ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สวัสดีครับ
สมาชิกห้องเพลงทุกๆท่าน วันนี้วันจันทร์
MC WANG JIE (แอ๊ด) เข้าประจำการอีก 1 วันครับ
วันนี้ก็ขอเล่าเรื่อง เทพและเทวีอียิปต์ ต่อจากเมื่อวานนะครับ
(4) โอสิริส (OSIRIS)
Osiris (โอซิริส, โอไซริส) นั้น เป็นเทพเจ้าในยุคแรกๆของอียิปต์ เขามักถูกระบุว่า เป็นเทพแห่งชีวิตหลังความตาย และเทพแห่งวิญญาณ (คล้ายอนูบิส แต่มีตำแหน่งที่สูงกว่า) โอซิริสเป็นพี่ชาย และ สามี เทวีไอซิส มีศักดิ์เป็นพี่ชายของ เทวีเนฟธีส และเทพ เซท นอกจากนี้เขายังเป็นพ่อของ เทพฮอรัส และอนูบิส อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการบูชาให้ โอซิริสเป็นเทพเจ้าแห่งการฟื้นคืนชีพ และความอุดมสมบูรณ์
มีช่วงเวลาหนึ่งที่นับถือกันว่า โอซิริส เป็นโอรส ของเทพเจ้าแห่งโลก เก็บ กับ เทพีนัต เทพีแห่งท้องฟ้า (แต่มีบางตำรากล่าวว่าเขาเป็นโอรสของเทพ รา)
เทพโอซิริสนั้น เชื่อว่าเป็นเทพที่รังเกียจความรุนแรงเป็นที่สุด จากบันทึกกล่าวว่าเขาแปลงกายอยู่ในร่างมนุษย์และอาศัยบนโลกเพื่อครอบบัลลังค์อียิปต์ พระองค์พบว่าประชาชนของพระองค์นั้นมีจำนวนมากที่มีความโหดร้ายป่าเถื่อน และยังไร้ศีลธรรม โอซิริสได้โน้มน้าวและสั่งสอนประชาชนเหล่านั้นจนในที่สุด พวกเขาก็เชื่อฟังและอยู่ในกฎระเบียบของพระองค์ได้
ในขณะที่โอซิริสยังมีชีวิตอยู่นั้น พระองค์ และเทพธอท ได้สอนศิลปวิทยาการทั้งหลายแก่มวลมนุษย์ ทั้งเรื่องการเพาะปลูก ทำขนมปัง และหมักไวน์ หรือสร้างแบบแปลงเมือง รวมถึงการสร้างสรรค์เสียงดนตรีอีกด้วย บางครั้งเขาก็จะปล่อยอียิปต์ไว้ให้มเหสีอย่าง เทวีไอซิส ครองบัลลังก์ชั่วคราว ระหว่างที่ตัวเขาเองออกท่องไปยังแดนอื่นเพื่อสอนมนุษย์ในที่อื่นๆเช่นเดียวกับที่เขาสอนชาวอียิปต์
ซึ่งช่องว่างนี้เอง ทำให้เทพ เซธ ผู้เป็นน้องคิดไม่ซื่อ อยากครองทั้งบัลลังค์และตัวเทวีไอซิส เขาได้รวบรวบกำลังพลจำนวลหนึ่ง และร่วมมือกันคิดหาอุบายขึ้นมาเพื่อฆ่าโอซิริส ไม่นานหลังจากที่เทพโอซิริสกลับอียิปต์ เป็นปีที่ 28 แห่งการครองราชย์ของเขา เซธและอาโส (Aso) ราชินีแห่งเอธิโอเปีย และกบฏอีก 72 คน ได้ร่วมกันล้มล้างเทพโอซีริสจนสำเร็จ พวกเขาได้รเอาพระศพของโอซิริสใส่โลงแต่กระนั้นโลงพระศพก็ได้ไปเกยขึ้นที่ฝั่งฟีเนียเซีย
เทวีไอซิสพยายามค้นหาจนพบ ด้วยความช่วยเหลือของเทวีเนฟธีส อนูบิส และเทพธอท เพื่อค้นหาพระร่างของโอซิริสจนเจอ แต่เมื่อเทพเซธได้ทราบเช่นนั้น เขาจึงตอบแทนด้วยการฉีกร่างของเทพโอซิริสเป็น 14 ชิ้น และนำเอาชิ้นส่วนเหล่านี้ไปโปรยจนทั่วอียิปต์ เพื่อหวังว่าพระศพจะไม่ถูกหาเจออีกต่อไป แต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้นเพราะพระนางยังสามารถหาชิ้นส่วนร่างของเทพโอซิริสได้อีกครั้ง ในตอนแรกเจอเพียง 13 เท่านั้น ส่วนที่ขาดไปคือลึงค์ของเทพโอซิริส แต่ภายหลังก็หาจนพบ จากปลาที่กินเข้าไป (ซึ่งนี่เองเป็นต้นกำเนิดว่าทำไมชาวอียิปต์ถึงมีข้อห้ามว่าห้ามกินปลา) เธอได้ชุบชีวิตเขาอีกครั้ง เพื่อให้นานพอที่จะทำให้พระนางตั้งครรภ์ ซึ่งภายหลังจะเกิดมาเป็นเทพฮอรัส นั่นเอง
เมื่อโอไซริสเมื่อสิ้นพระชนม์แล้ว ยังถูกเขารพบูชาในฐานะเทพแห่งชีวิตหลังความตาย กล่าวว่าเขาคือมัจจุราชก็ไม่ผิด อีกทั้งยังได้รับสมญาที่ว่า “เค็นที-อาเมนทีอู” (Khenti-Amentiu) หมายถึง ที่สุดแห่งชาวตะวันตก ซึ่งหมายถึง การได้ปกครองนรกภูมิ
ส่วนไอซิสก็กลายเป็นราชินีหม้าย ก็ยังไม่คลายความเศร้าโศก และเมื่อพระนางให้กำเนิด เทพฮอรัส เขาก็จะได้ขึ้นครองบัลลังค์อียิปต์ต่อไป โดยมีเทพเซธผู้ริษยา คอยขัดขวางอยู่นั่นเอง
ชื่อ “โอซิริส” ในภาษากรีกโบราณนั้นถูกเรียกว่า “Asar” หรือ “Usar” ซึ่งหมายถึง “ความแข็งแกร่งของดวงตา” หรือ “เขาเฝ้ามองบัลลังก์” ลักษณะของพระองค์มักถูกบรรยายว่าเป็นชาย มีกายสีเขียว มีหนวดเคราดังฟาโรห์ กายเบื้องล่างพันผ้าห่อศพ ประทับยืนอยู่หรือประทับนั่งบนบังลังค์ หัตถ์ทั้งสองถือตะขอกับไม้หวดข้าว
(5) ไอสิส (ISIS)

Isis หรือ เทวีไอซิส นั้น เป็นหนึ่งในเทพเจ้าที่เก่าแก่ที่สุด ของอียิปต์โบราณ พื้นเพการเคารพบูชาของนางไม่ชัดเจนมากนัก บางตำนานเล่าว่าการบูชาพระนางมีต้นกำเนิดในไซไน แต่ก็ยังเป็นไปได้ว่าพระนางเป็นที่เคารพบูชาครั้งแรกในเขตสันดอนของอียิปต์ล่างรอบๆ บูซิริส แต่อย่างไรก็ตาม ผู้คนไม่ได้บูชาพระนางเพียงแค่เมืองใดเมืองหนึ่งเท่านั้น หากแต่มีการบูชาพระนางในแทบทุกพื้นที่ และทุกวัดในแผ่นดิน
แม้ผู้คนในอียิปต์นั้นเคารพบูชา เทวีไอซิส เป็นจำนวนมาก แต่ความจริงแล้วชื่อ Isis นั้นเป็นภาษากรีก เธอเป็นที่รู้จักในหมู่ชาวอียิปต์ในชื่อ Aset (หรือ Ast, Iset, Uset) ซึ่งมีความหมายลึกซึ้งว่า “ราชินีแห่งบัลลังก์” ในอียิปต์โบราณนั้นนับถือเทวีไอซสิสเปรียบเสมือนแม่แบบของ “หญิงที่สมบูรณ์” และพระนางถูกเรียกว่า “หนึ่งเดียวผู้คือทุกสิ่ง” และพระนางยังเป็นต้นแบบของเทพสตรีทั้งหลายในตำนานเทพวัฒนธรรมอื่นๆ อีกด้วย
ต้นกำเนิดเทวีไอซิส

ตามตำนานเล่าว่า พระนางเป็นบุตรีของเทวีนัต และ เทพเก็บ ซึ่งพระนางเป็นพี่/น้อง ของ เทวีเนฟธีส, เทพ เซธ และ เทพโอซิริส บางตำนานเล่าว่า และเพราะเทพราเกรงกลัวว่าจะมีคนมาชิงบัลลังค์ของเขา เมื่อทราบว่า เทวีนัต ตั้งครรภ์เขาจึงได้โกรธมาก และสาปนางว่า “นัตจะไม่สามารถคลอดลูกได้ไม่ว่าวันไหนเลยในหนึ่งปี” ซึ่งในขณะนั้น 1 ปี มี 360 วัน เทวีนัตไปขอความช่วยเหลือจากเทพทอธ เทพแห่งความเฉลียวฉลาด เทพทอธได้เล่นพนันกับเทพแห่งดวงจัน คอนซู และทุกครั้งที่คอนซูแพ้ เขาจะต้องแบ่งแสงจันทร์เล็กน้อยของเขาให้กับเทพทอธ และเมื่อคอนซูแพ้หลายครั้งเข้า เทพทอธเก็บสะสมแสงนั้นได้มากพอที่จะสร้างวันเพิ่มขึ้นอีกถึง 5 วัน และเพราะ 5 วันนั้นไม่ใช่วันไหนเลยในหนึ่งปี เทวีนัตจึงสามารถคลอดลูกของนางได้ ดังนี้
วันที่หนึ่ง ให้กำเนิด เทพโอซีริส ผู้เป็นเทพกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่
วันที่สอง ให้กำเนิด เทพฮามาร์คิส หรือ สฟิงซ์ ผู้เป็นเทพเจ้าแห่งรุ่งอรุณ
วันที่สาม ให้กำเนิด เทพเซธ ผู้เป็นเทพเจ้าแห่งความชั่วร้าย เขาฉีกครรภ์ของพระมารดาออกมา
วันที่สี่ ให้กำเนิด เทพีไอซิส ผู้เป็นเทพีแห่งความรักและภูมิปัญญา
วันที่ห้า ให้กำเนิด เทพีเนฟธิส ผู้เป็นเทพีผู้คุ้มครองวิญญาณคนตาย
เมื่อเทพราทราบข่าว ก็ยิ่งโกรธเข้าไปอีก เขาแยกเทวีนัต จากสามีของนาง เทพเก็บ ชั่วนิรันดร์ โดยการให้พ่อของเทวีนัตแบกนางไว้ นั่นทำให้ท้องฟ้าและผืนดินแยกจากกันไปตลอดกาล เทพเก็บโศกเศร้าโศกาที่ถูกแยกจากภรรยาผู้เป็นที่รัก เขามักร่ำไห้และนั่นทำให้โลกเกิดมหาสมุทร
รูปภาพของพระนางมักถูกวาดให้มี “บัลลังก์” เป็นเครื่องประดับบนศีรษะ และเหยี่ยวที่กางปีกกว้าง มักจะปรากฎรูปภาพพระนางมีผิวกายสีออกเหลืองเพื่อสื่อถึงการใช้ชีวิตในราชวังและไม่ค่อยโดนแสงแดด ในบางครั้งจะพบภาพพระนางถือเครื่องหมายอังก์ ซึ่งเป็นเครื่องหมายแห่งชีวิตอันเป็นนิรันดร์
ในฐานะ น้อง และ ภรรยา ของเทพโอซิริส
ตำนานเล่าว่า ไอซิส และ โอซิริส นั้น ต่างรักกันตั้งแต่ครั้งยังอยู่ในครรภ์มารดา ทั้งสองเติบโตมาด้วยกัน และเมื่อเติบใหญ่และ เทพโอซิริส ได้ขึ้นครองบัลลังก์ได้โดยฝีมือของพระนางนั่นเอง
เล่าว่าวันหนึ่งพระนางนำน้ำลายของเทพรา (ซึ่งครองบัลลังก์ขณะนั้น) มาผสมกับโคลนแล้วปั้นงูพิษขึ้นมาเพื่อกัดเทพรา นางสร้างอุบายว่าต้องการชื่อที่แท้จริงของเทพราเพื่อใช้ในการรักษา ซึ่งเทพราก็เชื่อ ดังนั้น เทพราจึงได้รับการรักษาแต่พลังของเขาถูกส่งต่อมายังเทวีไอซิสแทน ซึ่งนั่นทำให้นางมีพลังสูงสุดในหมู่เทพ
เทพโอซิริส อภิเษกสมรสกับเทวีไอซิส ซึ่งทั้งสองต่างใช้เวลาส่วนมากไปกับการสั่งสอนและปกป้องผุ้คนของพระองค์ ยุคนั้นจึงเป็นยุคทองของอียิปต์ที่มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง และอุดมสมบูรณ์ ทั้งด้านอารยธรรม และการประดิษฐ์
แต่แล้ว เวลาแห่งความสุขก็คงอยู่ได้ไม่นาน เมื่อเทพเซธ ผู้อิจฉาริษยา อยากแย่งชิงบัลลังก์ วางแผนเพื่อฆ่าเทพโอซิริส และเขาก็ทำสำเร็จ เทพเซธได้ร่วมมีกับอาโส (Aso) ราชินีแห่งเอธิโอเปีย และกบฏอีก 72 คน ได้ร่วมกันล้มล้างเทพโอซีริส และจับร่างของพระองค์ใส่โลงแล้วลอยไปตามแม่น้ำไนล์ แต่ก็เป็นเทวีไอซิสเองที่ตามหาพระร่างจนพบเพื่อปลุกให้เขาฟื้นคืนชีพ แต่แล้วเทพเซธ กลับรู้ว่าร่างของเทพโอซิริสถูกหาเจอก็โมโหมาก จึงฉีกร่างของเทพโอซิริสเป็น 14 ชิ้น และนำเอาชิ้นส่วนเหล่านี้ไปโปรยจนทั่วอียิปต์
เทวีไอซิสผู้น่าสงสาร ได้รับความช่วยเหลือจากน้องสาวของนาง เทพีเนฟธิส ในการตามหาร่างทั้ง 14 ส่วนของสวามี และนางได้ใช้เวทมนตร์เพื่อปลุกให้เขาฟื้นคืนชีพ นานพอที่ทั้งสองพระองค์มีทายาทร่วมกัน ภายหลังคือ เทพฮอรัส และเมื่อภายหลังจากได้ทำพิธีกรรม โดยมีเทพอานูบิส เทพแห่งความตายเป็นผู้ประกอบพิธี เทพโอซิริส ก็สามารถไปยังโลกแห่งความตายได้ และพระองค์ได้กลายเป็นผู้ปกครองโลกแห่งวิญญาณต่อไป ทั้งสองจึงต้องแยกจากกัน
ความชั่วร้ายของเทพเซธไม่หมดเพียงเท่านั้น เพราะเขาพยายามจะฆ่าหลานตัวเองคือเกิดจาก โอซิริส และ ไอซิส หลายต่อหลายครั้ง ซึ่งพระนางต้องปกต้องบุตรชายจากอันตรายต่างๆที่เทพเซธส่งมา เช่นครั้งหนึ่ง ที่พระนางต้องชุบชีวิตเทพฮอรัส จากการถูกแมงป่องต่อยจนตาย
หลังจากพระนางเลี้ยงดูบุตรชายจนโตบโต ฮอรัสวัยหนุ่มได้คิดที่จะแก้แค้นแทนพระบิดา และขึ้นครองราชย์อียิปต์แทนเซธผู้ชั่วร้าย จึงได้มีการท้าทายต่อเทพเซธ และผู้ชนะจะได้ขึ้นครองบัลลังก์ แต่แน่นอนเทพเซธก็ไม่ได้เล่นแฟร์ๆ ในการแข่งขันหลายๆครั้งที่เซธโกงจนเอาชนะฮอรัสไปได้ เทวีไอซิสอยากช่วยลูกชายของนาง พระนางจึงวางกับดักจนเซธติดกับ เทพเซธร้องขอชีวิตและไอซิสก็ยังปล่อยเขาไป ทันทีที่ฮอรัสทราบว่าแม่ได้ปล่อยศัตรูเป็นอิสระ เขาก็โกรธนางมาก จึงตัดเศียรของพระนางทันที ทันใดนั้นเทพ ทอธ เทพแห่งสติปัญญหาและเวทมนต์ ได้เปลี่ยนเศียรนั้นให้กลายเป็นหัวของวัว แล้วนำมันกลับคืนยังร่างของไอซิส (ดังนั้นในรูปปั้นโบราณบางชิ้นจะปรากฎร่างเทวีไอซิสกับเศียรของวัว) ตั้งแต่วันนั้นพระนางก็ได้ไปมีชีวิตหลังความตายกับสามีผู้เป็นที่รัก กล่าวว่าพระนางยังให้อภัยปฏิกิริยาก้าวร้าวไม่มีเหตุผลของลูกชาย และยังคงสนับสนุนเขาต่อไป
ในตำนานเทพอียิปต์นั้น เทวีไอซิสถูกยกย่องอย่างมากว่าเป็นมารดาผู้ประเสริฐ และถูกเคารพบูชาเป็นเทพธิดาผู้พิทักษ์เนื่องจากวิธีการที่เธอปกป้องเทพฮอรัส ในบทบาทของนักเวทย์และการนำชีวิตกลับคืนจากโลกแห่งความตาย พระนางยังมีบทบาทสำคัญในการอยู่เบื้องหลังราชาแห่งอียิปต์อีกด้วย
เครดิตข้อมูล=
http://www.2by4travel.com/home/Data-travel/egypt/thephcea-haeng-xiyipt
พบกันใหม่ เสาร์อาทิตย์หน้าครับ
ห้องเพลง**คนรากหญ้า**พักยกการเมือง มุมเสียงเพลง มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม มีแต่เสียง 24/7/2560- เรื่องเทพเทวีไอยคุปต์-2
ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สวัสดีครับ
วันนี้ก็ขอเล่าเรื่อง เทพและเทวีอียิปต์ ต่อจากเมื่อวานนะครับ
(4) โอสิริส (OSIRIS)
Osiris (โอซิริส, โอไซริส) นั้น เป็นเทพเจ้าในยุคแรกๆของอียิปต์ เขามักถูกระบุว่า เป็นเทพแห่งชีวิตหลังความตาย และเทพแห่งวิญญาณ (คล้ายอนูบิส แต่มีตำแหน่งที่สูงกว่า) โอซิริสเป็นพี่ชาย และ สามี เทวีไอซิส มีศักดิ์เป็นพี่ชายของ เทวีเนฟธีส และเทพ เซท นอกจากนี้เขายังเป็นพ่อของ เทพฮอรัส และอนูบิส อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการบูชาให้ โอซิริสเป็นเทพเจ้าแห่งการฟื้นคืนชีพ และความอุดมสมบูรณ์
มีช่วงเวลาหนึ่งที่นับถือกันว่า โอซิริส เป็นโอรส ของเทพเจ้าแห่งโลก เก็บ กับ เทพีนัต เทพีแห่งท้องฟ้า (แต่มีบางตำรากล่าวว่าเขาเป็นโอรสของเทพ รา)
เทพโอซิริสนั้น เชื่อว่าเป็นเทพที่รังเกียจความรุนแรงเป็นที่สุด จากบันทึกกล่าวว่าเขาแปลงกายอยู่ในร่างมนุษย์และอาศัยบนโลกเพื่อครอบบัลลังค์อียิปต์ พระองค์พบว่าประชาชนของพระองค์นั้นมีจำนวนมากที่มีความโหดร้ายป่าเถื่อน และยังไร้ศีลธรรม โอซิริสได้โน้มน้าวและสั่งสอนประชาชนเหล่านั้นจนในที่สุด พวกเขาก็เชื่อฟังและอยู่ในกฎระเบียบของพระองค์ได้
ในขณะที่โอซิริสยังมีชีวิตอยู่นั้น พระองค์ และเทพธอท ได้สอนศิลปวิทยาการทั้งหลายแก่มวลมนุษย์ ทั้งเรื่องการเพาะปลูก ทำขนมปัง และหมักไวน์ หรือสร้างแบบแปลงเมือง รวมถึงการสร้างสรรค์เสียงดนตรีอีกด้วย บางครั้งเขาก็จะปล่อยอียิปต์ไว้ให้มเหสีอย่าง เทวีไอซิส ครองบัลลังก์ชั่วคราว ระหว่างที่ตัวเขาเองออกท่องไปยังแดนอื่นเพื่อสอนมนุษย์ในที่อื่นๆเช่นเดียวกับที่เขาสอนชาวอียิปต์
ซึ่งช่องว่างนี้เอง ทำให้เทพ เซธ ผู้เป็นน้องคิดไม่ซื่อ อยากครองทั้งบัลลังค์และตัวเทวีไอซิส เขาได้รวบรวบกำลังพลจำนวลหนึ่ง และร่วมมือกันคิดหาอุบายขึ้นมาเพื่อฆ่าโอซิริส ไม่นานหลังจากที่เทพโอซิริสกลับอียิปต์ เป็นปีที่ 28 แห่งการครองราชย์ของเขา เซธและอาโส (Aso) ราชินีแห่งเอธิโอเปีย และกบฏอีก 72 คน ได้ร่วมกันล้มล้างเทพโอซีริสจนสำเร็จ พวกเขาได้รเอาพระศพของโอซิริสใส่โลงแต่กระนั้นโลงพระศพก็ได้ไปเกยขึ้นที่ฝั่งฟีเนียเซีย
เทวีไอซิสพยายามค้นหาจนพบ ด้วยความช่วยเหลือของเทวีเนฟธีส อนูบิส และเทพธอท เพื่อค้นหาพระร่างของโอซิริสจนเจอ แต่เมื่อเทพเซธได้ทราบเช่นนั้น เขาจึงตอบแทนด้วยการฉีกร่างของเทพโอซิริสเป็น 14 ชิ้น และนำเอาชิ้นส่วนเหล่านี้ไปโปรยจนทั่วอียิปต์ เพื่อหวังว่าพระศพจะไม่ถูกหาเจออีกต่อไป แต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้นเพราะพระนางยังสามารถหาชิ้นส่วนร่างของเทพโอซิริสได้อีกครั้ง ในตอนแรกเจอเพียง 13 เท่านั้น ส่วนที่ขาดไปคือลึงค์ของเทพโอซิริส แต่ภายหลังก็หาจนพบ จากปลาที่กินเข้าไป (ซึ่งนี่เองเป็นต้นกำเนิดว่าทำไมชาวอียิปต์ถึงมีข้อห้ามว่าห้ามกินปลา) เธอได้ชุบชีวิตเขาอีกครั้ง เพื่อให้นานพอที่จะทำให้พระนางตั้งครรภ์ ซึ่งภายหลังจะเกิดมาเป็นเทพฮอรัส นั่นเอง
เมื่อโอไซริสเมื่อสิ้นพระชนม์แล้ว ยังถูกเขารพบูชาในฐานะเทพแห่งชีวิตหลังความตาย กล่าวว่าเขาคือมัจจุราชก็ไม่ผิด อีกทั้งยังได้รับสมญาที่ว่า “เค็นที-อาเมนทีอู” (Khenti-Amentiu) หมายถึง ที่สุดแห่งชาวตะวันตก ซึ่งหมายถึง การได้ปกครองนรกภูมิ
ส่วนไอซิสก็กลายเป็นราชินีหม้าย ก็ยังไม่คลายความเศร้าโศก และเมื่อพระนางให้กำเนิด เทพฮอรัส เขาก็จะได้ขึ้นครองบัลลังค์อียิปต์ต่อไป โดยมีเทพเซธผู้ริษยา คอยขัดขวางอยู่นั่นเอง
ชื่อ “โอซิริส” ในภาษากรีกโบราณนั้นถูกเรียกว่า “Asar” หรือ “Usar” ซึ่งหมายถึง “ความแข็งแกร่งของดวงตา” หรือ “เขาเฝ้ามองบัลลังก์” ลักษณะของพระองค์มักถูกบรรยายว่าเป็นชาย มีกายสีเขียว มีหนวดเคราดังฟาโรห์ กายเบื้องล่างพันผ้าห่อศพ ประทับยืนอยู่หรือประทับนั่งบนบังลังค์ หัตถ์ทั้งสองถือตะขอกับไม้หวดข้าว
(5) ไอสิส (ISIS)
Isis หรือ เทวีไอซิส นั้น เป็นหนึ่งในเทพเจ้าที่เก่าแก่ที่สุด ของอียิปต์โบราณ พื้นเพการเคารพบูชาของนางไม่ชัดเจนมากนัก บางตำนานเล่าว่าการบูชาพระนางมีต้นกำเนิดในไซไน แต่ก็ยังเป็นไปได้ว่าพระนางเป็นที่เคารพบูชาครั้งแรกในเขตสันดอนของอียิปต์ล่างรอบๆ บูซิริส แต่อย่างไรก็ตาม ผู้คนไม่ได้บูชาพระนางเพียงแค่เมืองใดเมืองหนึ่งเท่านั้น หากแต่มีการบูชาพระนางในแทบทุกพื้นที่ และทุกวัดในแผ่นดิน
แม้ผู้คนในอียิปต์นั้นเคารพบูชา เทวีไอซิส เป็นจำนวนมาก แต่ความจริงแล้วชื่อ Isis นั้นเป็นภาษากรีก เธอเป็นที่รู้จักในหมู่ชาวอียิปต์ในชื่อ Aset (หรือ Ast, Iset, Uset) ซึ่งมีความหมายลึกซึ้งว่า “ราชินีแห่งบัลลังก์” ในอียิปต์โบราณนั้นนับถือเทวีไอซสิสเปรียบเสมือนแม่แบบของ “หญิงที่สมบูรณ์” และพระนางถูกเรียกว่า “หนึ่งเดียวผู้คือทุกสิ่ง” และพระนางยังเป็นต้นแบบของเทพสตรีทั้งหลายในตำนานเทพวัฒนธรรมอื่นๆ อีกด้วย
ต้นกำเนิดเทวีไอซิส
ตามตำนานเล่าว่า พระนางเป็นบุตรีของเทวีนัต และ เทพเก็บ ซึ่งพระนางเป็นพี่/น้อง ของ เทวีเนฟธีส, เทพ เซธ และ เทพโอซิริส บางตำนานเล่าว่า และเพราะเทพราเกรงกลัวว่าจะมีคนมาชิงบัลลังค์ของเขา เมื่อทราบว่า เทวีนัต ตั้งครรภ์เขาจึงได้โกรธมาก และสาปนางว่า “นัตจะไม่สามารถคลอดลูกได้ไม่ว่าวันไหนเลยในหนึ่งปี” ซึ่งในขณะนั้น 1 ปี มี 360 วัน เทวีนัตไปขอความช่วยเหลือจากเทพทอธ เทพแห่งความเฉลียวฉลาด เทพทอธได้เล่นพนันกับเทพแห่งดวงจัน คอนซู และทุกครั้งที่คอนซูแพ้ เขาจะต้องแบ่งแสงจันทร์เล็กน้อยของเขาให้กับเทพทอธ และเมื่อคอนซูแพ้หลายครั้งเข้า เทพทอธเก็บสะสมแสงนั้นได้มากพอที่จะสร้างวันเพิ่มขึ้นอีกถึง 5 วัน และเพราะ 5 วันนั้นไม่ใช่วันไหนเลยในหนึ่งปี เทวีนัตจึงสามารถคลอดลูกของนางได้ ดังนี้
วันที่หนึ่ง ให้กำเนิด เทพโอซีริส ผู้เป็นเทพกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่
วันที่สอง ให้กำเนิด เทพฮามาร์คิส หรือ สฟิงซ์ ผู้เป็นเทพเจ้าแห่งรุ่งอรุณ
วันที่สาม ให้กำเนิด เทพเซธ ผู้เป็นเทพเจ้าแห่งความชั่วร้าย เขาฉีกครรภ์ของพระมารดาออกมา
วันที่สี่ ให้กำเนิด เทพีไอซิส ผู้เป็นเทพีแห่งความรักและภูมิปัญญา
วันที่ห้า ให้กำเนิด เทพีเนฟธิส ผู้เป็นเทพีผู้คุ้มครองวิญญาณคนตาย
เมื่อเทพราทราบข่าว ก็ยิ่งโกรธเข้าไปอีก เขาแยกเทวีนัต จากสามีของนาง เทพเก็บ ชั่วนิรันดร์ โดยการให้พ่อของเทวีนัตแบกนางไว้ นั่นทำให้ท้องฟ้าและผืนดินแยกจากกันไปตลอดกาล เทพเก็บโศกเศร้าโศกาที่ถูกแยกจากภรรยาผู้เป็นที่รัก เขามักร่ำไห้และนั่นทำให้โลกเกิดมหาสมุทร
รูปภาพของพระนางมักถูกวาดให้มี “บัลลังก์” เป็นเครื่องประดับบนศีรษะ และเหยี่ยวที่กางปีกกว้าง มักจะปรากฎรูปภาพพระนางมีผิวกายสีออกเหลืองเพื่อสื่อถึงการใช้ชีวิตในราชวังและไม่ค่อยโดนแสงแดด ในบางครั้งจะพบภาพพระนางถือเครื่องหมายอังก์ ซึ่งเป็นเครื่องหมายแห่งชีวิตอันเป็นนิรันดร์
ในฐานะ น้อง และ ภรรยา ของเทพโอซิริส
ตำนานเล่าว่า ไอซิส และ โอซิริส นั้น ต่างรักกันตั้งแต่ครั้งยังอยู่ในครรภ์มารดา ทั้งสองเติบโตมาด้วยกัน และเมื่อเติบใหญ่และ เทพโอซิริส ได้ขึ้นครองบัลลังก์ได้โดยฝีมือของพระนางนั่นเอง
เล่าว่าวันหนึ่งพระนางนำน้ำลายของเทพรา (ซึ่งครองบัลลังก์ขณะนั้น) มาผสมกับโคลนแล้วปั้นงูพิษขึ้นมาเพื่อกัดเทพรา นางสร้างอุบายว่าต้องการชื่อที่แท้จริงของเทพราเพื่อใช้ในการรักษา ซึ่งเทพราก็เชื่อ ดังนั้น เทพราจึงได้รับการรักษาแต่พลังของเขาถูกส่งต่อมายังเทวีไอซิสแทน ซึ่งนั่นทำให้นางมีพลังสูงสุดในหมู่เทพ
เทพโอซิริส อภิเษกสมรสกับเทวีไอซิส ซึ่งทั้งสองต่างใช้เวลาส่วนมากไปกับการสั่งสอนและปกป้องผุ้คนของพระองค์ ยุคนั้นจึงเป็นยุคทองของอียิปต์ที่มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง และอุดมสมบูรณ์ ทั้งด้านอารยธรรม และการประดิษฐ์
แต่แล้ว เวลาแห่งความสุขก็คงอยู่ได้ไม่นาน เมื่อเทพเซธ ผู้อิจฉาริษยา อยากแย่งชิงบัลลังก์ วางแผนเพื่อฆ่าเทพโอซิริส และเขาก็ทำสำเร็จ เทพเซธได้ร่วมมีกับอาโส (Aso) ราชินีแห่งเอธิโอเปีย และกบฏอีก 72 คน ได้ร่วมกันล้มล้างเทพโอซีริส และจับร่างของพระองค์ใส่โลงแล้วลอยไปตามแม่น้ำไนล์ แต่ก็เป็นเทวีไอซิสเองที่ตามหาพระร่างจนพบเพื่อปลุกให้เขาฟื้นคืนชีพ แต่แล้วเทพเซธ กลับรู้ว่าร่างของเทพโอซิริสถูกหาเจอก็โมโหมาก จึงฉีกร่างของเทพโอซิริสเป็น 14 ชิ้น และนำเอาชิ้นส่วนเหล่านี้ไปโปรยจนทั่วอียิปต์
เทวีไอซิสผู้น่าสงสาร ได้รับความช่วยเหลือจากน้องสาวของนาง เทพีเนฟธิส ในการตามหาร่างทั้ง 14 ส่วนของสวามี และนางได้ใช้เวทมนตร์เพื่อปลุกให้เขาฟื้นคืนชีพ นานพอที่ทั้งสองพระองค์มีทายาทร่วมกัน ภายหลังคือ เทพฮอรัส และเมื่อภายหลังจากได้ทำพิธีกรรม โดยมีเทพอานูบิส เทพแห่งความตายเป็นผู้ประกอบพิธี เทพโอซิริส ก็สามารถไปยังโลกแห่งความตายได้ และพระองค์ได้กลายเป็นผู้ปกครองโลกแห่งวิญญาณต่อไป ทั้งสองจึงต้องแยกจากกัน
ความชั่วร้ายของเทพเซธไม่หมดเพียงเท่านั้น เพราะเขาพยายามจะฆ่าหลานตัวเองคือเกิดจาก โอซิริส และ ไอซิส หลายต่อหลายครั้ง ซึ่งพระนางต้องปกต้องบุตรชายจากอันตรายต่างๆที่เทพเซธส่งมา เช่นครั้งหนึ่ง ที่พระนางต้องชุบชีวิตเทพฮอรัส จากการถูกแมงป่องต่อยจนตาย
หลังจากพระนางเลี้ยงดูบุตรชายจนโตบโต ฮอรัสวัยหนุ่มได้คิดที่จะแก้แค้นแทนพระบิดา และขึ้นครองราชย์อียิปต์แทนเซธผู้ชั่วร้าย จึงได้มีการท้าทายต่อเทพเซธ และผู้ชนะจะได้ขึ้นครองบัลลังก์ แต่แน่นอนเทพเซธก็ไม่ได้เล่นแฟร์ๆ ในการแข่งขันหลายๆครั้งที่เซธโกงจนเอาชนะฮอรัสไปได้ เทวีไอซิสอยากช่วยลูกชายของนาง พระนางจึงวางกับดักจนเซธติดกับ เทพเซธร้องขอชีวิตและไอซิสก็ยังปล่อยเขาไป ทันทีที่ฮอรัสทราบว่าแม่ได้ปล่อยศัตรูเป็นอิสระ เขาก็โกรธนางมาก จึงตัดเศียรของพระนางทันที ทันใดนั้นเทพ ทอธ เทพแห่งสติปัญญหาและเวทมนต์ ได้เปลี่ยนเศียรนั้นให้กลายเป็นหัวของวัว แล้วนำมันกลับคืนยังร่างของไอซิส (ดังนั้นในรูปปั้นโบราณบางชิ้นจะปรากฎร่างเทวีไอซิสกับเศียรของวัว) ตั้งแต่วันนั้นพระนางก็ได้ไปมีชีวิตหลังความตายกับสามีผู้เป็นที่รัก กล่าวว่าพระนางยังให้อภัยปฏิกิริยาก้าวร้าวไม่มีเหตุผลของลูกชาย และยังคงสนับสนุนเขาต่อไป
ในตำนานเทพอียิปต์นั้น เทวีไอซิสถูกยกย่องอย่างมากว่าเป็นมารดาผู้ประเสริฐ และถูกเคารพบูชาเป็นเทพธิดาผู้พิทักษ์เนื่องจากวิธีการที่เธอปกป้องเทพฮอรัส ในบทบาทของนักเวทย์และการนำชีวิตกลับคืนจากโลกแห่งความตาย พระนางยังมีบทบาทสำคัญในการอยู่เบื้องหลังราชาแห่งอียิปต์อีกด้วย
เครดิตข้อมูล=http://www.2by4travel.com/home/Data-travel/egypt/thephcea-haeng-xiyipt
พบกันใหม่ เสาร์อาทิตย์หน้าครับ