือเปล่า
แต่ถ้าเป็นข้าราชการ ลาได้เท่าที่ป่วยจริง เงินเดือนยังได้เหมือนเดิม
โดยในหนึ่งปีงบประมาณ ข้าราชการมีสิทธิลาป่วยโดยได้รับเงินเดือนไม่เกิน 60 วันทำการ
เว้นแต่ผู้บังคับบัญชาเห็นสมควรจะให้จ่ายเงินเดือนต่อไปอีกก็ได้ แต่ไม่เกิน 60 วันทำการ รวมเป็น 120 วันทำการ
ค่ารักษาพยาบาลเบิกได้ และไม่โดนไล่ออกจากราชการครับ
นี่คือความมั่นคงที่หาได้ยากจากการจ้างงานโดยหน่วยงานเอกชนครับ
(ผมยกตัวอย่างคร่าวๆเนาะ คงไม่ลงลึกถึงขนาดมีการทำประกัน หรือ เบิกจ่ายอะไรได้/ไม่ได้)
เกษียณแล้ว รัฐ (ราษฎ์) ก็ยังจ่ายบำนาญเลี้ยงไปจนตาย
การกู้ดอกเบี้ยต่ำ สิทธิในการเป็นสมาชิกสหกรณ์ที่ให้ผลตอบแทนเงินฝาก หรือ หุ้น สูงกว่า ธนาคารทั่วไป
(การกู้ยืมเงิน กับ การเบิกค่าต่างๆ ที่เป็นสิทธิสวัสดิการ ต่างกันนะครับ อย่าสับสน)
ข้อดีที่เห็นได้ชัดอีกข้อนึงที่ทำไมคนต่างจังหวัดถึงอยากเป็นข้าราชการกัน คือ ข้าราชการมีการโอนย้ายได้ครับ
หากเป็นคนต่างจังหวัด ทำงานเอกชนเงินเดือนสูงๆในกรุงเทพ โอกาสที่จะกลับไปอยู่บ้านก็น้อยมาก
เพราะบางทีองค์กรไม่มีสาขาในต่างจังหวัด หรือ ไม่มีงานเอกชนดีๆให้ทำ
ถึงกลับไปทำงานเอกชนแถวบ้านนอกเราได้ จะได้เงินเดือนเท่าไหร่ก็ไม่รู้
แต่ข้าราชการฐานเงินเดือนเท่ากันทั่วประเทศ หากโอนย้ายไป
เงินเดือนที่เคยขึ้นมาเท่าไหร่ ตอนโอนย้ายไปเริ่มรับที่เท่านั้นเลย
ในเรื่องสวัสดิการ เบิกได้ พ่อแม่ ลูกเมีย และตัวเอง
ค่าเล่าเรียนบุตรได้ 3 คน ยกเว้นในกรณีท้องที่ 3 เป็นแฝดเบิกได้ทั้งครรภ์
สิทธิประโยชน์การลาป่วย ลากิจ ลาพักผ่อน
ความเชื่อถือจากสถาบันทางการเงินต่างๆ
ยิ่งถ้าถ้าสอบได้ข้าราชการตั้งแต่อายุน้อยๆ เมื่อเกษียณมีอายุราชการสูงๆ จะมีผลกับเงินบำนาญ
คิดคร่าวๆไม่ต้องคำนวนให้ซับซ้อน คือเงินเดือนเดือนสุดท้าย คูณอายุราชการหน่วยเป็นปี หารด้วย 50
ถ้าเงินเดือนซัก 45,000 บาท อายุราชการ 25 ปี ก็ (45,000 x 25)/50 = 22,500 บาทต่อเดือนไปจนตาย
คร่าวๆ ประมาณนี้นะครับ
(ปัจจุบันข้าราชการพลเรือนจะได้รับบำเหน็จบำนาญจาก กบข.)
ในส่วนข้อเสียหลักๆเลย ก็คือเงินเดือนน้อยไปหน่อย
(เมื่อเทียบกับเอกชนระดับดีๆ ส่วนเอกชนระดับกลางๆลงมาบางที่ เงินเดือนราชการแซงไปแล้วครับ)
เพื่อนผมเรียนเอกเดียวกัน จบไปทำเอกชนนับ ค่าคอมมิชชั่น + โบนัส ก็พอๆ กับเงินเดือนผมเกือบ 12 เดือนเลยครับ
รายรับรวมคงไม่ต้องพูดถึง เทียบกันไม่ติดเลย
ส่วนเรื่องกู้ เรื่องหนี้สิน
ผมมองว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคลครับ
ไม่ว่าจะ ทำงานราชการ ทำงานเอกชน ก็มีโอกาสกู้หนี้ยืมสินได้ทั้งนั้น
หนี้ ต้องแยกกันระหว่างหนี้ดี กับหนี้เสีย
หนี้เสีย คือ หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ เช่น หนี้ที่กู้มาใช้จ่ายจิปาถะ ทั่วไป ใช้แล้วหมดไป
หนี้ดี คือ หนี้ที่ก่อให้เกิดประโยชน์ เช่น หนี้เพื่อการศึกษา หนี้อสังหาริมทรัพย์ หนี้ลงทุน
ผมก็เป็นหนี้ครับ หนี้บ้าน 2 หลัง
หลังแรก เกือบ 8 แสน
หลังที่ 2 เพิ่งกู้หมาดๆ 2.8 ล้าน
ถามว่า ต่อให้เป็นคนทำงานเอกชน จะมีตังค์ซื้อบ้านเงินสดกันทุกคนไหมครับ
แสดงความคิดเห็น
ทำไมคนรุ่นเก่าถึงอยากให้ลูกหลานเป็นข้าราชการมากๆ บ้านใครเป็นบ้างคะ?
แต่สังเกตว่าในเมืองไม่ค่อยเจอการบังคับแบบนี้เท่าไหร่ จะเจอมากตามรอบนอกมากกว่า ไม่รู้ว่าเราคิดไปเองหรือเปล่าแต่ส่วนตัวที่เจอมาเป็นแบบนี้จริงๆ