ได้รับบทเรียนนี้จาก "ลูกน้องลาออกพร้อมกัน"
ลักษณะธุรกิจเป็นงานรีไซเคิ้ลพลาสติกครับ ประมูลของเสียจากโรงพิมพ์ซองขนมต่างๆ นานาสารพัดแบรนด์ หน้าที่เราคือต้องรักษาลิขสิทธิ์บรรจุภัณฑ์เหล่านั้น ไม่ให้หลุดออกมาเป็นสินค้าปลอมตามตลาดนัด หรือขายตามตะเข็บชายแดน ราคาถูกแสนถูกบรรจุภัณฑ์อ่ะไช่ครับ แต่สินค้านั้นไม่ไช่มันเสียแค่ซองเดียวหรือ สิบซองจากการผลิต แต่เค้าทิ้งหรือเคลมคืนทั้งล้อตกับบริษัทที่รับพิมพ์นะครับ นี่ยังไม่พูดถึงแผ่นพลาสติกที่ปูตามประท้วง หรืองานวัด หน้าโรงหนังโรงลิเกนะครับ พวกนี้คือซื้อมาแล้วไม่ทำลายรีไซเคิ้ล ค่อนข้างยากครับการที่เราจะกล้ารับปากว่าเราดูแลได้ แต่ตอนนี้สบายมากครับกระบวนการทำลายทิ้งของเรา เกิดขึ้นตั้งแต่โรงงานต้นสังกัด มีสัญญาต่างๆ เป็นรูปธรรม มีเส้นทางการเดินทางของเสียทุกอย่างชัดเจน ตั้งแต่เศษพลาสติกหลอมเป็นเม็ดและฉีดขึ้นรูปเป็นอะไรได้บ้าง เอกสาร รง.4 และการเดินทางของภาษีเราเป๊ะมากรวมถึงเรื่องกระสุนสำคัญที่ลูกค้าชอบมากคือ เงินสดๆ เรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งที่พวกเราพร้อมาก
งานหนักมากครับ หนักที่ต้องยกของหนัก หนักที่ต้องเดินทางไปหลายที่ หลายโรงงาน ลูกค้าที่รอซื้อเราก็มีหลายคนหลายแบบ เป็นงานที่อาศัยแรงงานเป็นหลักครับ อาชีพพ่อค้าคนกลางคนหนึ่งที่พยายามจะหลีกเลี่ยงการใช้แรงงานต่างด้าว
เพราะสงสารที่คนไทยโดนแย่งงาน(คนไทยที่เรียนน้อยแต่อยากทำงานทุกวันนี้แทบไม่มีที่จะยืน) ก็จ้างคนไทยมาตลอดแต่ด้วยสภาพงานที่หนักมากหนักที่ต้องคัดแยก และตื่นเช้าเมื่ต้องเดินทางไปบริการลูกค้าที่ต่างจังหวัด และวันหนึ่งกำลังสำคัญขององกรณ์ผมก็จากผมไปถึงสองคนพร้อมๆกัน
มืดตึ๊บขาดเขาเราจะอยู่อย่างไร ความคิดแรกแว๊บมาคือต้องจ้างคนเพิ่มด่วนๆๆๆ แปะป้ายประกาศ นานาสารทิศ มีคนมาสมัครงานแต่ก็อยู่ไม่ทน มาสามวัน หายไปสี่วัน มาห้าวันหายไปเจ็ดวัน เราเครียดหนักมากในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา วันหนึ่งก็ตั้งสติ แล้วก็คิดถึงวิธีบริหารที่ผิดพลาดต่อมาจากครอบครัวเรา จริงๆจะว่าผิดพลาดก็ไม่ถูก ต้องเรียกว่าไม่เหมาะกับลูกจ้างในยุคปัจจุบันถึงจะเหมาะสมกว่า
แต่ก็มีสติ ที่จะวิ่งเข้าหาผู้มีประสบการณ์ บริหารกิจการ เทคนิคการเข้าหาคนเพื่อจะพิชิตความสำเร็จ จะวิ่งไปหาคนที่กำลังทำแบบยุ่งๆ ทุกวันแบบนั้นไม่ได้ครับ ต้องหาคนที่สำเร็จแล้ว จะแนะนำให้เราไปในทางที่ดีขึ้น ถ้าเราเลือกแต่คนที่ท้อแท้ คนที่เคยเจ๊งแล้วเจ๊งเล่าไม่สำเร็จสักที คนพวกนี้จะพูดแต่คำว่า อย่าเลยน้อง พี่ผ่านมาแล้ว น้องอย่าเลยเชื่อพี่ อยู่แต่แบบนั้น และรู้จักพี่ๆในวงการรีไซเคิ้ล เลยขอคำปรึกษาหาแนวทางได้แรงบัลดาลใจ จากระบบบริหารมามาก ทำให้เขียนแผนขึ้นมา ด้วยตัวเราเอง ใครจะเอาไปใช้ก็ยินดีนะครับ
แต่โจทย์ใหญ่สุดของผมคือการที่ลูกน้องออกไป ไม่ลาสักคำทั้งที่มียอดเงินเบิกล่วงหน้าไว้ด้วยนะครับ ผมใจดีน่าดู เลยไม่รู้ว่าเหตุผลของการลาออกเค้าคืออะไรผมบริหารไม่ดีหรือป่าว หรือสวัสดิการเราน้อยไปทำให้คิดหลายๆคืน แต่เมื่อทบทวนดูแล้ว
สวัสดิการผมเป็นแบบนี้ครับ
ค่าแรง400-500 บาทต่อวัน
สามารถทำงานวันอาทิตย์ได้ด้วย (ถ้าอยากทำ)
มีค่าที่พักให้ 1,000 บาทต่อเดือน
หรือเลือกรับเป็นคูปองเติมน้ำมัน 1,000บาทต่อเดือน
มีข้าวสารให้ 3 กก.ต่อเดือน
วันที่ไปขนของโรงงานลูกค้า มีข้าวเลี้ยง 2 มื้อ
วันที่ไปส่งงาน มีเบี้ยเลี้ยงให้อีก 150 บาท
เบี้ยขยันสัปดาห์ละ 300 บาท
วันหยุดนักขัตฤกษ์ ถ้าจะทำงานก็ให้เป็น x2
มี OT ทุกวันครับ
โบนัสปลายปีมีให้ไม่เคยขาด
ลืมบอกไป งานผมไม่ใช้วุฒิการศึกษามาสมัครงานนะครับ จบป. อะไรก็ทำได้หรือ ไม่เรียนหนังสือผมก็รับครับ ขอแค่เป็นคนไทย รูปร่างพร้อมลุย ไม่มีโรคประจำตัว และผ่านเกณฑ์ทหารแล้ว
สมุติฐานที่ผมตั้งได้จากเหตุการณ์ที่ลูกน้องลาออกคือน่าจะมาจาก ระบบบริหารที่สร้างขึ้น ให้ลูกจ้างเป็นแค่ลูกจ้างไม่มี โอกาสแสดงความคิด และเป๊ะเกินไป ไม่ยอมรับฟังข้ออ้างการมาสายของลูกน้องบ้าง (เลือกฟังแต่เหตุผลเกินไป)
วางแผนทั้งทีก็ต้องมีวัตถุประสงค์ครับ
วัตถุประสงค์คือ - สามัคคีต้องมาก่อนครับ ตามด้วยการรักษาลูกค้า ทั้งลูกค้าที่เป็นโรงงานที่ผมเข้าซื้อเศษพลาสติก และลูกค้าที่เป็นโรงหลอมนั่งรอเศษพลาสติกจากเราอยู่ ตามด้วยบทบาทหน้าที่ของแต่ละคน ทุกคนต้องเป็นหัวหน้าของงานบางอย่าง ในองค์กรนี้ ภาพลักษณ์องกรณ์ ดูมีชีวิตชีวา
อาจจะยาวไปสักนิดนะครับ- แต่ก็ตั้งใจจะแชร์ให้ฟัง
ปัญหาเหล่านี้!!!
เบื่อนาย สั่งงานไม่ชัดเจน
เบื่อนาย เลือกคนไม่เหมาะกับงาน
เบื่อเพื่อนร่วมงาน ที่ออกคำสั่งแทนนาย
เบื่อนาย ที่ไม่ลงมาดูงาน ออกคำสั่งอย่างเดียว
เบื่อนาย ที่ไม่กระจายบทบาทให้ฉันบ้าง
เบื่อหัวหน้า ที่ทำหน้าที่แทนนายแต่บางทีวางอำนาจมากกว่านาย
ปัญหาพวกนี้องค์กรที่ผมบริหารอยู่เลิกหมดแล้วนะ
ทุกคนสามารถแชร์ความคิดให้เพื่อนร่วมงานฟังได้
เพื่อนร่วมงานผมมีไม่ถึงสิบคน มีถกเถียงกันบ้างน่าภูมิใจนะครับที่ทุกคนแย่งกันออกความคิด เราไกล่เกลี่ยด้วยการแบ่งหน้าที่ว่างานประเภทนี้ยกหน้าที่ให้ใช้ความคิดคนนี้ งานอื่นก็ใช้ความคิดอีกคนหนึ่ง เวียนไปเพื่อการพัฒนาที่ดีที่สุดเป็นรอบๆ เมื่องานเวียนมาถึงตาคุณ คุณต้องจัดการให้ดีกว่าครั้งที่แล้ว(ของคุณ) เราไม่ได้ให้แข่งกับใคร ไม่เกินสามรอบของระบบการบริหาร เราเองจะรู้ว่าใครเหมาะกับงานอะไร ไม่ไช่ว่าเรามองออกนะ แต่พวกเขาจะแสดงออกมาเอง ทั้งสิ่งที่เขาชอบที่สุด และสิ่งที่เขาเบื่อที่สุด และตอนนั้นคุณจะพบว่าใครคือผู้เชี่ยวชาญในงานอะไรบ้าง ทีนี้ก็เลือกวางคนถูกกับงาน
และถึงตอนนั้นแต่ละคนจะยอมรับความคิดและยอมทำตามเพื่อนร่วมงานที่ถนัดในแต่ละงานมากที่สุดอย่างปรองดองและมีความสุข ผมเคยมีเพื่อนร่วมงานมากกว่านี้ แต่เราเองก็เหนื่อยกว่าตอนนี้ ทั้งกาย ทั้งใจ และสมอง เหนื่อยปาก ทุกวันนี้เหนื่อยแค่กาย(น้อยลงมาก) และสนุกกับการใช้สมอง หัวใจไม่เหนื่อยเลยครับ (แถมมีเวลาไปคิดเรื่องความรัก เรื่องวางแผนจัดงานแต่งได้ด้วย) ถ้าแฟนอ่านถึงตรงนี้น่าจะยิ้มอยู่เพราะผมก็กำลังทำหลายๆอย่างเพื่อเธออยู่
เราตั้งเป้าหมายไว้ว่าแต่ละวัน แต่ละสัปดาห์ แต่ละเดือนเรา(ขอ)ว่าอยากได้อะไรบ้างทุกอย่างสั่งล่วงหน้าทั้งหมด โดยให้อิสระการบริหารว่าเพื่อนร่วมงานจะจัดการงานนั้นให้เราอย่างไร และให้รับปากกับเราว่าทำได้หรือไม่ ไม่ทันครับนายงานแน่นไปเบียดไป ก็บอกเราได้ไม่ว่ากัน จะได้ไปบอกลูกค้าได้ถูกต้องถึงวัน เวลา และจำนวนสินค้า บางอย่างถ้ามันไม่ได้ตามที่เคยขอล่วงหน้าไว้ แล้วไม่ได้บกพร่องที่ลูกค้า ไม่ได้บกพร่องที่วัตถุดิบ หรือไม่ได้บกพร่องจากเครื่องจักร ถ้าบกพร่องจากระบบการจัดการของเพื่อนร่วมงานเอง จะเย็น จะดึกแค่ไหนผมก็รอ ผมใจดีไหมครับผมบอกว่าผมรอได้ตามที่เพื่อนร่วมงานเคยรับปาก แต่ลูกค้าเค้ารอไม่ได้นะเราต้องลุยให้จบตามนัด ลูกค้าสำคัญมากครับในตลาดรีไซเคิ้ล ลูกค้านั้นถ้าได้แล้วได้เลยครับ ผูกขาดซื้อขายกันยาวๆ แต่ตรงข้ามกัน ถ้าเสียลูกค้า มันเสียเลยครับ พวกเพื่อนร่วมงาน ก็จะมีงานน้อยลงไปด้วย ฟังดูแย่นะครับ
ทั้งหมดที่เกล่ามานี้มันคือการแก้โจทย์ของคำว่า
"คนที่ทำ ไม่ได้เป็นคนคิด
และคนที่คิด ไม่ได้เป็นคนทำ"
กับผม ไม่เคยคิดว่าใครเป็นลูกน้อง ทุกคนคือเพื่อนร่วมงาน ยามกินกินเหมือนกัน ตอนทำงานทำเหมือนกัน คนที่เหนื่อยคือคนที่ออกแรงอย่างเดียวไม่เคย คิดวิธีวางแผน แต่คนที่ออกแรงด้วยคิดด้วยทำไมพวกเขาถึงสบายใจกว่า น่าแปลกใจมาก และเวลาสั่งงานไม่เคยพูดเป็นคำสั่งต้องทำอะไรแบบไหน การสั่งงานทุกอย่างเป็น (คำขอ) ล้วนๆ
และหลังจากนั้นไม่เคยมีคำว่าพี่ครับผมทำไม่ได้
เพราะกับเรา ไม่ได้ไม่ได้ ไม่ได้ต้องได้.
มีเวลาไปขายแก้วน้ำเก็บอุณภูมิ YETI (ขอบคุณทุกคนที่อุดหนุนกันตลอดมา ยังมีเรื่อยๆนะครับ)
มีเวลาไปเป็นนายหน้าค้ากระดาษพาลูกค้าจากแหล่งต่างๆเข้ามาขายของกับ บริษัทค้ากระดาษรายใหญ่ของเอเชีย
(ได้แต่งตัวหล่อๆไม่เลอะมอมแมมก็คือโอกาสนี้)
ปล.การบริหารนี้ไม่ไช่นิยามของคำว่า เถ้าแก่สบายแล้ว ให้ลูกน้องทำแทน บางอย่างผมยังต้องจัดการเองอยู่ ไม่ไช่ไม่ไว้ใจลูกน้อง แต่อยากรักษาลูกค้าไว้ด้วยใจ และวาจาของเราเอง เพราะถ้าวันไหนเราไม่ไปเอง ลูกค้ายังถามเสมอว่าวันนี้เถ้าแก่ไม่มาเหรอ
ผมกำลังทำระบบบริหารลูกค้า และการเจรจาต่อรองคัดกรองวิธีดูคน ใครๆก็อยากเจอฝ่ายจัดซื้อที่ซื่อสัตย์ไช่ไหมครับ แล้วจะดูอย่างไร ว่าใครเป็นแบบไหน ไว้กระทู้หน้ามาแบ่งปันกันนะครับ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านความล้มเหลวของผม ถ้ากระทู้นี้เป็นประโยชน์ฝากแชร์ด้วยครับ
ขอบคุณแฟนที่เชื่อพลังในตัวผม ให้ผมกล้าเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆเรื่อง รักคุณนะ
ส่งท้าย ผมพร้อมให้ความรู้เรื่องวัสดุพลาสติก ฟรีๆเลยนะครับหากใครสงสัยอะไรสอบถามได้ ทางกล่องข้อความ ต้องการแชร์ความรู้ที่ผมมี
เมื่อลูกน้องลาออก พร้อมๆกัน ต้องทำไง?
ลักษณะธุรกิจเป็นงานรีไซเคิ้ลพลาสติกครับ ประมูลของเสียจากโรงพิมพ์ซองขนมต่างๆ นานาสารพัดแบรนด์ หน้าที่เราคือต้องรักษาลิขสิทธิ์บรรจุภัณฑ์เหล่านั้น ไม่ให้หลุดออกมาเป็นสินค้าปลอมตามตลาดนัด หรือขายตามตะเข็บชายแดน ราคาถูกแสนถูกบรรจุภัณฑ์อ่ะไช่ครับ แต่สินค้านั้นไม่ไช่มันเสียแค่ซองเดียวหรือ สิบซองจากการผลิต แต่เค้าทิ้งหรือเคลมคืนทั้งล้อตกับบริษัทที่รับพิมพ์นะครับ นี่ยังไม่พูดถึงแผ่นพลาสติกที่ปูตามประท้วง หรืองานวัด หน้าโรงหนังโรงลิเกนะครับ พวกนี้คือซื้อมาแล้วไม่ทำลายรีไซเคิ้ล ค่อนข้างยากครับการที่เราจะกล้ารับปากว่าเราดูแลได้ แต่ตอนนี้สบายมากครับกระบวนการทำลายทิ้งของเรา เกิดขึ้นตั้งแต่โรงงานต้นสังกัด มีสัญญาต่างๆ เป็นรูปธรรม มีเส้นทางการเดินทางของเสียทุกอย่างชัดเจน ตั้งแต่เศษพลาสติกหลอมเป็นเม็ดและฉีดขึ้นรูปเป็นอะไรได้บ้าง เอกสาร รง.4 และการเดินทางของภาษีเราเป๊ะมากรวมถึงเรื่องกระสุนสำคัญที่ลูกค้าชอบมากคือ เงินสดๆ เรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งที่พวกเราพร้อมาก
งานหนักมากครับ หนักที่ต้องยกของหนัก หนักที่ต้องเดินทางไปหลายที่ หลายโรงงาน ลูกค้าที่รอซื้อเราก็มีหลายคนหลายแบบ เป็นงานที่อาศัยแรงงานเป็นหลักครับ อาชีพพ่อค้าคนกลางคนหนึ่งที่พยายามจะหลีกเลี่ยงการใช้แรงงานต่างด้าว
เพราะสงสารที่คนไทยโดนแย่งงาน(คนไทยที่เรียนน้อยแต่อยากทำงานทุกวันนี้แทบไม่มีที่จะยืน) ก็จ้างคนไทยมาตลอดแต่ด้วยสภาพงานที่หนักมากหนักที่ต้องคัดแยก และตื่นเช้าเมื่ต้องเดินทางไปบริการลูกค้าที่ต่างจังหวัด และวันหนึ่งกำลังสำคัญขององกรณ์ผมก็จากผมไปถึงสองคนพร้อมๆกัน
มืดตึ๊บขาดเขาเราจะอยู่อย่างไร ความคิดแรกแว๊บมาคือต้องจ้างคนเพิ่มด่วนๆๆๆ แปะป้ายประกาศ นานาสารทิศ มีคนมาสมัครงานแต่ก็อยู่ไม่ทน มาสามวัน หายไปสี่วัน มาห้าวันหายไปเจ็ดวัน เราเครียดหนักมากในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา วันหนึ่งก็ตั้งสติ แล้วก็คิดถึงวิธีบริหารที่ผิดพลาดต่อมาจากครอบครัวเรา จริงๆจะว่าผิดพลาดก็ไม่ถูก ต้องเรียกว่าไม่เหมาะกับลูกจ้างในยุคปัจจุบันถึงจะเหมาะสมกว่า
แต่ก็มีสติ ที่จะวิ่งเข้าหาผู้มีประสบการณ์ บริหารกิจการ เทคนิคการเข้าหาคนเพื่อจะพิชิตความสำเร็จ จะวิ่งไปหาคนที่กำลังทำแบบยุ่งๆ ทุกวันแบบนั้นไม่ได้ครับ ต้องหาคนที่สำเร็จแล้ว จะแนะนำให้เราไปในทางที่ดีขึ้น ถ้าเราเลือกแต่คนที่ท้อแท้ คนที่เคยเจ๊งแล้วเจ๊งเล่าไม่สำเร็จสักที คนพวกนี้จะพูดแต่คำว่า อย่าเลยน้อง พี่ผ่านมาแล้ว น้องอย่าเลยเชื่อพี่ อยู่แต่แบบนั้น และรู้จักพี่ๆในวงการรีไซเคิ้ล เลยขอคำปรึกษาหาแนวทางได้แรงบัลดาลใจ จากระบบบริหารมามาก ทำให้เขียนแผนขึ้นมา ด้วยตัวเราเอง ใครจะเอาไปใช้ก็ยินดีนะครับ
แต่โจทย์ใหญ่สุดของผมคือการที่ลูกน้องออกไป ไม่ลาสักคำทั้งที่มียอดเงินเบิกล่วงหน้าไว้ด้วยนะครับ ผมใจดีน่าดู เลยไม่รู้ว่าเหตุผลของการลาออกเค้าคืออะไรผมบริหารไม่ดีหรือป่าว หรือสวัสดิการเราน้อยไปทำให้คิดหลายๆคืน แต่เมื่อทบทวนดูแล้ว
สวัสดิการผมเป็นแบบนี้ครับ
ค่าแรง400-500 บาทต่อวัน
สามารถทำงานวันอาทิตย์ได้ด้วย (ถ้าอยากทำ)
มีค่าที่พักให้ 1,000 บาทต่อเดือน
หรือเลือกรับเป็นคูปองเติมน้ำมัน 1,000บาทต่อเดือน
มีข้าวสารให้ 3 กก.ต่อเดือน
วันที่ไปขนของโรงงานลูกค้า มีข้าวเลี้ยง 2 มื้อ
วันที่ไปส่งงาน มีเบี้ยเลี้ยงให้อีก 150 บาท
เบี้ยขยันสัปดาห์ละ 300 บาท
วันหยุดนักขัตฤกษ์ ถ้าจะทำงานก็ให้เป็น x2
มี OT ทุกวันครับ
โบนัสปลายปีมีให้ไม่เคยขาด
ลืมบอกไป งานผมไม่ใช้วุฒิการศึกษามาสมัครงานนะครับ จบป. อะไรก็ทำได้หรือ ไม่เรียนหนังสือผมก็รับครับ ขอแค่เป็นคนไทย รูปร่างพร้อมลุย ไม่มีโรคประจำตัว และผ่านเกณฑ์ทหารแล้ว
สมุติฐานที่ผมตั้งได้จากเหตุการณ์ที่ลูกน้องลาออกคือน่าจะมาจาก ระบบบริหารที่สร้างขึ้น ให้ลูกจ้างเป็นแค่ลูกจ้างไม่มี โอกาสแสดงความคิด และเป๊ะเกินไป ไม่ยอมรับฟังข้ออ้างการมาสายของลูกน้องบ้าง (เลือกฟังแต่เหตุผลเกินไป)
วางแผนทั้งทีก็ต้องมีวัตถุประสงค์ครับ
วัตถุประสงค์คือ - สามัคคีต้องมาก่อนครับ ตามด้วยการรักษาลูกค้า ทั้งลูกค้าที่เป็นโรงงานที่ผมเข้าซื้อเศษพลาสติก และลูกค้าที่เป็นโรงหลอมนั่งรอเศษพลาสติกจากเราอยู่ ตามด้วยบทบาทหน้าที่ของแต่ละคน ทุกคนต้องเป็นหัวหน้าของงานบางอย่าง ในองค์กรนี้ ภาพลักษณ์องกรณ์ ดูมีชีวิตชีวา
อาจจะยาวไปสักนิดนะครับ- แต่ก็ตั้งใจจะแชร์ให้ฟัง
ปัญหาเหล่านี้!!!
เบื่อนาย สั่งงานไม่ชัดเจน
เบื่อนาย เลือกคนไม่เหมาะกับงาน
เบื่อเพื่อนร่วมงาน ที่ออกคำสั่งแทนนาย
เบื่อนาย ที่ไม่ลงมาดูงาน ออกคำสั่งอย่างเดียว
เบื่อนาย ที่ไม่กระจายบทบาทให้ฉันบ้าง
เบื่อหัวหน้า ที่ทำหน้าที่แทนนายแต่บางทีวางอำนาจมากกว่านาย
ปัญหาพวกนี้องค์กรที่ผมบริหารอยู่เลิกหมดแล้วนะ
ทุกคนสามารถแชร์ความคิดให้เพื่อนร่วมงานฟังได้
เพื่อนร่วมงานผมมีไม่ถึงสิบคน มีถกเถียงกันบ้างน่าภูมิใจนะครับที่ทุกคนแย่งกันออกความคิด เราไกล่เกลี่ยด้วยการแบ่งหน้าที่ว่างานประเภทนี้ยกหน้าที่ให้ใช้ความคิดคนนี้ งานอื่นก็ใช้ความคิดอีกคนหนึ่ง เวียนไปเพื่อการพัฒนาที่ดีที่สุดเป็นรอบๆ เมื่องานเวียนมาถึงตาคุณ คุณต้องจัดการให้ดีกว่าครั้งที่แล้ว(ของคุณ) เราไม่ได้ให้แข่งกับใคร ไม่เกินสามรอบของระบบการบริหาร เราเองจะรู้ว่าใครเหมาะกับงานอะไร ไม่ไช่ว่าเรามองออกนะ แต่พวกเขาจะแสดงออกมาเอง ทั้งสิ่งที่เขาชอบที่สุด และสิ่งที่เขาเบื่อที่สุด และตอนนั้นคุณจะพบว่าใครคือผู้เชี่ยวชาญในงานอะไรบ้าง ทีนี้ก็เลือกวางคนถูกกับงาน
และถึงตอนนั้นแต่ละคนจะยอมรับความคิดและยอมทำตามเพื่อนร่วมงานที่ถนัดในแต่ละงานมากที่สุดอย่างปรองดองและมีความสุข ผมเคยมีเพื่อนร่วมงานมากกว่านี้ แต่เราเองก็เหนื่อยกว่าตอนนี้ ทั้งกาย ทั้งใจ และสมอง เหนื่อยปาก ทุกวันนี้เหนื่อยแค่กาย(น้อยลงมาก) และสนุกกับการใช้สมอง หัวใจไม่เหนื่อยเลยครับ (แถมมีเวลาไปคิดเรื่องความรัก เรื่องวางแผนจัดงานแต่งได้ด้วย) ถ้าแฟนอ่านถึงตรงนี้น่าจะยิ้มอยู่เพราะผมก็กำลังทำหลายๆอย่างเพื่อเธออยู่
เราตั้งเป้าหมายไว้ว่าแต่ละวัน แต่ละสัปดาห์ แต่ละเดือนเรา(ขอ)ว่าอยากได้อะไรบ้างทุกอย่างสั่งล่วงหน้าทั้งหมด โดยให้อิสระการบริหารว่าเพื่อนร่วมงานจะจัดการงานนั้นให้เราอย่างไร และให้รับปากกับเราว่าทำได้หรือไม่ ไม่ทันครับนายงานแน่นไปเบียดไป ก็บอกเราได้ไม่ว่ากัน จะได้ไปบอกลูกค้าได้ถูกต้องถึงวัน เวลา และจำนวนสินค้า บางอย่างถ้ามันไม่ได้ตามที่เคยขอล่วงหน้าไว้ แล้วไม่ได้บกพร่องที่ลูกค้า ไม่ได้บกพร่องที่วัตถุดิบ หรือไม่ได้บกพร่องจากเครื่องจักร ถ้าบกพร่องจากระบบการจัดการของเพื่อนร่วมงานเอง จะเย็น จะดึกแค่ไหนผมก็รอ ผมใจดีไหมครับผมบอกว่าผมรอได้ตามที่เพื่อนร่วมงานเคยรับปาก แต่ลูกค้าเค้ารอไม่ได้นะเราต้องลุยให้จบตามนัด ลูกค้าสำคัญมากครับในตลาดรีไซเคิ้ล ลูกค้านั้นถ้าได้แล้วได้เลยครับ ผูกขาดซื้อขายกันยาวๆ แต่ตรงข้ามกัน ถ้าเสียลูกค้า มันเสียเลยครับ พวกเพื่อนร่วมงาน ก็จะมีงานน้อยลงไปด้วย ฟังดูแย่นะครับ
ทั้งหมดที่เกล่ามานี้มันคือการแก้โจทย์ของคำว่า
"คนที่ทำ ไม่ได้เป็นคนคิด
และคนที่คิด ไม่ได้เป็นคนทำ"
กับผม ไม่เคยคิดว่าใครเป็นลูกน้อง ทุกคนคือเพื่อนร่วมงาน ยามกินกินเหมือนกัน ตอนทำงานทำเหมือนกัน คนที่เหนื่อยคือคนที่ออกแรงอย่างเดียวไม่เคย คิดวิธีวางแผน แต่คนที่ออกแรงด้วยคิดด้วยทำไมพวกเขาถึงสบายใจกว่า น่าแปลกใจมาก และเวลาสั่งงานไม่เคยพูดเป็นคำสั่งต้องทำอะไรแบบไหน การสั่งงานทุกอย่างเป็น (คำขอ) ล้วนๆ
และหลังจากนั้นไม่เคยมีคำว่าพี่ครับผมทำไม่ได้
เพราะกับเรา ไม่ได้ไม่ได้ ไม่ได้ต้องได้.
มีเวลาไปขายแก้วน้ำเก็บอุณภูมิ YETI (ขอบคุณทุกคนที่อุดหนุนกันตลอดมา ยังมีเรื่อยๆนะครับ)
มีเวลาไปเป็นนายหน้าค้ากระดาษพาลูกค้าจากแหล่งต่างๆเข้ามาขายของกับ บริษัทค้ากระดาษรายใหญ่ของเอเชีย
(ได้แต่งตัวหล่อๆไม่เลอะมอมแมมก็คือโอกาสนี้)
ปล.การบริหารนี้ไม่ไช่นิยามของคำว่า เถ้าแก่สบายแล้ว ให้ลูกน้องทำแทน บางอย่างผมยังต้องจัดการเองอยู่ ไม่ไช่ไม่ไว้ใจลูกน้อง แต่อยากรักษาลูกค้าไว้ด้วยใจ และวาจาของเราเอง เพราะถ้าวันไหนเราไม่ไปเอง ลูกค้ายังถามเสมอว่าวันนี้เถ้าแก่ไม่มาเหรอ
ผมกำลังทำระบบบริหารลูกค้า และการเจรจาต่อรองคัดกรองวิธีดูคน ใครๆก็อยากเจอฝ่ายจัดซื้อที่ซื่อสัตย์ไช่ไหมครับ แล้วจะดูอย่างไร ว่าใครเป็นแบบไหน ไว้กระทู้หน้ามาแบ่งปันกันนะครับ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านความล้มเหลวของผม ถ้ากระทู้นี้เป็นประโยชน์ฝากแชร์ด้วยครับ
ขอบคุณแฟนที่เชื่อพลังในตัวผม ให้ผมกล้าเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆเรื่อง รักคุณนะ
ส่งท้าย ผมพร้อมให้ความรู้เรื่องวัสดุพลาสติก ฟรีๆเลยนะครับหากใครสงสัยอะไรสอบถามได้ ทางกล่องข้อความ ต้องการแชร์ความรู้ที่ผมมี