ห้องเพลง**คนรากหญ้า** พักยกการเมือง มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม...มีแต่เสียง 25/7/2017 (ความเชื่อผิดๆ)

กระทู้คำถาม



พลุ MC นู๋สร้างชาติ รับหน้าที่ค่ะพลุ






ตั้งแต่เด็ก เรามักจะเคยได้ยิน ได้รู้เรื่องหลายอย่าง ซึ่งบางครั้งก็เป็นความเชื่อผิดๆ วันนี้จะมาดูกันว่าเรื่องพวกนั้นมีอะไรกันบ้าง

ความเชื่อ สบู่ฆ่าแบคทีเรีย
ความจริง จริงๆ แล้วสบู่แค่ชำระล้างแบคทีเรียออกจากร่างกายเรา


ความเชื่อ กำแพงเมืองจีน เห็นได้จากอวกาศ
ความจริง กำแพงเมืองจีน มองเห็นได้จากบนท้องฟ้าไม่เกิน 2 กม.


ความเชื่อ ยาปฏิชีวนะฆ่าเชื้อไวรัสได้
ความจริง ยาปฏิชีวนะใช้เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย


ความเชื่อ น้ำมีกระแสไฟฟ้า
ความจริง สิ่งที่ทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าคือแร่ธาตุต่างๆ ในน้ำ ไม่ใช่โมเลกุลของน้ำ


ความเชื่อ ถ้ากลืนหมากฝรั่งมันจะค้างในร่างกายเรานานเป็นมากๆ
ความจริง ร่างกายมีกลไกกำจัดของเสีย แม้แต่หมากฝรั่งก็ค้างอยู่ได้เพียง 1-2 วัน


ความเชื่อ การโกนขนทำให้เส้นขนหนาขึ้น
ความจริง เมื่อเราโกนขน ส่วนที่เหลืออยู่คือส่วนกลางของขนซึ่งทื่อและแข็ง ทำให้เรารู้สึกเหมือนมันหนาขึ้น


Cr. https://www.meekhao.com/education/stop-believe-myth


ใครมีเรื่องอะไรที่เป็นความเชื่อแบบผิดๆ เชิญมาแบ่งปันกันเลยค่ะ






ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ

1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม




เธออย่าหยุดความฝัน ห้องเพลง 2 ปี (เนื้อร้อง ทำนอง ดนตรี ขับร้อง โดย MC มาริโอ้)

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ



กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน  ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 28
15 ความเชื่อผิดๆ ที่คุณคิดว่าตัวเองรู้ดี แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย

ด้วยความไม่รู้ ทำให้พวกเราส่วนใหญ่ อยู่กับความเชื่อมากกว่าความจริง ความเชื่อบางอย่างที่ถูกผู้ใหญ่สั่งสอนมา อาจไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องเสมอไป เพราะในความเป็นจริง วิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์ไปหลายเรื่องแล้วว่า ความเชื่อที่เราเชื่อต่อกันมานั้น มันผิดโดยสิ้นเชิง

วันนี้เพชรมายาจึงขอพาทุกท่านมาชมสิ่งต่างๆ ที่คุณคิดว่าคุณรู้ดี แต่จริงๆ แล้วมันเป็นความเข้าใจผิดโดยสิ้นเชิง มาดูกันว่าจะมีเรื่องอะไรกันบ้าง

1. อ่านหนังสือในที่มืด ทำให้สายตาเสีย ?


การอ่านหนังสือในที่มืดหรือมีแสงน้อย เป็นสาเหตุทำให้กล้ามเนื้อตาอ่อนล้า แต่ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ระบุว่า มันมีผลเสียต่อสายตาของคุณ


2. กาแฟ ทำร้ายสุขภาพ ?


กาแฟส่วนใหญ่จะช่วยกระตุ้นร่างกายของคุณ แต่ไม่ได้เป็นภัยต่อสุขภาพ ในความเป็นจริง มันยังช่วยป้องกันคุณจาก 5 โรค รวมทั้งโรคเบาหวาน และพาร์กินสัน


3. เอเวอร์เรส เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในโลก ?


ภูเขาไฟมัวนาเคีย ในฮาวาย มีความสูง 4,205 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล แต่ถ้ามันจากฐานมันจริงๆ ที่อยู่ใต้มหาสมุทร มันจะมีความสูง 10,203 เมตร โดยมีความสูงกว่าเอเวอร์เรสต์ถึง 1,355 เมตร


4. ปลาหมึกยักษ์ มี 8 ขา ?


อ้างอิงจากนักชีววิทยา ปลาหมึกยักษ์ (Octopus) มีขาแค่ 2 ขา แต่มีถึง 6 แขน แถมมีหัวใจ 3 ดวง อีกต่างหาก


5. กระทิงจะวิ่งเข้าใส่สีแดง ?


กระทิงไม่สนใจสีแดง จริงๆ แล้วพวกมันแทบจะแยกความแตกต่างระหว่างสีไม่ได้ด้วยซ้ำไป แต่สิ่งที่ยั่วยุมันให้พุ่งเข้าใส่ก็คือท่าทางการเคลื่อนไหวของนักสู้วัวกระทิงต่างหาก


6. ดวงจันทร์มีด้านมืด ?


ถึงแม้ดวงจันทร์จะหันหน้าเข้าหาโลกเพียงด้านเดียว แต่อีกด้านหนึ่งของมันก็ไม่ได้เป็นด้านมืดอย่างที่เราคิด เพราะมันมีแสงอาทิตย์ส่องถึงไม่ต่างจากด้านที่หันเข้าหาโลก ดังนั้นเราควรเรียกอีกฝั่งว่า ด้านไกล (Far Side) ไม่ใช่ด้านมืด (Dark Side)


7. อาหารตกลงพื้น 5 วิ หยิบขึ้นมากินได้ ?


คุณอาจเคยได้ยินมาแบบขำๆ ว่า ถ้าอาหารตกลงพื้น 5 วินาที แล้วหยิบขึ้นมากินต่อได้ เชื้อโรคยังไม่ทันรู้ตัว แต่ในความเป็นจริง เชื้อโรคไม่ได้สนใจกฏ 5 วิ บ๊องๆ แบบนี้แน่นอน มันขอแค่เพียงเสี้ยววินาที ก็สามารถเข้าไปในอาหารของคุณได้แล้ว


8. ปลาทอง มีความจำสั้น 3 วินาที ?


เชื่อว่า หลายๆ คนคงเคยได้ยินคำล้อเลียนว่า มีความจำสั้นเหมือนปลาทอง หรือสมองปลาทอง แต่จริงๆ แล้วพวกมันสามารถจำแสงสีที่แตกต่างกัน รวมถึงสัญญาณเสียงต่างๆ อีกด้วย


9. คุณควรแปรงฟันหลังทานอาหาร ?


การแปรงฟันทันทีหลังทานอาหารเสร็จ โดยเฉพาะอาหารที่เป็นกรด อย่างพวกผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว จะทำให้เคลือบฟันของคุณอ่อนตัว และเกิดการสึกกร่อนของฟันได้ ควรรอสักครึ่งชั่วโมงขึ้นไป จนกว่าน้ำลายจะชะล้างความเป็นกรดออกไปเสียก่อน


10. ไม่มีแรงโน้มถ่วงในอวกาศ ?


จริงๆ แล้ว มีแรงโน้มถ่วงมากมายในอวกาศ แรงโน้มถ่วงทำให้พระจันทร์โคจรรอบโลก ทำให้โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ ทำให้ดวงอาทิตย์ โคจรอยู่บริเวณศูนย์กลางกาแลคซี่ ส่วนบนสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) ก็มีแรงโน้มถ่วงน้อยกว่าบนโลกนิดเดียวเท่านั้น แต่ที่นักบินอวกาศอยู่ในสภาวะไร้น้ำหนัก เพราะพวกเขาอยู่ในสภาวะที่กำลัง “ตกลงอย่างต่อเนื่องสู่โลก” แต่ที่ไม่ถึงพื้นโลกสักที เพราะพวกเขาตกโค้งไปตามวงโคจรรอบโลก


11. กินดึกๆ จะทำให้น้ำหนักขึ้น ?


จริงๆ แล้วมันไม่ได้อยู่ที่ช่วงเวลาการกิน มันอยู่ที่ปริมาณแคลอรีที่คุณกินไป ถ้าคุณกินไปมากกว่าที่คุณเผาผลาญออก คุณก็จะไม่มีวันผอมแน่นอน


12. บิ๊กเบน เป็นชื่อหอนาฬิกา ?


หลายคนเข้าใจผิด คิดว่าบิ๊กเบน (Big Ben) คือชื่อของสถานที่ๆ ตั้งหอนาฬิกา หรือเป็นชื่อของหอนาฬิกานี้ แต่จริงๆ แล้วมันเป็นชื่อของระฆังใบที่ใหญ่ที่สุด จากระฆังทั้งหมด 5 ใบ ในหอระฆังของพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ ส่วนตัวหอนาฬิกามีชื่อเรียกว่า "อลิซาเบธ"


13. อาหารที่ทำจากไมโครเวฟ อันตราย ?


หลายคนเชื่อว่า การปรุงอาหารด้วยรังสีไมโครเวฟ จะทำให้เกิดอนุมูลอิสระขึ้น จนแปรสภาพกลายเป็นสารก่อมะเร็ง แต่ในความเป็นจริง การปรุงอาหารด้วยไมโครเวฟไม่ต่างจากการปรุงอาหารด้วยวิธีอื่นๆ แถมด้วยการใช้ความร้อนที่รวดเร็วกว่า อาจทำให้สารอาหารยังเหลืออยู่มากกว่าอีกด้วย


14. เราจะป่วย ถ้าอยู่ในอากาศหนาว ?


ไข้หวัด ไม่ได้มีสาเหตุมาจากอากาศที่หนาวเย็น แต่มันเกิดจากเชื้อไวรัสที่ส่งต่อระหว่างผู้คน ส่วนอากาศหนาวจะมีส่วนกระตุ้นแบคทีเรียในร่างกายเรา แต่นั่นสำหรับผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอเท่านั้น


15. กินผงชูรส อันตราย ?


ผงชูรสหรือโมโนโซเดียมกลูตาเมต ซึ่งมาจาก โซเดียม ก็คือเกลือ ส่วนกลูตาเมต ก็คือกรดอะมิโนทั่วไปซึ่งอยู่ในโปรตีน เป็นสารปรุงแต่งอาหารธรรมดาๆ ถึงแม้องค์การอาหารและยา (FDA) จะได้รับรายงานถึงอาการแปลกๆ ที่เกิดจากผงชูรส แต่นักวิจัยยังไม่พบหลักฐานที่แน่ชัดว่ามีการเชื่อมโยงระหว่างผงชูรสกับอาการป่วยต่างๆ แต่จะมีเพียงคนกลุ่มเล็กๆ ที่รู้สึกมีอาการแพ้ในระยะสั้นๆ และไม่รุนแรงมาก

http://petmaya.com/15-truths-you-misunderstood
ความคิดเห็นที่ 14
ความเชื่อเรื่องตากระตุก "ขวาร้าย ซ้ายดี" ตากระตุกช่วงเวลานี้ จะเกิดอะไรขึ้น?



เอ๊ะ! ตาขวากระตุกนี่ จะมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นรึเปล่า? หรือเวลาตาซ้ายกระตุก ก็จะแอบกลัวว่าจะวันนี้ฉันจะโรคร้ายหรือเปล่า? เพราะมักได้ยินว่า "ขวาร้าย ซ้ายดี" มาดูกันทั้งความเชื่อโบราณ และความรู้ตามหลักวิทยาศาสตร์กัน

ความเชื่อโบราณ

ตาเขม่นในตอนเช้า (จากตอนตื่นนอน ใกล้สว่าง)
กระตุกที่เปลือกตาขวา : คือจะมีเพื่อนฝูง ญาติพี่น้องจากแดนไกลมาหา
กระตุกที่เปลือกตาซ้าย : ให้ระวังการทะเลาะวิวาท และเรื่องเดือดร้อน
ตาเขม่นในตอนสาย (จากเวลา 9.00 - 12.00 น.)
กระตุกที่เปลือกตาขวา : จะได้ลาภจากคนไกล
กระตุกที่เปลือกตาซ้าย : จะเกิดเรื่องร้ายในบ้าน
ตาเขม่นในตอนบ่าย (หลังจากเที่ยงวัน - 16.00 น.)
กระตุกที่เปลือกตาขวา : จะสมหวังที่ตั้งใจไว้
กระตุกที่เปลือกตาซ้าย : เพศตรงข้ามกล่าวถึงหรือจะมาหา
ตาเขม่นในตอนเย็น (ตั้งแต่ 17.00 - 19.00 น.)
กระตุกที่เปลือกตาขวา : เพื่อนเก่าไม่ได้เจอกันนานจะได้มาเจอกัน
กระตุกที่เปลือกตาซ้าย : คนไกลจะมาหา
ตาเขม่นในตอนกลางคืน ( 19.00 เป็นต้นไป )
กระตุกที่เปลือกตาขวา : ระวังการทะเลาะขัดแย้ง ในครอบครัว
กระตุกที่เปลือกตาซ้าย : ตอนเช้าจะได้ข่าวดี การงานที่พยายามมาจะสำเร็จ

ความรู้ตามหลักวิทยาศาสตร์ ในรูปแบบข้อมูลทางการแพทย์

เปลือกตากระตุกอาจเกิดจากความเคยชินในวัยเด็ก
เกิดกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะในวัย 50 ปี ขึ้นไป
เกิดจากเส้นเลือดในสมองโป่งพอง หรือมีเกิดเนื้องอกมากดเส้นประสาทที่มาเลี้ยงเปลือกตา แบบนี้ต้องผ่าตัด
ตากระตุกหลังการคลอดบุตร
อาการล้าของกล้ามเนื้อ จะเป็นไม่นาน เดี๋ยวก็หาย
     ลองสังเกตกันทั้งความเชื่อโบราณบานบุรี และความรู้ทางการแพทย์ ขึ้นอยู่กับอาการว่ากระตุกนิดหน่อยแค่พอระทึก หรือเป็นไม่หายสักที เป็นบ่อยแทบทุกวัน ถ้าเป็นแบบหลังก็ควรพบแพทย์


เรียบเรียงข้อมูลโดย : cosmenet.in.th
ความคิดเห็นที่ 13
ความรู้ใหม่! กินไข่ วันละ6ฟอง ช่วยป้องกันโรคหัวใจ ลบความเชื่อเดิมๆกันได้แล้ว

ลบความเชื่อเดิมๆ เกี่ยวกับการ กินไข่ แล้วมาอ่านผลวิจัยจากคณะแพทย์ล่าสุดกันเลย บอกเลยอ่านจบแล้วชีวิตเปลี่ยนกันอีกแล้วจ้า




2015 US FDAใหม่ ไม่ต้องกลัวโคเลสเตอรอลจะเพิ่ม..คุณควรกินไข่และกาแฟได้แล้ว..

ใช่ ไม่ผิดครับ…คำแนะนำที่ใช้มาเกือบ 40 ปีจากอเมริกัน ที่ทำบอกว่า คุณควรจะจำกัดโคเลสเตอรรอลเพราะทำให้ระดับโคเลสเตอรรอลในเลือดสูงขึ้น กำลังจะถูกรีวิวในเดือนนี้ และลบมันออกไป…จากอาหารที่ควรจำกัด หมายถึงคุณจะกินไข่ได้ และควรกินมันด้วยอย่างน้อยวันละฟอง หรือกินได้ถึง 6 ฟองต่อวัน เนื่องจากมีผลน้อยมากต่อระดับโคเลสเตอรอลในเลือด และมีผลดีป้องกันโรคหัวใจ

WEBMD 26 กพ 58 2015Dietary Guideline for Americans

ไกด์ไลน์ที่ออกจากสมาคมแพทย์โรคหัวใจตั้งแต่ปี 1961 หรือเกือบ 60 ปี กำลังจะถูกเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นแนวทางที่แพทย์เห็นตรงกันว่าเหมาะสม เนื่องจากการวิจัยช่วง 4-5 ปีมานี้ พบความสัมพันธ์น้อยมากระหว่างคอเลสเตอรอลในอาหาร กับระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
ไกด์ไลน์นี้ จะมีการเปลี่ยนทุก 5 ปี เรามาดูกันว่า ของปี 2010 กับ 2015 นี้จะออกมาเป็นอย่างไรบ้างครับ

1. รูปแบบของอาหาร ในจำพวกอาหารจากพืช whole grain ถั่ว ผลไม้ ผัก ยังคงเดิมครับ
2. กินกาแฟได้ สำหรับผู้ใหญ่ สามารถดื่มได้ถึง 400 มิลลิกรัมต่อวัน นั่นหมายถึง 3-5 แก้วเลย! สุดยอด แต่ไม่แนะนำในเด็กและวัยรุ่นเลย อย่างไรก็ตาม ให้ระวัง น้ำตาลและครีมในกาแฟ เพราะจะทำให้อ้วน..



3. อาหารที่มีโคเลสเตอรอล ของปี 2010 แนะนำให้เลี่ยงอาหารที่มีคอเลสเตอรอลมากกว่า 300 มิลลิกรัม ต่อวัน (ไข่แดง 1 ฟอง ประมาณ 150-186 มิลลิกรัม) แต่คณะกรรมการใหม่ ได้กล่าวว่า “cholesterol is not a nutrient of concern” หมายถึงกินได้ เพราะไข่แดงไม่มีผลต่อระดับคอเลสเตอรอลในเลือด แต่มีข้อคำนึงนะครับ เพราะเฉพาะผู้ใหญ่แข็งแรง ที่ไม่มีปัญหา เรื่องไข่นี้ มีการวิจัยจนได้ข้อสรุป และลงในเว็บของฮาร์วาร์ด ท่านผู้สนใจอาจตามหาอ่านได้ครับ เขากล่าวว่า ปริมาณคอเลสเตอรอล มีผลน้อยมากต่อปริมาณ LDL หรือไขมันคอเลสเตอรอลตัวร้าย ในเลือด เมื่อเทียบกับการกินไขมันพวก อิ่มตัว หรือ พวกทรานส์ เสียอีก ดังนั้น ผู้ใหญ่ที่แข็งแรง แนะนำให้ทานไข่ ได้ 1-6 ฟองต่อวัน ส่วนผู้ที่มีเบาหวาน หรือพวกที่มีปัญหาในการควบคุมLDL อาจต้องคำนึง และจำกัดไข่แดงไม่เกิน 3 ฟองต่อสัปดาห์ และควรปรึกษาแพทย์ก่อนครับ (ที่มา http://www.hsph.harvard.edu/nutritionsource/eggs/)



4. ปลาจากฟาร์ม มีคุณค่าพอๆกับปลาจากธรรมชาติ … แซลม่อน เทราท์ ฯลฯ แต่ก่อนเชื่อว่า ปลาเลี้ยง มีโอเมก้า 3 น้อยกว่า แต่ปัจจุบันพบว่า ไม่จริง …แต่ให้ระมัดระวังต้องเป็นฟาร์มมาตรฐาน ไม่มีสารเจือปนครับ
ปัจจุบันพบว่าสัดส่วนโอเมก้า 3ต่อ โอเมก้า 6 ที่เยอะ ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ (อาหารพวกโอเมก้า 6 ที่เยอะๆก็คือ น้ำมันพืชผ่านกรรมวิธี ที่พวกเรากินกันนี่แหละ ระวังไว้) นี่เป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมครอบครัวเราปัจจุบันชอบแซลม่อน และกินไข่ด้วย
5. ลดเกลือ ไม่ควรกินมากกว่า 2400 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งถ้ามีโรคความดันโลหิตสูงควรลดกว่า 1500 มิลลิกรัม (เกลือ 1 ช้อนชา = 2300 มิลลิกรัม) และยิ่งในบ้านเรา อาหารเค็มๆเยอะ หมายถึง ไม่ต้องเติมเกลือเลย…
6. ลดอาหารไขมันอิ่มตัว saturated fat
7. ลดอาหารหวาน ที่ทำให้อ้วน

ขอบคุณที่มาจาก https://www.facebook.com/Kijakarn Junda  /  https://health.mthai.com/health-news/10607.html
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่