คอลัมน์ "ถามตอบบอลไทย" โดย "แมน"โกสินทร์ อัตตโนรักษ์ วันนี้จะนำบทสนทนาที่คุยกับ "พี่อู๊ด" สัจจา ศิริเขตร์ อดีตกองหลังทีมชาติไทยและสโมสรธนาคารกสิกรไทย ปัจจุบันเป็นเฮดโค้ชของทีม จามจุรี ยูไนเต็ด มาฝากในประเด็นที่ว่าทีมลูกพระเกี้ยวได้ผลิตนักฟุตบอลชื่อดังขึ้นมาประดับวงการฟุตบอลไทยมากมาย เช่นเดียวกับทีมชาติไทยในยุคของ มิโลวาน ราเยวัช ที่เราได้เห็นความยอดเยี่ยมของ "โย่ง" พรรษา เหมวิบูลย์ กองหลังที่ฟอร์มโดดเด่นที่สุดในยุคนี้
ผม : ผมอยากจะถามความคิดเห็นของพี่อู๊ดเกี่ยวกับนักเตะทีมชาติไทยตอนนี้ที่เป็นลูกหม้อเก่าของจามจุรี ตอนนี้มีกี่คนนะครับ
พี่อู๊ด : ก็น่าจะมีโย่ง พรรษา, นิว พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี แล้วก็หนุ่ย ศราวุฒิ มาสุข ที่เคยถูกเรียกติดแต่บาดเจ็บขอถอนตัวไป
ผม : งั้นผมถามถึงพรรษาก่อนเลยนะพี่ เกินคาดมั้ยสำหรับพี่ที่เขายกระดับขึ้นมาได้ขนาดนี้
พี่อู๊ด : เกินคาดเลยนะ เขาขึ้นมาเร็วมาก แต่ที่ผ่านมาอาจจะโชคไม่ค่อยดีเพราะสโมสรที่เขาเล่นมีปัญหาไปก่อน เขาเป็นลูกหม้อของจุฬาตั้งแต่มหาวิทยาลัยนะ เล่นให้จามจุรี แล้วพอเรียนจบพี่ชาย (สมชาย ทรัพย์เพิ่ม) มาขอไปเล่นให้ทีโอทีแต่พอเริ่มจะได้ลงเล่นทีมก็มีปัญหาการเงินต้องยุบทีมไป แล้วย้ายไปเล่นให้ขอนแก่น ยูไนเต็ด ปีเดียวทีมก็ถูกลงโทษแบน จนกระทั่งปีนี้แหละที่ขึ้นมาเล่นกับบุรีรัมย์แล้วเขาได้รับโอกาสลงสนามเป็นตัวหลัก นี่น่าจะเป็นเหตุผลสำคัญที่เขาได้พัฒนาตัวเองเพราะได้ลงสนามต่อเนื่อง
ผม : แล้วตอนอยู่กับพี่ที่จามจุรี เขาเล่นสไตล์แบบนี้เลยมั้ย เห็นว่าในไทยลีกและทีมชาติ โย่งยังไม่เคยถูกจดชื่อใบเหลืองใบแดงเลย
พี่อู๊ด : ก็เล่นแบบนี้นะ ด้วยรูปร่างของเขาที่ตัวสูง ก็จะตัดลูกโด่งได้ดี โย่งเขาเล่นในสไตล์ตัวซ้อน คอยสวีป ไม่เข้าบอลโฉ่งฉ่าง ใบเหลืองตอนที่อยู่จามจุรีก็มีบ้าง ถ้ามีคู่หูที่รู้ใจกันช่วยเข้าชนให้ก่อนก็จะได้ประโยชน์จากเขาเยอะ อย่างทีมชาติเขาเล่นคู่กับเฉลิมพงษ์ ก็เยี่ยมเลย เพราะเฉลิมพงษ์เก็บกวาดภาคพื้นดินได้ดีมาก
ผม : ในฐานะที่พี่ก็เคยเล่นกองหลัง พี่เคยได้แนะนำหรือมองว่า โย่งน่าจะเพิ่มเติมอะไรอีกมั้ยเพื่อที่จะยอดเยี่ยมกว่านี่
พี่อู๊ด : ดูภาพรวมก็ดีแล้วนะ แต่สิ่งที่พี่ยังเห็นว่าเขาสามารถปรับเพิ่มอีกเล็กน้อย ก็คงเป็นการดักลูกครอสจากด้านข้าง คือเขาตัวสูงได้เปรียบอยู่แล้ว แต่ถ้าเจอเกมที่ถูกครอสบ่อยๆ พวกทีมระดับเกาหลีใต้หรือญี่ปุ่น ที่การเปิดจะมีสปีดบอลเร็ว เขาก็ต้องเข้าหาบอลคอยดักให้ไว คือลูกครอสที่สปีดช้าเขาไม่มีปัญหา แต่ต้องระวังลูกครอสเร็วๆ แล้วก็การเข้าบล็อกลูกยิง การสไลด์ต่างๆ อย่างสมัยที่พี่เล่นอยู่ พี่สุทิน(ไชยกิตติ) คอยกำกับตอนซ้อมเลยนะว่าวิธีสไลด์บล็อกหรือสไลด์เกี่ยวต้องทำยังไง เวลาไหนควรสกัดแบบไหน มันอยู่ที่การฝึกซ้อมด้วย ไม่ใช่ว่าใช้สัญชาติญาณในการสกัดบอลเท่านั้น แล้วการออกบอลถ้าเขาเพิ่มจุดนี้ได้ก็จะเป็นประโยชน์กับทีม อย่างเช่นเฉลิมพงษ์เขากล้าเปิดบอลหรือขึ้นมาเพื่อสร้างเกมไม่ใช่จ่ายแค่ง่ายๆ ให้เพื่อนตัวใกล้ ถ้าทำได้ทีมก็จะมีมิติมากขึ้นในการบุกสวนกลับ
ผม : อันเดรส ตูนเยซ เคยบอกว่า พรรษา คือกองหลังที่ดีที่สุดของไทยในตอนนี้ พี่เห็นด้วยมั้ย
พี่อู๊ด : เห็นด้วยนะถ้าไม่หนึ่งก็คงสองล่ะ เพราะด้วยรูปร่างและวิธีการเล่นพี่ก็ยังไม่เห็นใครจะทำได้ขนาดโย่ง อย่างที่บอกว่าถ้าเขาได้คู่ขาที่เล่นรู้ใจคอยซัพพอร์ทกัน ต่างคนต่างก็จะช่วยกันได้เยอะ สมัยอยู่จุฬาโย่งนี่ผอมมาก แต่ตอนนี้แข็งแรงขึ้นเยอะ บุรีรัมย์คงจะจับเล่นเวทน่าดู และพี่ก็เชื่อว่าเขาน่าจะยืนกองหลังทีมชาติไทยได้ยาวๆ เพราะตอนนี้อายุก็ยังไม่เยอะ (27ปี) เขายังเก่งได้อีกแน่นอน
ผม : พี่คิดว่าการได้เล่นคู่กับตูนเยซ จะช่วยให้โย่งพัฒนาฝีเท้าได้มั้ย
พี่อู๊ด : แน่นอน การได้เล่นร่วมกับคนเก่งๆ ก็จะเป็นประสบการณ์ที่ดี ตูนเยซเขามีภาวะผู้นำสูงด้วย เวลาเล่นเขาก็จะคอยสอนคอยแนะวิธีการยืนการซ้อนการเช็คไลน์ต่างๆ ซึ่งถ้าเก็บเกี่ยวความรู้มาได้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี
ผม : มาพูดถึง นิว พีรดนย์ กันมั่งดีกว่าพี่ ก่อนหน้านี้พี่เคยชมให้ผมฟังว่า นิว มีดีพอที่จะเป็นมิดฟิลด์สไตล์บ็อกซ์ทูบ็อกซ์ที่ดีที่สุดของเมืองไทย
พี่อู๊ด : ใช่ คือนิวสมัยเป็นบอลนักเรียน เล่นให้เทพศิรินทร์ เขาคือสุดยอดของรุ่น โด่งดังมาตั้งแต่ตอนนั้น แล้วมาเข้าเรียนที่จุฬาเขาก็เป็นตัวหลักของทีมตลอด เล่นได้ครบเครื่อง เกมรุกเกมรับ จ่ายบอล เลี้ยงทะลุทะลวงทำได้หมด ที่มาเพิ่มอีกตอนหลังก็คือการยิงไกล พี่เคยบอกนิวนะว่าเป็นกองกลางต้องยิงประตูจากแถวสองให้ได้ด้วย ถ้าขึ้นมาแล้วทำได้แค่จ่ายบอลออกให้เพื่อนคู่ต่อสู้ก็จะจับทางได้ง่าย ซึ่งเขาก็ทำได้ดีขึ้นมาก
ผม : แต่ในทีมชาติไทย การแข่งขันสูงมาก พี่ว่านิวจะสอดแทรกขึ้นมาได้มั้ย
พี่อู๊ด : คงอยู่ที่การเลือกใช้งานตามสถานการณ์ในแต่ละเกมของโค้ช แต่พี่มองว่านิวเองก็ต้องพยายามสร้างจุดแตกต่างจากคนอื่นให้ได้ อย่างตอนนี้ ฐิติพันธ์ พี่ก็ชอบมาก เป็นสไตล์ไดนาโม ขึ้นสุดลงสุดรุกรับทำได้หมด แล้วขยันมาก น่าจะเป็นคนที่วิ่งเยอะที่สุดในทีมแล้ว ส่วนธนบูรณ์พี่ว่าตอนนี้เขายังไม่พีคเท่าไหร่ อาจจะเพราะยังสับสนกับตำแหน่งเพราะก่อนหน้านี้เคยถูกจับไปยืนเซนเตอร์ ถ้าได้เล่นกลางรับเหมือนที่อยู่กับเชียงรายไปเรื่อยๆ ก็น่าจะมีความคุ้นเคยลงตัวมากขึ้น ส่วนสรรวัชญ์ จริงๆพี่ชอบนะ เขาเป็นคนที่จ่ายบอลฉลาดมาก มีไหวพริบไอเดียที่สุดยอด แต่ที่ยังไม่เปรี้ยงกับทีมชาติอาจจะเป็นเพราะประหม่าหรือเปล่าก็ไม่รู้ จุดอ่อนเขาอาจจะเป็นเรื่องสภาพร่างกายหรือการมูฟเม้นท์เคลื่อนที่ เขาทำให้พี่นึกถึงสมัย คำรณ สำราญพันธ์, อภิรักษ์ ศรีอรุณ คือกับสโมสรโคตรเก่งมากๆ แต่ไม่รู้ทำไมพอเล่นทีมชาติถึงไปได้ไม่สุดก็ไม่รู้เหมือนกัน ตำแหน่งของสรรวัชญ์พอ เจ ชนาธิป กลับมาก็คงจะเบียดยาก
ผม : ดูๆ ไปก็แทบจะไม่เหลือที่ว่างให้ใครแล้วนะพี่
พี่อู๊ด : ก็นั่นแหละ แต่อย่างที่บอก ในแต่ละเกมโค้ชเองก็อาจต้องใช้นักเตะในรูปแบบการเล่นแตกต่างกัน อย่างการเอาอุ้ม ธีราทร ไปยืนกลางรุกก็ถือว่าน่าสนใจ เพราะแบ็กซ้าย บาส พีรพัฒน์ ยืนได้อยู่แล้ว อุ้มเองก็มีพรสวรค์สูงมากในการสร้างสรรค์เกม จังหวะเปิดบอลสั้นบอลยาว เขารู้จังหวะว่าควรจะเปิดแบบไหนในเวลาไหน เคยเห็นพี่ตุ๊ก ปิยะพงษ์ เล่นมั้ย ว่าทำไมเขาเลี้ยงผ่านคู่ต่อสู้ไปได้เรื่อยๆ หน้าตาเฉยเลย เพราะพวกนี้เขาคอยดูคู่ต่อสู้ด้วย ว่าเท้าหลักเท้าไหน ก้าวเข้ามาถลำหรือขาตายตอนไหน อุ้มเองเวลาเปิดบอลก็ไม่ใช่แค่เปิดไปส่งๆ แต่เขาคิดตลอด มันเป็นพรสวรรค์เป็นมันสมองที่การฝึกซ้อมก็อาจจะสร้างไม่ได้
ผม : ไหนๆ คุยกันมายาวขนาดนี้แล้วพี่ ผมขอถามเพิ่มอีกหน่อยว่า ทำไมโค้ชทุกคนที่ได้ร่วมงานกับ มงคล ทศไกร, พีรพัฒน์ หรือ ปีโป้ สิโรจน์ ถึงชื่นชอบและไว้ใจให้เป็นตัวหลักตลอด แล้วถ้าพี่เป็นโค้ชพี่จะเลือกใช้เป็นตัวจริงมั้ย
พี่อู๊ด : พวกนี้เขาเล่นอย่างมีวินัยตามแท็กติกของโค้ชสูงนะ แต่ละคนโค้ชคงมองว่ามีจุดสร้างความแตกต่างจากผู้เล่นคนอื่นๆ ได้ พีรพัฒน์เนี่ยพี่ว่าถ้าไม่ติดว่าเล่นตำแหน่งเดียวกับธีราทร อยู่ที่ไหนเขาก็ต้องตัวจริงอยู่แล้วนะ เขามีดีอยู่แล้ว ส่วนมงคล เราอาจจะไม่ค่อยได้เห็นเขาเลี้ยงผ่านคู่ต่อสู้ แต่ข้อดีคือการยืนตำแหน่ง เขาจะโผล่ไปอยู่ในพื้นที่การทำประตูได้ตลอด ซึ่งถ้ายิงได้ทีมก็ถือว่าได้ประโยชน์ทันที เทียบง่ายๆกับ อัลเฟรด (เนติพงษ์ ศรีทองอินทร์) เพื่อนๆในทีมทั้งกสิกรและทีมชาติรู้กันว่าอย่าไปจ่ายให้มันเลี้ยงหลบ เพราะมันเลี้ยงไม่เป็น เราใช้วิธีขึ้นเกมด้านข้างแล้วเปิดไปจุดนัดพบ ซึ่งอัลเฟรดจะไปอยู่ตรงนั้นแทบทุกทีและยิงประตูได้ทุกรูปแบบด้วย ส่วนปีโป้ พี่ว่าเขายังไปกับบอลทื่อๆ ซื่อๆ เกินไป พุ่งไปตรงๆแบบนั้นถ้าเจอพวกกองหลังที่ดักทางได้ก็ผ่านยาก แต่จุดเด่นคือตัวใหญ่แข็งแรง ถ้าเพิ่มเหลี่ยมเพิ่มความหลากหลายก็คงจะน่ากลัวขึ้นเยอะ ส่วนที่ถามว่าถ้าพี่เป็นโค้ชจะเลือกใช้มั้ย ก็คงเลือกใช้ตามความเหมาะสมของแต่ละเกมนะ
ผม : ขอบคุณมากพี่อู๊ด ไว้โอกาสหน้าคุยกันใหม่นะครับ
"ถามตอบบอลไทย" โดย "แมน โกสินทร์" สัมภาษณ์ "โค้ชอู๊ด" สัจจา ศิริเขตร์ พูดถึง พรรษา เหมวิบลูย์
ผม : ผมอยากจะถามความคิดเห็นของพี่อู๊ดเกี่ยวกับนักเตะทีมชาติไทยตอนนี้ที่เป็นลูกหม้อเก่าของจามจุรี ตอนนี้มีกี่คนนะครับ
พี่อู๊ด : ก็น่าจะมีโย่ง พรรษา, นิว พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี แล้วก็หนุ่ย ศราวุฒิ มาสุข ที่เคยถูกเรียกติดแต่บาดเจ็บขอถอนตัวไป
ผม : งั้นผมถามถึงพรรษาก่อนเลยนะพี่ เกินคาดมั้ยสำหรับพี่ที่เขายกระดับขึ้นมาได้ขนาดนี้
พี่อู๊ด : เกินคาดเลยนะ เขาขึ้นมาเร็วมาก แต่ที่ผ่านมาอาจจะโชคไม่ค่อยดีเพราะสโมสรที่เขาเล่นมีปัญหาไปก่อน เขาเป็นลูกหม้อของจุฬาตั้งแต่มหาวิทยาลัยนะ เล่นให้จามจุรี แล้วพอเรียนจบพี่ชาย (สมชาย ทรัพย์เพิ่ม) มาขอไปเล่นให้ทีโอทีแต่พอเริ่มจะได้ลงเล่นทีมก็มีปัญหาการเงินต้องยุบทีมไป แล้วย้ายไปเล่นให้ขอนแก่น ยูไนเต็ด ปีเดียวทีมก็ถูกลงโทษแบน จนกระทั่งปีนี้แหละที่ขึ้นมาเล่นกับบุรีรัมย์แล้วเขาได้รับโอกาสลงสนามเป็นตัวหลัก นี่น่าจะเป็นเหตุผลสำคัญที่เขาได้พัฒนาตัวเองเพราะได้ลงสนามต่อเนื่อง
ผม : แล้วตอนอยู่กับพี่ที่จามจุรี เขาเล่นสไตล์แบบนี้เลยมั้ย เห็นว่าในไทยลีกและทีมชาติ โย่งยังไม่เคยถูกจดชื่อใบเหลืองใบแดงเลย
พี่อู๊ด : ก็เล่นแบบนี้นะ ด้วยรูปร่างของเขาที่ตัวสูง ก็จะตัดลูกโด่งได้ดี โย่งเขาเล่นในสไตล์ตัวซ้อน คอยสวีป ไม่เข้าบอลโฉ่งฉ่าง ใบเหลืองตอนที่อยู่จามจุรีก็มีบ้าง ถ้ามีคู่หูที่รู้ใจกันช่วยเข้าชนให้ก่อนก็จะได้ประโยชน์จากเขาเยอะ อย่างทีมชาติเขาเล่นคู่กับเฉลิมพงษ์ ก็เยี่ยมเลย เพราะเฉลิมพงษ์เก็บกวาดภาคพื้นดินได้ดีมาก
ผม : ในฐานะที่พี่ก็เคยเล่นกองหลัง พี่เคยได้แนะนำหรือมองว่า โย่งน่าจะเพิ่มเติมอะไรอีกมั้ยเพื่อที่จะยอดเยี่ยมกว่านี่
พี่อู๊ด : ดูภาพรวมก็ดีแล้วนะ แต่สิ่งที่พี่ยังเห็นว่าเขาสามารถปรับเพิ่มอีกเล็กน้อย ก็คงเป็นการดักลูกครอสจากด้านข้าง คือเขาตัวสูงได้เปรียบอยู่แล้ว แต่ถ้าเจอเกมที่ถูกครอสบ่อยๆ พวกทีมระดับเกาหลีใต้หรือญี่ปุ่น ที่การเปิดจะมีสปีดบอลเร็ว เขาก็ต้องเข้าหาบอลคอยดักให้ไว คือลูกครอสที่สปีดช้าเขาไม่มีปัญหา แต่ต้องระวังลูกครอสเร็วๆ แล้วก็การเข้าบล็อกลูกยิง การสไลด์ต่างๆ อย่างสมัยที่พี่เล่นอยู่ พี่สุทิน(ไชยกิตติ) คอยกำกับตอนซ้อมเลยนะว่าวิธีสไลด์บล็อกหรือสไลด์เกี่ยวต้องทำยังไง เวลาไหนควรสกัดแบบไหน มันอยู่ที่การฝึกซ้อมด้วย ไม่ใช่ว่าใช้สัญชาติญาณในการสกัดบอลเท่านั้น แล้วการออกบอลถ้าเขาเพิ่มจุดนี้ได้ก็จะเป็นประโยชน์กับทีม อย่างเช่นเฉลิมพงษ์เขากล้าเปิดบอลหรือขึ้นมาเพื่อสร้างเกมไม่ใช่จ่ายแค่ง่ายๆ ให้เพื่อนตัวใกล้ ถ้าทำได้ทีมก็จะมีมิติมากขึ้นในการบุกสวนกลับ
ผม : อันเดรส ตูนเยซ เคยบอกว่า พรรษา คือกองหลังที่ดีที่สุดของไทยในตอนนี้ พี่เห็นด้วยมั้ย
พี่อู๊ด : เห็นด้วยนะถ้าไม่หนึ่งก็คงสองล่ะ เพราะด้วยรูปร่างและวิธีการเล่นพี่ก็ยังไม่เห็นใครจะทำได้ขนาดโย่ง อย่างที่บอกว่าถ้าเขาได้คู่ขาที่เล่นรู้ใจคอยซัพพอร์ทกัน ต่างคนต่างก็จะช่วยกันได้เยอะ สมัยอยู่จุฬาโย่งนี่ผอมมาก แต่ตอนนี้แข็งแรงขึ้นเยอะ บุรีรัมย์คงจะจับเล่นเวทน่าดู และพี่ก็เชื่อว่าเขาน่าจะยืนกองหลังทีมชาติไทยได้ยาวๆ เพราะตอนนี้อายุก็ยังไม่เยอะ (27ปี) เขายังเก่งได้อีกแน่นอน
ผม : พี่คิดว่าการได้เล่นคู่กับตูนเยซ จะช่วยให้โย่งพัฒนาฝีเท้าได้มั้ย
พี่อู๊ด : แน่นอน การได้เล่นร่วมกับคนเก่งๆ ก็จะเป็นประสบการณ์ที่ดี ตูนเยซเขามีภาวะผู้นำสูงด้วย เวลาเล่นเขาก็จะคอยสอนคอยแนะวิธีการยืนการซ้อนการเช็คไลน์ต่างๆ ซึ่งถ้าเก็บเกี่ยวความรู้มาได้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี
ผม : มาพูดถึง นิว พีรดนย์ กันมั่งดีกว่าพี่ ก่อนหน้านี้พี่เคยชมให้ผมฟังว่า นิว มีดีพอที่จะเป็นมิดฟิลด์สไตล์บ็อกซ์ทูบ็อกซ์ที่ดีที่สุดของเมืองไทย
พี่อู๊ด : ใช่ คือนิวสมัยเป็นบอลนักเรียน เล่นให้เทพศิรินทร์ เขาคือสุดยอดของรุ่น โด่งดังมาตั้งแต่ตอนนั้น แล้วมาเข้าเรียนที่จุฬาเขาก็เป็นตัวหลักของทีมตลอด เล่นได้ครบเครื่อง เกมรุกเกมรับ จ่ายบอล เลี้ยงทะลุทะลวงทำได้หมด ที่มาเพิ่มอีกตอนหลังก็คือการยิงไกล พี่เคยบอกนิวนะว่าเป็นกองกลางต้องยิงประตูจากแถวสองให้ได้ด้วย ถ้าขึ้นมาแล้วทำได้แค่จ่ายบอลออกให้เพื่อนคู่ต่อสู้ก็จะจับทางได้ง่าย ซึ่งเขาก็ทำได้ดีขึ้นมาก
ผม : แต่ในทีมชาติไทย การแข่งขันสูงมาก พี่ว่านิวจะสอดแทรกขึ้นมาได้มั้ย
พี่อู๊ด : คงอยู่ที่การเลือกใช้งานตามสถานการณ์ในแต่ละเกมของโค้ช แต่พี่มองว่านิวเองก็ต้องพยายามสร้างจุดแตกต่างจากคนอื่นให้ได้ อย่างตอนนี้ ฐิติพันธ์ พี่ก็ชอบมาก เป็นสไตล์ไดนาโม ขึ้นสุดลงสุดรุกรับทำได้หมด แล้วขยันมาก น่าจะเป็นคนที่วิ่งเยอะที่สุดในทีมแล้ว ส่วนธนบูรณ์พี่ว่าตอนนี้เขายังไม่พีคเท่าไหร่ อาจจะเพราะยังสับสนกับตำแหน่งเพราะก่อนหน้านี้เคยถูกจับไปยืนเซนเตอร์ ถ้าได้เล่นกลางรับเหมือนที่อยู่กับเชียงรายไปเรื่อยๆ ก็น่าจะมีความคุ้นเคยลงตัวมากขึ้น ส่วนสรรวัชญ์ จริงๆพี่ชอบนะ เขาเป็นคนที่จ่ายบอลฉลาดมาก มีไหวพริบไอเดียที่สุดยอด แต่ที่ยังไม่เปรี้ยงกับทีมชาติอาจจะเป็นเพราะประหม่าหรือเปล่าก็ไม่รู้ จุดอ่อนเขาอาจจะเป็นเรื่องสภาพร่างกายหรือการมูฟเม้นท์เคลื่อนที่ เขาทำให้พี่นึกถึงสมัย คำรณ สำราญพันธ์, อภิรักษ์ ศรีอรุณ คือกับสโมสรโคตรเก่งมากๆ แต่ไม่รู้ทำไมพอเล่นทีมชาติถึงไปได้ไม่สุดก็ไม่รู้เหมือนกัน ตำแหน่งของสรรวัชญ์พอ เจ ชนาธิป กลับมาก็คงจะเบียดยาก
ผม : ดูๆ ไปก็แทบจะไม่เหลือที่ว่างให้ใครแล้วนะพี่
พี่อู๊ด : ก็นั่นแหละ แต่อย่างที่บอก ในแต่ละเกมโค้ชเองก็อาจต้องใช้นักเตะในรูปแบบการเล่นแตกต่างกัน อย่างการเอาอุ้ม ธีราทร ไปยืนกลางรุกก็ถือว่าน่าสนใจ เพราะแบ็กซ้าย บาส พีรพัฒน์ ยืนได้อยู่แล้ว อุ้มเองก็มีพรสวรค์สูงมากในการสร้างสรรค์เกม จังหวะเปิดบอลสั้นบอลยาว เขารู้จังหวะว่าควรจะเปิดแบบไหนในเวลาไหน เคยเห็นพี่ตุ๊ก ปิยะพงษ์ เล่นมั้ย ว่าทำไมเขาเลี้ยงผ่านคู่ต่อสู้ไปได้เรื่อยๆ หน้าตาเฉยเลย เพราะพวกนี้เขาคอยดูคู่ต่อสู้ด้วย ว่าเท้าหลักเท้าไหน ก้าวเข้ามาถลำหรือขาตายตอนไหน อุ้มเองเวลาเปิดบอลก็ไม่ใช่แค่เปิดไปส่งๆ แต่เขาคิดตลอด มันเป็นพรสวรรค์เป็นมันสมองที่การฝึกซ้อมก็อาจจะสร้างไม่ได้
ผม : ไหนๆ คุยกันมายาวขนาดนี้แล้วพี่ ผมขอถามเพิ่มอีกหน่อยว่า ทำไมโค้ชทุกคนที่ได้ร่วมงานกับ มงคล ทศไกร, พีรพัฒน์ หรือ ปีโป้ สิโรจน์ ถึงชื่นชอบและไว้ใจให้เป็นตัวหลักตลอด แล้วถ้าพี่เป็นโค้ชพี่จะเลือกใช้เป็นตัวจริงมั้ย
พี่อู๊ด : พวกนี้เขาเล่นอย่างมีวินัยตามแท็กติกของโค้ชสูงนะ แต่ละคนโค้ชคงมองว่ามีจุดสร้างความแตกต่างจากผู้เล่นคนอื่นๆ ได้ พีรพัฒน์เนี่ยพี่ว่าถ้าไม่ติดว่าเล่นตำแหน่งเดียวกับธีราทร อยู่ที่ไหนเขาก็ต้องตัวจริงอยู่แล้วนะ เขามีดีอยู่แล้ว ส่วนมงคล เราอาจจะไม่ค่อยได้เห็นเขาเลี้ยงผ่านคู่ต่อสู้ แต่ข้อดีคือการยืนตำแหน่ง เขาจะโผล่ไปอยู่ในพื้นที่การทำประตูได้ตลอด ซึ่งถ้ายิงได้ทีมก็ถือว่าได้ประโยชน์ทันที เทียบง่ายๆกับ อัลเฟรด (เนติพงษ์ ศรีทองอินทร์) เพื่อนๆในทีมทั้งกสิกรและทีมชาติรู้กันว่าอย่าไปจ่ายให้มันเลี้ยงหลบ เพราะมันเลี้ยงไม่เป็น เราใช้วิธีขึ้นเกมด้านข้างแล้วเปิดไปจุดนัดพบ ซึ่งอัลเฟรดจะไปอยู่ตรงนั้นแทบทุกทีและยิงประตูได้ทุกรูปแบบด้วย ส่วนปีโป้ พี่ว่าเขายังไปกับบอลทื่อๆ ซื่อๆ เกินไป พุ่งไปตรงๆแบบนั้นถ้าเจอพวกกองหลังที่ดักทางได้ก็ผ่านยาก แต่จุดเด่นคือตัวใหญ่แข็งแรง ถ้าเพิ่มเหลี่ยมเพิ่มความหลากหลายก็คงจะน่ากลัวขึ้นเยอะ ส่วนที่ถามว่าถ้าพี่เป็นโค้ชจะเลือกใช้มั้ย ก็คงเลือกใช้ตามความเหมาะสมของแต่ละเกมนะ
ผม : ขอบคุณมากพี่อู๊ด ไว้โอกาสหน้าคุยกันใหม่นะครับ