ดินแดนแห่งความสนุกสนานกับเทศกาลไม่รู้จบ ใกล้ชิดกับวัฒนธรรมของ 16 เผ่าชนพื้นเมืองแห่งดินแดน Meso-America เที่ยวตลาดชนเผ่า ชมอาคารหินภูเขาไฟสีสดใสและผู้คนที่อบอุ่นเป็นมิตรและสดใสยิ่งกว่า
สำหรับตอนก่อนหน้า
เม็กซิโกโรแมนติก: ตอนที่ 1 เม็กซิโกซิตี้ มหานครแห่งสองจักรวรรดิ์
https://pantip.com/topic/36444642
เม็กซิโกโรแมนติก: ตอนที่ 2 ปิรามิด ถนนแห่งความตาย และเมืองที่สาบสูญ
https://pantip.com/topic/36459782

กลับมาที่ตอนที่ 3 กันครับ เรื่องของเมือง Oaxaca และที่ราบสูงภาคกลางของเม็กซิโก
จากเมืองหลวง Mexico City ผู้เขียนเดินทางไป Oaxaca โดยรถบัส ต้องนั่งรถหูอื้อบน Highway สาย Mexico City-Puebla de Zaragoza เป็นไฮเวย์สูง 3,000 เมตร+ ระหว่างทางจะผ่านแนวภูเขาหิมะขนาดยักษ์ที่สูงขึ้นไปอีก บริเวณนี้คือ Mexican volcanic Belt ซึ่งจะมีภูเขาไฟที่ยังไม่ดับอยู่ 3 ลูกใหญ่
ลูกแรก จริงๆ เป็นเทือกภูเขาไฟมี 4 ยอด ชื่อ Iztacihuatl สูง 5,200 เมตร เป็นภาษา Nahuatl แปลว่าผู้หญิงสีขาว ตามลักษณ์ที่มองแล้วเหมือนผู้หญิง และสีขาวคือหิมะ
ลูกที่สอง ชื่อ Popocatepetl 5,400 เมตร เป็นภาษา Nahutl เหมือนกัน แปลว่าภูเขาที่มีควัน และเป็นภูเขาหิมะที่มีธารน้ำแข็งด้วย ลูกนี้ดุร้าย ระเบิดบ่อยมาก ตั้งแต่ปี 2012 มาก็ระเบิดปีละ 1-2 ครั้งทุกปี ครั้งรองสุดท้ายก็เมษายน 2016 และครั้งล่าสุดหลังจากผู้เขียนกลับมาแล้ว เดือนกรกฎาคม 2017 นี้เอง
Highway สวย วิวหิมะสวย แต่ไม่มีภาพถ่ายนะครับ รถไม่จอดแถวนี้เลย

หลังจาก 7 ชั่วโมงบนรถบัส ผ่านภูเขาสูง ผ่านทะเลทราย และผ่านภูเขาอีกรอบ ผู้เขียนก็มาถึงเมือง Oaxaca

Oaxaca อ่านว่า วาฮาก้า ไม่ได้มาจากภาษาสเปน แต่มาจากภาษาชนพื้นเมือง
รัฐชื่อวาฮาก้า และเมืองหลวงรัฐก็ชื่อวาฮาก้า อยู่บนที่ราบสูงภาคกลางของเม็กซิโก ทางใต้ติดกับ Chiapas ซึ่งเป็นรัฐสุดท้ายก่อนถึงประเทศกัวเตมาลา บางส่วนของรัฐวาฮาก้าก็มีพื้นที่ติดทะเลฝั่งแปซิฟิก

เป็นเมืองแห่ง 16 ชนเผ่าพื้นเมือง ที่ยังเก็บรักษาวัฒนธรรมชนพื้นเมืองดั้งเดิมได้อย่างดีเยี่ยม และเมืองนี้ก็ยังมีส่วนผสมของวัฒนธรรมสเปนอยู่บ้าง
อาหารวาฮาก้าต่างจากอาหารเม็กซิกัน และสเปน เมืองก็ต่างไปจากเม็กซิโกซิตี้มาก จะเต็มไปด้วยตึกเตี้ย สีสันฉูดฉาด นิยมสร้างจากหินภูเขาไฟสีเขียว

ตามมาชมวาฮาก้ากันต่อครับ

แม้แต่คนที่เม็กซิโกซิตี้ก็ไม่คุ้นเคยกับคนเอเชียมากนัก ผู้คนที่วาฮาก้าก็ยิ่งแล้วใหญ่ ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ ยังไม่เจอนักท่องเที่ยวเอเชียสักราย
เลี่ยงไม่ได้เลยที่จะโดนจับจ้องอย่างหนักมาก บางคนขับรถ ยังถึงกับจอดชะโงกหน้ามาดูหน้าตาของเรา บางคนเดินผ่านกัน ก็ตกใจตาโต
ออกไปนอกเมืองหลวงรัฐแล้ว ยิ่งหนักเข้าไปอีกขั้นเลยครับ

กลายเป็นของเล่นเด็กไปซะแล้ว

ตามประสาเม็กซิโก ทุกอย่างคือศิลปะ Art Galleries จำนวนนับไม่ถ้วนมีอยู่ทุกแห่งในเมือง

หนึ่งในสถานที่เที่ยวสำคัญของเมืองนี้ ก็คือห้องสมุด ที่นี่ล่ะครับ
ห้องสมุดสาธารณะของเมืองวาฮาก้า ประดับห้องต่างๆ ด้วยผ้าท้องถิ่นสวยๆ ทั้งชั้นล่าง ชั้นบน อยู่ในตัวอาคารแบบเม็กซิกันหลังใหญ่
ผ้าพวกนี้ เป็นขนแกะหนาเตอะ มีลายผ้าที่ละเอียดมาก

ตัวห้องสมุดเองก็ยังมีบอร์ดความรู้และนิทรรศการให้อ่าน มีงานศิลปะให้ดู ที่นี่มีนักศึกษามาทำงาน ค้นคว้ากันเยอะ
นอกจากห้องสมุดจะมีบรรณารักษ์แล้วยังมีตำรวจเฝ้าห้องสมุดอีกด้วย ตรวจเข้มก่อนเข้าซะด้วย

เดี๋ยวพาไปดูแหล่งทอผ้าและพรมขนแกะกันอีกทีครับ

เดินเล่นชมเมืองกันครับ เป็นเมืองที่สีสันแจ่มใสมาก
ตัวอย่างหินภูเขาไฟสีเขียวที่ใช้ทำอาคาร อย่างเช่น ขอบประตูบ้านทางซ้าย

อย่างที่ผู้เขียนเคยพูดถึงในเม็กซิโกโรแมนติก ตอนที่ 1 Mestizo หมายถึง คนเลือดผสม ระหว่างคนยุโรปและชนพื้นเมือง ที่เริ่มต้นหลังยุคการพิชิตของสเปน ที่ Mestizo กลายมาเป็น 'คนเม็กซิกัน' กระแสหลักแทนชนพื้นเมืองไปอย่างถาวร ซึ่งในปัจจุบัน 3 ใน 4 คน ของพลเมืองในเม็กซิโกเป็น Mestizo
แต่อัตราส่วนนี้ ไม่ใช่ที่รัฐวาฮาก้า ผู้คนที่นี่ไม่นิยมการแต่งงานกับชาวยุโรป อัตราของชาวเลือดผสมจะอยู่ที่ 1 ต่อ 2 เท่านั้น
ชาววาฮาก้า ประมาณครึ่งหนึ่ง เป็นชนพื้นเมืองสายเลือดแท้ หรือชาวเลือดผสมที่มีความเป็นคนยุโรปน้อย วัฒนธรรมชนพื้นเมืองแห่ง Meso-America ตั้งแต่ยุคก่อนการพิชิต ยังคงเข้มข้นมากในที่รัฐนี้

ถ้าต้องการพบปะกระทบไหล่กับชนเผ่าต่างๆ ในชุดสีสันฉูดฉาด มาที่เมืองนี้ไม่ผิดหวังแน่นอน

คุณยาย มาช้อป เติมชุดใหม่เข้าตู้เสื้อผ้า

สไตล์ร้านอาหาร outdoor แบบยุโรป ก็นิยมเช่นกัน

ร้านอาหารที่อยู่บริเวณรอบๆ Zocalo หรือจตุรัสกลางของเมือง

อาหารวาฮาก้า

ชมครัว อาหารวาฮาก้า เผาพริกเผาเกลือ

ผู้เขียนพบเจองานแต่งจำนวนนับไม่ถ้วนที่เมืองนี้ โดยเฉพาะตามโบสถ์ต่างๆ ซึ่งมีเยอะทั่วทั้งเมืองก็จัดงานแต่งกันแทบตลอดเวลา

สาววาฮาก้า

นี่ก็อีกหนึ่งงาน

และนี่ก็อีกหนึ่งงาน

โบสถ์ Templo de Santo Domingo และเป็นบริเวณของจตุรัสสำคัญแห่งหนึ่งของเมือง

จตุรัสหน้า Templo de Santo Domingo แค่นั่งเล่น ชมผู้คนก็สนุกมากครับ

บริเวณรอบๆ Templo de Santo Domingo

โบสถ์อีกแห่ง Basílica de Nuestra Señora de la Soledad หรือ Basilica of Our Lady of Solitude

Basílica de Nuestra Señora de la Soledad หรือ Basilica of Our Lady of Solitude

คุณยายอินเดียน ช้อปปิ้งที่ Basílica de Nuestra Señora de la Soledad

ของต้องมาเป็นคู่ โบสถ์และจตุรัส ที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของชุมชน เป็นทั้งสถานที่ทางศาสนา ที่พักผ่อนหย่อนใจ พบปะพูดคุย

หรือจะมาซ้อมเต้น

หรือจะมาทานอาหารก็ได้

เมืองวาฮาก้ามีบริการรถรางชมเมือง แบบเสียเงินนะครับ ประมาณ 140 บาท

รถจะพาชมส่วนที่สำคัญของย่านเมืองเก่า Centro Historico และชานเมือง พร้อมบรรยายประวัติของอาคาร และความเป็นมาต่างๆ เปิดสลับกับเพลงเม็กซิกันโฟล์คเพราะๆ เพลินเพลินมากๆ
ทั้งนี้ บรรยายภาษาสเปนนะครับ

รถพาเราออกมานอกเขต Centro Historico

ชานเมืองวาฮาก้า

บรรยากาศกันเอง ผู้คนเป็นมิตร ทำให้ดูเหมือนจะเป็นเมืองเล็ก แต่ไม่ใช่เลยครับ วาฮาก้าเป็นเมืองในแอ่งกระทะในหุบเขาที่ใหญ่โตพอสมควรเลย ดูที่ภูเขาในฉากหลัง บ้านเรือนคนไล่ขึ้นไปตลอดแนวหุบเขาครับ

อนุสาวรีย์แห่งชนเผ่า มีรูปปั้นพร้อมบรรยายชื่อเผ่าครบทุกเผ่าในวาฮาก้า

สองเผ่าที่มีประชากรมากที่สุดคือ Zapotec และ Mixtec แต่ก็มีอีกมากมายหลายเผ่าครับ

เรียนรู้กันจากรูปปั้นนี่ล่ะครับ

งานศิลปะที่เกี่ยวกับชนพื้นเมืองมีเยอะ ทั้งงานสตรีทและงานจริงจังตามแกลลอรี่ สะท้อนความภาคภูมิของชนพื้นเมือง

รถรางก็พาเราจนมาสุดขอบเมืองทางตอนเหนือ เวลาในภาพนี้ ประมาณ 1 ทุ่มครึ่ง ฟ้ายังแจ่มใสอยู่

Native Market : ตลาดชนเผ่า
มีตลาดของชนพื้นเมืองหลายที่ แต่จะเปิดอาทิตย์ละครั้ง หมุนเวียนไปในแต่ละเมืองและหมู่บ้านต่างๆ รอบตัวเมืองวาฮาก้า สอบถามกับโรงแรมดูเอาได้ว่าวันไหนมีตลาดที่ไหน
วันที่ผู้เขียนไปเที่ยวตลาดตรงกับวันเสาร์ เป็นคิวของตลาด Abastos ซึ่งอยู่ใกล้ Downtown ของเมืองวาฮาก้า เราเดินไปจากดาวน์ทาวน์ได้เลย เดินได้แต่แบบเหนื่อยนิดๆ

ที่ตลาดเต็มไปด้วยคุณป้าชุดถักลายดอกไม้ สีสันจู๊ด Abastos เป็นตลาดใหญ่และจอแจมาก รถเมรถบัสรถตู้รถบรรทุกจากหมู่บ้านต่างๆ นอกเมืองจะวิ่งมาจอดที่ตลาดนี้กัน คนท้องถิ่นขนของมาขาย หรือขนกลับไปหมู่บ้าน
ที่นี่เป็นมากกว่าการค้าและการแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างหมู่บ้าน แต่เป็นช่องทางการพูดคุย สนทนา เม้ามอย และการหาคู่ด้วย

คนจากชนบทมากันเยอะ ทำเอารถติดมาก

เจ้าหน้าที่คุมเข้ม

กำแพงหินภูเขาไฟสีเขียว

บ้าน อาคาร โบสถ์ที่นี่มักสร้างจากหินภูเขาไฟสีเขียว และนิยมโชว์กันอย่างภาคภูมิด้วยการกระเทาะสีเปลือกนอกให้เห็นหินเขียว
โรงแรมของผู้เขียนก็เป็นอาคารแบบนี้ กำแพงหนามากๆ หนาจน 4G หรือแม้แต่ไวไฟหายเลยถ้าอยู่ในห้องนอน
[CR] เม็กซิโกโรแมนติก: ตอนที่ 3 เมือง Oaxaca และที่ราบสูงภาคกลาง
สำหรับตอนก่อนหน้า
เม็กซิโกโรแมนติก: ตอนที่ 1 เม็กซิโกซิตี้ มหานครแห่งสองจักรวรรดิ์
https://pantip.com/topic/36444642
เม็กซิโกโรแมนติก: ตอนที่ 2 ปิรามิด ถนนแห่งความตาย และเมืองที่สาบสูญ
https://pantip.com/topic/36459782
กลับมาที่ตอนที่ 3 กันครับ เรื่องของเมือง Oaxaca และที่ราบสูงภาคกลางของเม็กซิโก
จากเมืองหลวง Mexico City ผู้เขียนเดินทางไป Oaxaca โดยรถบัส ต้องนั่งรถหูอื้อบน Highway สาย Mexico City-Puebla de Zaragoza เป็นไฮเวย์สูง 3,000 เมตร+ ระหว่างทางจะผ่านแนวภูเขาหิมะขนาดยักษ์ที่สูงขึ้นไปอีก บริเวณนี้คือ Mexican volcanic Belt ซึ่งจะมีภูเขาไฟที่ยังไม่ดับอยู่ 3 ลูกใหญ่
ลูกแรก จริงๆ เป็นเทือกภูเขาไฟมี 4 ยอด ชื่อ Iztacihuatl สูง 5,200 เมตร เป็นภาษา Nahuatl แปลว่าผู้หญิงสีขาว ตามลักษณ์ที่มองแล้วเหมือนผู้หญิง และสีขาวคือหิมะ
ลูกที่สอง ชื่อ Popocatepetl 5,400 เมตร เป็นภาษา Nahutl เหมือนกัน แปลว่าภูเขาที่มีควัน และเป็นภูเขาหิมะที่มีธารน้ำแข็งด้วย ลูกนี้ดุร้าย ระเบิดบ่อยมาก ตั้งแต่ปี 2012 มาก็ระเบิดปีละ 1-2 ครั้งทุกปี ครั้งรองสุดท้ายก็เมษายน 2016 และครั้งล่าสุดหลังจากผู้เขียนกลับมาแล้ว เดือนกรกฎาคม 2017 นี้เอง
Highway สวย วิวหิมะสวย แต่ไม่มีภาพถ่ายนะครับ รถไม่จอดแถวนี้เลย
รัฐชื่อวาฮาก้า และเมืองหลวงรัฐก็ชื่อวาฮาก้า อยู่บนที่ราบสูงภาคกลางของเม็กซิโก ทางใต้ติดกับ Chiapas ซึ่งเป็นรัฐสุดท้ายก่อนถึงประเทศกัวเตมาลา บางส่วนของรัฐวาฮาก้าก็มีพื้นที่ติดทะเลฝั่งแปซิฟิก
อาหารวาฮาก้าต่างจากอาหารเม็กซิกัน และสเปน เมืองก็ต่างไปจากเม็กซิโกซิตี้มาก จะเต็มไปด้วยตึกเตี้ย สีสันฉูดฉาด นิยมสร้างจากหินภูเขาไฟสีเขียว
เลี่ยงไม่ได้เลยที่จะโดนจับจ้องอย่างหนักมาก บางคนขับรถ ยังถึงกับจอดชะโงกหน้ามาดูหน้าตาของเรา บางคนเดินผ่านกัน ก็ตกใจตาโต
ออกไปนอกเมืองหลวงรัฐแล้ว ยิ่งหนักเข้าไปอีกขั้นเลยครับ
ห้องสมุดสาธารณะของเมืองวาฮาก้า ประดับห้องต่างๆ ด้วยผ้าท้องถิ่นสวยๆ ทั้งชั้นล่าง ชั้นบน อยู่ในตัวอาคารแบบเม็กซิกันหลังใหญ่
ผ้าพวกนี้ เป็นขนแกะหนาเตอะ มีลายผ้าที่ละเอียดมาก
นอกจากห้องสมุดจะมีบรรณารักษ์แล้วยังมีตำรวจเฝ้าห้องสมุดอีกด้วย ตรวจเข้มก่อนเข้าซะด้วย
ตัวอย่างหินภูเขาไฟสีเขียวที่ใช้ทำอาคาร อย่างเช่น ขอบประตูบ้านทางซ้าย
แต่อัตราส่วนนี้ ไม่ใช่ที่รัฐวาฮาก้า ผู้คนที่นี่ไม่นิยมการแต่งงานกับชาวยุโรป อัตราของชาวเลือดผสมจะอยู่ที่ 1 ต่อ 2 เท่านั้น
ชาววาฮาก้า ประมาณครึ่งหนึ่ง เป็นชนพื้นเมืองสายเลือดแท้ หรือชาวเลือดผสมที่มีความเป็นคนยุโรปน้อย วัฒนธรรมชนพื้นเมืองแห่ง Meso-America ตั้งแต่ยุคก่อนการพิชิต ยังคงเข้มข้นมากในที่รัฐนี้
ทั้งนี้ บรรยายภาษาสเปนนะครับ
มีตลาดของชนพื้นเมืองหลายที่ แต่จะเปิดอาทิตย์ละครั้ง หมุนเวียนไปในแต่ละเมืองและหมู่บ้านต่างๆ รอบตัวเมืองวาฮาก้า สอบถามกับโรงแรมดูเอาได้ว่าวันไหนมีตลาดที่ไหน
วันที่ผู้เขียนไปเที่ยวตลาดตรงกับวันเสาร์ เป็นคิวของตลาด Abastos ซึ่งอยู่ใกล้ Downtown ของเมืองวาฮาก้า เราเดินไปจากดาวน์ทาวน์ได้เลย เดินได้แต่แบบเหนื่อยนิดๆ
ที่นี่เป็นมากกว่าการค้าและการแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างหมู่บ้าน แต่เป็นช่องทางการพูดคุย สนทนา เม้ามอย และการหาคู่ด้วย
โรงแรมของผู้เขียนก็เป็นอาคารแบบนี้ กำแพงหนามากๆ หนาจน 4G หรือแม้แต่ไวไฟหายเลยถ้าอยู่ในห้องนอน