สวัสดีครับ มีเรื่องราวจากแดนไกลในทวีปอเมริกา
Mexico City กลายมาเป็นเมืองสุดโปรดของผู้เขียนได้ตั้งแต่แรกพบเลยทีเดียว เมืองนี้คือความสวยสง่า หรูหราโอ่อ่าด้วยศิลปะบารอก (Baroque) ในแบบเดียวกับเมืองในยุโรป แต่งแต้มเพิ่มเติมด้วยสีสันจัดจ้านเผ็ดร้อนในแบบชาวลาติน ลดความดำทะมึน ประกอบเข้าไปด้วยกลิ่นอายของศิลปะชาว Mayan และ Aztec ทำให้เม็กซิโกซิตี้ 'มีสไตล์เป็นของตัวเอง' ได้อย่างชัดเจนเข้มข้น

เสียงดนตรี Mexican Folk และ เพลง Classic ก็ลอยมาแตะหูตลอดเวลา มันคือเมืองแห่งผู้คน ศิลปะและเสียงเพลงจริงๆ คนเม็กซิกันยุคใหม่เองก็ชอบงานศิลปะอย่างแรงกล้า ศิลปะร่วมสมัยในเม็กซิโกก็โดดเด่นมากทีเดียว ใครรักงานศิลป์ มีความสุขแน่นอน
ตอนที่ 1 ฉบับเต็ม โพสไว้ใน Blog แล้วนะครับ และจะนำมาทยอยลงใน Pantip ด้วยครับ
www.signaturetravelasia.com/single-post/Mexicocity
แน่นอนว่าเม็กซิโกเป็นประเทศที่ไม่ได้เป็นที่เที่ยวยอดนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวชาวเอเชียอย่างเราๆ ทั้งจากระยะทางที่ไกลโพ้นถึงอีกฟากฝั่งของโลก ค่าเดินทางที่สูง รวมทั้งข่าวคราวถึงปัญหาทางด้านความปลอดภัย ปัญหาสงครามยาเสพย์ติด มาเฟีย อาชญากรรมและการค้ามนุษย์ที่เรารับรู้จากสื่อต่างๆ
แต่จริงๆ แล้วเม็กซิโกเป็นอย่างไรบ้าง? ปลอดภัยมั้ย สวยมั้ย น่าเที่ยวมั้ย ตามมาดูกันเลยนะครับ
ผู้เขียนเดินทางไปหลายเมืองในภาคกลางของเม็กซิโก จึงจะขอแบ่งเป็นตอนๆ ตามแต่ละเมืองนะครับ เริ่มต้นตอนแรกกันที่เมืองหลวงกันเลย ก่อนจะพาเที่ยว ขอเล่าความเป็นมาเบื้องต้นก่อนนะครับ
Mexico City หรือ
Ciudad de Mexico มหานครขนาดมหึมาแห่งซีกโลกตะวันตก มีผู้อยู่อาศัยมากกว่า 20 ล้านคน ทำให้เม็กซิโกซิตี้เป็นหนึ่งใน Top Ten เมืองที่มีประชากรมากที่สุดในโลก
ภาพจากท้องฟ้า บริเวณชานเมืองของเม็กซิโกซิตี้ ตอนนั่งเครื่องบินเข้ามา ฝนกำลังตกหนักและหมอกลงจัดเลย ดูเป็นเมืองที่หนาแน่นแออัด ทว่าโครงสร้างผังเมืองสวยและมีระเบียบเชียว

เป็นเมืองที่ตำรวจและทหารหนาแน่นมาก และอยู่ในสภาพอาวุธครบมือ แต่เท่าที่ดูแล้ว ตำรวจอยู่ในชุดสลายชุมนุม น่าจะเป็นเรื่องการประท้วงเสียมากกว่าป้องกันอาชญากรรม เพราะมีตำรวจผู้หญิงเยอะมากๆ น่าจะเกี่ยวกับการควบคุมฝูงชนจากนักประท้วงสาวๆ
อย่างไรก็ตาม เท่าที่ผู้เขียนอยู่ในเมืองนี้ รู้สึกปลอดภัยมากกว่าเมืองใหญ่ในยุโรป หรืออเมริกา และไม่มีโก่งราคาหลอกนักท่องเที่ยวแบบหลายประเทศในเอเชีย ไม่มีเหตุการณ์อะไรที่ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย
ตำรวจและทหารหน้า Palacio Nacional
กลุ่มนี้มากันหลายคันรถ
สภาพอากาศ
เม็กซิโกซิตี้ สูงจากน้ำทะเล 2,250-3,930 เมตร อากาศเย็น-หนาวตลอดปี ถึงแม้จะมีอากาศแห้งและแดดจัด แต่เย็นสบายแน่นอน
คนที่นี่ไม่นิยมใช้เครื่องปรับอากาศ ทั้งในโรงแรม รถแท็กซี่ สถานีรถไฟฟ้า หรือที่ต่างๆ ใครจะมาเที่ยวแล้วพบว่าโรงแรมไม่ค่อยมีแอร์กันเลยก็ไม่ต้องแปลกใจไปนะครับ ส่วนใครมาฤดูหนาว มองหาโรงแรมที่มีฮีตเตอร์ก็จะทำให้นอนหลับได้สบายขึ้นครับ
ผู้เขียนเดินทางในเดือนเมษายน อากาศอยู่ในช่วง 12-25 องศา ใครมาเดือนนี้ก็ติดเสื้อกันหนาวสักตัว หนัก-เบาตามความสะดวกของแต่ละคนนะครับ
ช่วงอากาศออกจะกว้าง อากาศจะเย็นมากในช่วงเช้า และอากาศสบายๆ ในช่วงกลางวัน คนที่นี่ก็จะเหน็บเสื้อกันหนาวมัดเอวกันไว้ในช่วงกลางวัน หนาวเมื่อไรก็เอามาใส่
ชาวเม็กซิกันคือใคร?
ผู้คนในเม็กซิโกเป็นใคร? คนผิวขาวคอเคเซียน? ลาตินอเมริกา? ชนพื้นเมืองอินเดียนแดง? คนผิวดำ? คำตอบคือ ทุกอย่างครับ และที่พิเศษคือ อาจจะเป็นทุกอย่างในคนๆ เดียวกันก็ได้ด้วย
Rapper หนุ่ม ดวลเพลงกันที่จตุรัสหน้า Palacio del Bellas Artes มาเป็นตัวอย่างหน้าตาชาวเม็กซิกันหน่อยนะ

กลุ่มคนหลักๆ ในเม็กซิโก แบ่งกว้างๆ ได้ตามนี้ครับ
1. Indigena
ก่อน 'ยุคการพิชิตของสเปน' ความหมายของคนเม็กซิกันคือ 'ชนพื้นเมือง' ที่นี่รวมๆ แล้วเรียกว่า Indigena (Indigenous ในภาษาอังกฤษ) พวกเขาคือชาวทวีปอเมริกาขนานแท้ดั้งเดิม ตั้งแต่กาลก่อน
ชาวตะวันตกบางคนก็เรียก อินเดียน คนไทยก็เรียกอินเดียนแดง เป็นชนชาติที่ผิวสีแดง จมูกใหญ่ รูปร่างเล็ก มีหลากหลายเผ่าพันธุ์ ซึ่งผู้เขียนได้มีโอกาสใกล้ชิดชนพื้นเมืองอยู่บ้าง จะนำเสนอในตอนต่อๆ ไปนะครับ
สปอยล์ตอนถัดไป 55 อยากเอาภาพผู้คนมาลงให้ดูก่อนครับ
2. Mestizo
หลังยุคการพิชิตของสเปน สเปนได้เปลี่ยนโฉมหน้าของเม็กซิโกไปตลอดกาล Mestizo คือกลุ่มคนเลือดผสม ระหว่างคนยุโรปและชนพื้นเมือง ที่กลายมาเป็น 'คนเม็กซิกัน' กระแสหลักแทนชนพื้นเมืองไปอย่างถาวร
ในปัจจุบัน 3 ใน 4 คน ของพลเมืองในเม็กซิโกเป็น Mestizo
แต่เทรนด์เลือดผสมไม่ฮิตขนาดนั้นในเมืองห่างไกลบางพื้นที่ เช่น รัฐวาฮาก้า (Oaxaca) หรือ รัฐชิอาปาส (Chiapas) ที่ผู้คนไม่นิยมการแต่งงานกับชาวยุโรป อย่างเช่นในรัฐวาฮาก้า อัตราของชาวเลือดผสมจะอยู่ที่ 1 ต่อ 2 เท่านั้น
ความหลากหลายในแบบเม็กซิกัน
3. Criollo
คือสายเลือดคนยุโรปผิวขาวแท้ๆ ที่เกิดในเม็กซิโก ที่อยู่อาศัยมาตั้งแต่หลังยุคการพิชิตของสเปน ไม่ว่าจะเป็นชาวสเปนหรือคนจากยุโรปประเทศอื่นๆ ที่เข้ามาอยู่ในเม็กซิโก
4. Negros
เชื้อสายชาวแอฟริกันผิวดำ ผู้ตั้งรกรากกลุ่มสุดท้ายในเม็กซิโก ทาสผิวดำที่ถูกพาล่องเรือเข้ามาอยู่ในเม็กซิโกช่วง ศษวรรษที่ 17th-18th มาเป็นแรงงานในเหมือง กษิกรรมในพื้นที่ต่างๆ
ในปัจจุบันคนเชื้อสายแอฟริกันก็ย้ายมาอยู่กลุ่มเลือดผสม หรือ Mestizo แล้ว จากการแต่งงานกับชนพื้นเมืองหรือชาวยุโรป คนเม็กซิกันคนไหนที่ผิวเข้มสักหน่อย ก็คือคนที่มีเลือดของชาวแอฟริกันนั่นเอง
เนโกร ในภาษาสเปน แปลว่าดำ เรียกคนดำแบบนี้ ไม่ใช่การเหยียดผิวที่นี่ครับ
เท่าที่ผู้เขียนสังเกต แทบจะไม่เห็นคนผิวดำสายเลือดแท้ที่นี่แบบในสหรัฐอเมริกาหรือยุโรปเลย มีแต่เป็นสายเลือดผสมทั้งนั้น
นี่คือความหลากหลายของคนเม็กซิกันที่เกิดขึ้นจากลัทธิอณานิคม เทคโนโลยีการเดินสมุทรของชาวยุโรปใต้ และหนึ่งในมหกรรมการอพยพครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งของมนุษยชาติ ดังนั้นไม่แปลกเลยที่ใน DNA ของชาวเม็กซิกัน 1 คน จะมีทั้งสายเลือดคนผิวขาว ชนพื้นเมืองอเมริกาและแอฟริกัน ในคนๆ เดียว
จากภาพ จราจรสาว มีทั้งสาวผิวขาวหน้าตาแบบชาวยุโรป และสาวเลือดผสม Mestizo
สกุลเงินและค่าครองชีพในเม็กซิโก
สกุลเงินของเม็กซิโกคือเปโซ (Peso)
1 เปโซ มีมูลค่าประมาณ 2 บาท
1 ดอลล่าห์สหรัฐ มีมูลค่าประมาณ 17-18 เปโซ
เป็นประเทศที่คำนวนค่าครองชีพเทียบกับไทยง่ายจริงๆ แทบจะทุกอย่างดูจะแพงกว่าไทยประมาณ 2 เท่า นั่นคือ มื้ออาหารริมถนนแบบประหยัด จะอยู่ที่ประมาณ 100-200 บาท ต่อมื้อ ค่าเข้าห้องน้ำสาธารณะ 10 บาท
ภาษา
ภาษาสเปนคือภาษาราชการ และใช้กันทั่วประเทศ มีภาษาพื้นเมืองอีกหลายภาษา แต่ชาวพื้นเมืองทุกคนก็พูด อ่าน เขียนภาษาสเปนได้ดี
ในโลกใบนี้ มีผู้ใช้ภาษาสเปนมากกว่าภาษาอังกฤษ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในทวีปอเมริกาที่แทบทุกประเทศใช้ภาษาสเปน แม้แต่ในสหรัฐอเมริกาที่ใช้ภาษาอังกฤษ ก็ยังใช้ภาษาสเปนเป็นภาษาที่สอง เพราะฉะนั้น ไม่ต้องคาดหวังว่าคนเม็กซิกันจะพูดอังกฤษกับเราได้เลยครับ
นักท่องเที่ยวต่างชาติในเม็กซิโกก็มาจากทวีปอเมริกาใต้และสเปนเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นภาษาอังกฤษไม่มีความสำคัญมากนักที่ประเทศนี้
ธรรมเนียมทิป
เม็กซิโกมีธรรมเนียมการทิป เหมือนในอเมริกา อยู่ที่ประมาณ 15%
มาดูที่เม็กซิโกซิตี้กันต่อเลยนะครับ
MEXICO CITY
เริ่มต้นกันที่ร้านอาหาร มื้อเช้าที่โรงแรมของผู้เขียนเองครับ Best Western Hotel Majestic ไม่ใช่แค่ร้านอาหารของโรงแรมธรรมดา ที่นี่เป็นร้านที่มองเห็นวิวของจตุรัส Zocalo de la Ciudad de Mexico City อย่างรอบทิศเลยทีเดียว เหมาะกับการเกริ่นนำเรื่อง

Zocalo de la Ciudad de Mexico เป็นจตุรัสหลักของเมืองเม็กซิโกซิตี้ เคยเป็นศูนย์กลางการปกรองของสเปนในเม็กซิโก ชื่ออย่างเป็นทางการในปัจจุบันคือ Plaza de la Constitucion
เต็มไปด้วยตึกรามในศิลปะสเปนอันเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญมากมาย ที่เราจะพาไปดูในแต่ละที่ในลำดับต่อไป แต่จตุรัสนี้ไม่ได้เริ่มต้นใช้งานในยุคอณานิคมสเปนเท่านั้นนั้น ที่นี่เคยเป็นลานเฉลิมฉลองของเมืองโบราณที่ชื่อ Tenochtitlan
ก่อนจะมาเป็น Mexico City ภายใต้อณานิคมสเปน ที่นี่เคยเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิ์ Aztec ที่ชื่อเมือง Tenochtitlan ซึ่งก็คือเมืองที่ตั้งรับทำศึกสงครามกับอัศวินของจักรวรรดิ์สเปนนั่นเอง
หลังจากความพ่ายแพ้ของจักรวรรดิ์ Aztec สเปนก็สร้างเมืองใหม่ทับโครงสร้างเดิมของเมือง Tenochtitlan และ Mexico City ก็จึงมีโฉมหน้าแบบที่เห็นในปัจจุบัน (ส่วนเรื่องของ Tenochtitlan ก็ยังไม่จบนะ ขออุบไว้ก่อนครับ)

นี่คือ Cathedral Metropolitana de la Ciudad de Mexico เป็นวิหารแห่งโรมันคาทอลิกที่ใหญ่ที่สุดในท้องทวีปอเมริกาเลยทีเดียว สร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1573 แสดงให้เห็นถึงศิลปะบารอกที่สมบูรณ์แบบที่สุดแห่งหนึ่งในอเมริกาอีกด้วย
เรียกได้ว่าสร้างขึ้นมาแทบจะทันทีหลังจากการพิชิต Tenochtitlan โดยสเปนได้ทำลาย Templo Mayor อันเป็นวัดหลักของชาว Aztec และสร้างโบสถ์แห่งนี้ขึ้นทับ ช่างน่าเศร้าแต่นี่ก็คือสิ่งที่เกิดขึ้น



อิ่มอาหารและทิวทัศน์แล้ว เข้าไปชมสถานที่ใกล้ๆ กันดีกว่า
[CR] เม็กซิโกโรแมนติก: ตอนที่ 1 เม็กซิโกซิตี้ มหานครแห่งสองจักรวรรดิ์
Mexico City กลายมาเป็นเมืองสุดโปรดของผู้เขียนได้ตั้งแต่แรกพบเลยทีเดียว เมืองนี้คือความสวยสง่า หรูหราโอ่อ่าด้วยศิลปะบารอก (Baroque) ในแบบเดียวกับเมืองในยุโรป แต่งแต้มเพิ่มเติมด้วยสีสันจัดจ้านเผ็ดร้อนในแบบชาวลาติน ลดความดำทะมึน ประกอบเข้าไปด้วยกลิ่นอายของศิลปะชาว Mayan และ Aztec ทำให้เม็กซิโกซิตี้ 'มีสไตล์เป็นของตัวเอง' ได้อย่างชัดเจนเข้มข้น
เสียงดนตรี Mexican Folk และ เพลง Classic ก็ลอยมาแตะหูตลอดเวลา มันคือเมืองแห่งผู้คน ศิลปะและเสียงเพลงจริงๆ คนเม็กซิกันยุคใหม่เองก็ชอบงานศิลปะอย่างแรงกล้า ศิลปะร่วมสมัยในเม็กซิโกก็โดดเด่นมากทีเดียว ใครรักงานศิลป์ มีความสุขแน่นอน
ตอนที่ 1 ฉบับเต็ม โพสไว้ใน Blog แล้วนะครับ และจะนำมาทยอยลงใน Pantip ด้วยครับ
www.signaturetravelasia.com/single-post/Mexicocity
แน่นอนว่าเม็กซิโกเป็นประเทศที่ไม่ได้เป็นที่เที่ยวยอดนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวชาวเอเชียอย่างเราๆ ทั้งจากระยะทางที่ไกลโพ้นถึงอีกฟากฝั่งของโลก ค่าเดินทางที่สูง รวมทั้งข่าวคราวถึงปัญหาทางด้านความปลอดภัย ปัญหาสงครามยาเสพย์ติด มาเฟีย อาชญากรรมและการค้ามนุษย์ที่เรารับรู้จากสื่อต่างๆ
แต่จริงๆ แล้วเม็กซิโกเป็นอย่างไรบ้าง? ปลอดภัยมั้ย สวยมั้ย น่าเที่ยวมั้ย ตามมาดูกันเลยนะครับ
ผู้เขียนเดินทางไปหลายเมืองในภาคกลางของเม็กซิโก จึงจะขอแบ่งเป็นตอนๆ ตามแต่ละเมืองนะครับ เริ่มต้นตอนแรกกันที่เมืองหลวงกันเลย ก่อนจะพาเที่ยว ขอเล่าความเป็นมาเบื้องต้นก่อนนะครับ
Mexico City หรือ Ciudad de Mexico มหานครขนาดมหึมาแห่งซีกโลกตะวันตก มีผู้อยู่อาศัยมากกว่า 20 ล้านคน ทำให้เม็กซิโกซิตี้เป็นหนึ่งใน Top Ten เมืองที่มีประชากรมากที่สุดในโลก
ภาพจากท้องฟ้า บริเวณชานเมืองของเม็กซิโกซิตี้ ตอนนั่งเครื่องบินเข้ามา ฝนกำลังตกหนักและหมอกลงจัดเลย ดูเป็นเมืองที่หนาแน่นแออัด ทว่าโครงสร้างผังเมืองสวยและมีระเบียบเชียว
เป็นเมืองที่ตำรวจและทหารหนาแน่นมาก และอยู่ในสภาพอาวุธครบมือ แต่เท่าที่ดูแล้ว ตำรวจอยู่ในชุดสลายชุมนุม น่าจะเป็นเรื่องการประท้วงเสียมากกว่าป้องกันอาชญากรรม เพราะมีตำรวจผู้หญิงเยอะมากๆ น่าจะเกี่ยวกับการควบคุมฝูงชนจากนักประท้วงสาวๆ
อย่างไรก็ตาม เท่าที่ผู้เขียนอยู่ในเมืองนี้ รู้สึกปลอดภัยมากกว่าเมืองใหญ่ในยุโรป หรืออเมริกา และไม่มีโก่งราคาหลอกนักท่องเที่ยวแบบหลายประเทศในเอเชีย ไม่มีเหตุการณ์อะไรที่ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย
ตำรวจและทหารหน้า Palacio Nacional
กลุ่มนี้มากันหลายคันรถ
สภาพอากาศ
เม็กซิโกซิตี้ สูงจากน้ำทะเล 2,250-3,930 เมตร อากาศเย็น-หนาวตลอดปี ถึงแม้จะมีอากาศแห้งและแดดจัด แต่เย็นสบายแน่นอน
คนที่นี่ไม่นิยมใช้เครื่องปรับอากาศ ทั้งในโรงแรม รถแท็กซี่ สถานีรถไฟฟ้า หรือที่ต่างๆ ใครจะมาเที่ยวแล้วพบว่าโรงแรมไม่ค่อยมีแอร์กันเลยก็ไม่ต้องแปลกใจไปนะครับ ส่วนใครมาฤดูหนาว มองหาโรงแรมที่มีฮีตเตอร์ก็จะทำให้นอนหลับได้สบายขึ้นครับ
ผู้เขียนเดินทางในเดือนเมษายน อากาศอยู่ในช่วง 12-25 องศา ใครมาเดือนนี้ก็ติดเสื้อกันหนาวสักตัว หนัก-เบาตามความสะดวกของแต่ละคนนะครับ
ช่วงอากาศออกจะกว้าง อากาศจะเย็นมากในช่วงเช้า และอากาศสบายๆ ในช่วงกลางวัน คนที่นี่ก็จะเหน็บเสื้อกันหนาวมัดเอวกันไว้ในช่วงกลางวัน หนาวเมื่อไรก็เอามาใส่
ชาวเม็กซิกันคือใคร?
ผู้คนในเม็กซิโกเป็นใคร? คนผิวขาวคอเคเซียน? ลาตินอเมริกา? ชนพื้นเมืองอินเดียนแดง? คนผิวดำ? คำตอบคือ ทุกอย่างครับ และที่พิเศษคือ อาจจะเป็นทุกอย่างในคนๆ เดียวกันก็ได้ด้วย
Rapper หนุ่ม ดวลเพลงกันที่จตุรัสหน้า Palacio del Bellas Artes มาเป็นตัวอย่างหน้าตาชาวเม็กซิกันหน่อยนะ
กลุ่มคนหลักๆ ในเม็กซิโก แบ่งกว้างๆ ได้ตามนี้ครับ
1. Indigena
ก่อน 'ยุคการพิชิตของสเปน' ความหมายของคนเม็กซิกันคือ 'ชนพื้นเมือง' ที่นี่รวมๆ แล้วเรียกว่า Indigena (Indigenous ในภาษาอังกฤษ) พวกเขาคือชาวทวีปอเมริกาขนานแท้ดั้งเดิม ตั้งแต่กาลก่อน
ชาวตะวันตกบางคนก็เรียก อินเดียน คนไทยก็เรียกอินเดียนแดง เป็นชนชาติที่ผิวสีแดง จมูกใหญ่ รูปร่างเล็ก มีหลากหลายเผ่าพันธุ์ ซึ่งผู้เขียนได้มีโอกาสใกล้ชิดชนพื้นเมืองอยู่บ้าง จะนำเสนอในตอนต่อๆ ไปนะครับ
สปอยล์ตอนถัดไป 55 อยากเอาภาพผู้คนมาลงให้ดูก่อนครับ
2. Mestizo
หลังยุคการพิชิตของสเปน สเปนได้เปลี่ยนโฉมหน้าของเม็กซิโกไปตลอดกาล Mestizo คือกลุ่มคนเลือดผสม ระหว่างคนยุโรปและชนพื้นเมือง ที่กลายมาเป็น 'คนเม็กซิกัน' กระแสหลักแทนชนพื้นเมืองไปอย่างถาวร
ในปัจจุบัน 3 ใน 4 คน ของพลเมืองในเม็กซิโกเป็น Mestizo
แต่เทรนด์เลือดผสมไม่ฮิตขนาดนั้นในเมืองห่างไกลบางพื้นที่ เช่น รัฐวาฮาก้า (Oaxaca) หรือ รัฐชิอาปาส (Chiapas) ที่ผู้คนไม่นิยมการแต่งงานกับชาวยุโรป อย่างเช่นในรัฐวาฮาก้า อัตราของชาวเลือดผสมจะอยู่ที่ 1 ต่อ 2 เท่านั้น
ความหลากหลายในแบบเม็กซิกัน
3. Criollo
คือสายเลือดคนยุโรปผิวขาวแท้ๆ ที่เกิดในเม็กซิโก ที่อยู่อาศัยมาตั้งแต่หลังยุคการพิชิตของสเปน ไม่ว่าจะเป็นชาวสเปนหรือคนจากยุโรปประเทศอื่นๆ ที่เข้ามาอยู่ในเม็กซิโก
4. Negros
เชื้อสายชาวแอฟริกันผิวดำ ผู้ตั้งรกรากกลุ่มสุดท้ายในเม็กซิโก ทาสผิวดำที่ถูกพาล่องเรือเข้ามาอยู่ในเม็กซิโกช่วง ศษวรรษที่ 17th-18th มาเป็นแรงงานในเหมือง กษิกรรมในพื้นที่ต่างๆ
ในปัจจุบันคนเชื้อสายแอฟริกันก็ย้ายมาอยู่กลุ่มเลือดผสม หรือ Mestizo แล้ว จากการแต่งงานกับชนพื้นเมืองหรือชาวยุโรป คนเม็กซิกันคนไหนที่ผิวเข้มสักหน่อย ก็คือคนที่มีเลือดของชาวแอฟริกันนั่นเอง
เนโกร ในภาษาสเปน แปลว่าดำ เรียกคนดำแบบนี้ ไม่ใช่การเหยียดผิวที่นี่ครับ
เท่าที่ผู้เขียนสังเกต แทบจะไม่เห็นคนผิวดำสายเลือดแท้ที่นี่แบบในสหรัฐอเมริกาหรือยุโรปเลย มีแต่เป็นสายเลือดผสมทั้งนั้น
นี่คือความหลากหลายของคนเม็กซิกันที่เกิดขึ้นจากลัทธิอณานิคม เทคโนโลยีการเดินสมุทรของชาวยุโรปใต้ และหนึ่งในมหกรรมการอพยพครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งของมนุษยชาติ ดังนั้นไม่แปลกเลยที่ใน DNA ของชาวเม็กซิกัน 1 คน จะมีทั้งสายเลือดคนผิวขาว ชนพื้นเมืองอเมริกาและแอฟริกัน ในคนๆ เดียว
จากภาพ จราจรสาว มีทั้งสาวผิวขาวหน้าตาแบบชาวยุโรป และสาวเลือดผสม Mestizo
สกุลเงินและค่าครองชีพในเม็กซิโก
สกุลเงินของเม็กซิโกคือเปโซ (Peso)
1 เปโซ มีมูลค่าประมาณ 2 บาท
1 ดอลล่าห์สหรัฐ มีมูลค่าประมาณ 17-18 เปโซ
เป็นประเทศที่คำนวนค่าครองชีพเทียบกับไทยง่ายจริงๆ แทบจะทุกอย่างดูจะแพงกว่าไทยประมาณ 2 เท่า นั่นคือ มื้ออาหารริมถนนแบบประหยัด จะอยู่ที่ประมาณ 100-200 บาท ต่อมื้อ ค่าเข้าห้องน้ำสาธารณะ 10 บาท
ภาษา
ภาษาสเปนคือภาษาราชการ และใช้กันทั่วประเทศ มีภาษาพื้นเมืองอีกหลายภาษา แต่ชาวพื้นเมืองทุกคนก็พูด อ่าน เขียนภาษาสเปนได้ดี
ในโลกใบนี้ มีผู้ใช้ภาษาสเปนมากกว่าภาษาอังกฤษ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในทวีปอเมริกาที่แทบทุกประเทศใช้ภาษาสเปน แม้แต่ในสหรัฐอเมริกาที่ใช้ภาษาอังกฤษ ก็ยังใช้ภาษาสเปนเป็นภาษาที่สอง เพราะฉะนั้น ไม่ต้องคาดหวังว่าคนเม็กซิกันจะพูดอังกฤษกับเราได้เลยครับ
นักท่องเที่ยวต่างชาติในเม็กซิโกก็มาจากทวีปอเมริกาใต้และสเปนเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นภาษาอังกฤษไม่มีความสำคัญมากนักที่ประเทศนี้
ธรรมเนียมทิป
เม็กซิโกมีธรรมเนียมการทิป เหมือนในอเมริกา อยู่ที่ประมาณ 15%
มาดูที่เม็กซิโกซิตี้กันต่อเลยนะครับ
MEXICO CITY
เริ่มต้นกันที่ร้านอาหาร มื้อเช้าที่โรงแรมของผู้เขียนเองครับ Best Western Hotel Majestic ไม่ใช่แค่ร้านอาหารของโรงแรมธรรมดา ที่นี่เป็นร้านที่มองเห็นวิวของจตุรัส Zocalo de la Ciudad de Mexico City อย่างรอบทิศเลยทีเดียว เหมาะกับการเกริ่นนำเรื่อง
Zocalo de la Ciudad de Mexico เป็นจตุรัสหลักของเมืองเม็กซิโกซิตี้ เคยเป็นศูนย์กลางการปกรองของสเปนในเม็กซิโก ชื่ออย่างเป็นทางการในปัจจุบันคือ Plaza de la Constitucion
เต็มไปด้วยตึกรามในศิลปะสเปนอันเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญมากมาย ที่เราจะพาไปดูในแต่ละที่ในลำดับต่อไป แต่จตุรัสนี้ไม่ได้เริ่มต้นใช้งานในยุคอณานิคมสเปนเท่านั้นนั้น ที่นี่เคยเป็นลานเฉลิมฉลองของเมืองโบราณที่ชื่อ Tenochtitlan
ก่อนจะมาเป็น Mexico City ภายใต้อณานิคมสเปน ที่นี่เคยเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิ์ Aztec ที่ชื่อเมือง Tenochtitlan ซึ่งก็คือเมืองที่ตั้งรับทำศึกสงครามกับอัศวินของจักรวรรดิ์สเปนนั่นเอง
หลังจากความพ่ายแพ้ของจักรวรรดิ์ Aztec สเปนก็สร้างเมืองใหม่ทับโครงสร้างเดิมของเมือง Tenochtitlan และ Mexico City ก็จึงมีโฉมหน้าแบบที่เห็นในปัจจุบัน (ส่วนเรื่องของ Tenochtitlan ก็ยังไม่จบนะ ขออุบไว้ก่อนครับ)
นี่คือ Cathedral Metropolitana de la Ciudad de Mexico เป็นวิหารแห่งโรมันคาทอลิกที่ใหญ่ที่สุดในท้องทวีปอเมริกาเลยทีเดียว สร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1573 แสดงให้เห็นถึงศิลปะบารอกที่สมบูรณ์แบบที่สุดแห่งหนึ่งในอเมริกาอีกด้วย
เรียกได้ว่าสร้างขึ้นมาแทบจะทันทีหลังจากการพิชิต Tenochtitlan โดยสเปนได้ทำลาย Templo Mayor อันเป็นวัดหลักของชาว Aztec และสร้างโบสถ์แห่งนี้ขึ้นทับ ช่างน่าเศร้าแต่นี่ก็คือสิ่งที่เกิดขึ้น
อิ่มอาหารและทิวทัศน์แล้ว เข้าไปชมสถานที่ใกล้ๆ กันดีกว่า
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น