กระทู้นี้เกิดจาก “ซิ่วหลี” บอกว่า “คริสเตียนโน่ โรนัลโด้ ตอนพีค เก่งว่าเมสซี่ตอนพีค”
แล้วที่ว่าพีคมันคือฤดูกาลไหน มันคาใจจนต้องไปดูเต็มเกมที่มีให้ดูในยูทูปของลาลีกา แล้วมาสรุปเป็นรายฤดูกาล
เข้า YouTube ของ LALIGA เลือก Playlists อยู่ล่างๆมีแบ่งเป็นฤดูกาลเลย
เต็มเกมของอังกฤษใช้พิมพ์ manchester united ตามด้วยฤดูกาลเอา
ทำถึงแค่ฤดูกาล 2017/18 เท่านั้น ส่วนตอนอยู่ยูเวนตุสไม่ทำเพราะลีกอิตาลีเปลี่ยนแผนบ่อย
จุดแข็งของ “คริสเตียนโน่ โรนัลโด้” ที่ทำให้ยิงได้มากมาย
- ขยันวิ่งหา “พื้นที่ว่าง” ที่ทำให้ตัวเองเล่นต่อได้ง่าย โดยไม่ทับตำแหน่งกับเพื่อนร่วมทีม
- การจัดระเบียบร่างกายที่สามารถทำให้เล่นบอลได้ตลอด เมื่อบอลเข้ามาหาในกรอบเขตโทษ
- พละกำลังขาที่ยอดเยี่ยม ส่งผลให้โดยได้สูงจนโหม่งได้ง่าย, ยิงแรงจนผู้รักษาประตูรับยาก และวิ่งเร็วจนฉีกหนีกองหลังคู่แข่งได้สบาย
นิสัยในการเล่น
- จะเลี้ยงผ่านฝั่งตรงข้ามแค่คนเดียวแล้วจะยิงหรือจ่ายเลย การเลี้ยงบอลจะทำเพื่อเปิดช่องเป็นหลัก นับตั้งแต่ฤดูกาล 2010-11
- ชอบ “ตอกส้น” เมื่อบอลมาข้างหลังจนนำไปสู่ประตู และแอสซิสต์
- ฟรีคิก ตั้งแต่ฤดูกาล 2014-15 จะเป็นการยิงอัดกำแพง ลุ้นให้ทะลุกำแพงไป เพราะขาไม่สามารถใช้ “นัคเคิลบอล” ได้แล้ว
รูปแบบการเล่น
- เวลาเตรียมสวนกลับจะยืนริมเส้นเพื่อให้มีตัวประกบคนเดียว เมื่อบอลมาถึงตัวก็จะลากผ่านตัวประกบเข้าไปยิงประตู
- เวลาทีมทำเกมรุกจะเคลื่อนที่หาพื้นที่ว่างบริเวณกรอบเขตโทษทั้งข้างในและข้างนอกรอทำประตู
รวมประตูกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด :
https://www.youtube.com/watch?v=JC90NBGC_bA
ฤดูกาล 2003/04 : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
แผนการเล่น : 4-2-3-1
ตำแหน่ง : ปีกขวา
คริสเตียนโน่ โรนัลโด้ ถูกซื้อมาเป็นปีกเพื่อทดแทน “เดวิด เบ็คแฮม” ที่ย้ายไป “รีล มาดริด”
ในฤดูกาลแรกก็เล่นแบบปีกโบราณ ลากไปเส้นหลังแล้วครอส หรือลากเลื้อยผ่านคู่ต่อสู้ไปยิงเอง
เขาได้แสดงความสามารถในการหาพื้นที่ ด้วยการโหม่งประตูในนัดชิงเอฟ.เอ.คัพ. ได้
ฤดูกาล 2004/05 : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
แผนการเล่น : 4-4-2
ตำแหน่ง : ปีกขวา
เมื่อได้ “เวย์น รูนีย์” เข้ามาก็ปรับเป็น 4-4-2
แต่ “เวย์น รูนีย์” ก็ชอบลงต่ำจนทำให้ฤดูกาลนี้ “คริสเตียนโน่ โรนัลโด้” ได้ขยับเข้ามาเติมในกรอบเขตโทษมากขึ้น
โดยในเกมที่ชนะอาร์เซน่อล 4-2 คริสเตียนโน่ โรนัลโด้ ทำได้ 2 ประตูจากการเติมเข้าไปในกรอบเขตโทษ
ฤดูกาล 2005/06 : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
แผนการเล่น : 4-4-2
ตำแหน่ง : ปีกขวา
ฤดูกาลนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ มีการพัฒนาขึ้นตามลำดับ
ฤดูกาล 2006/07 : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
แผนการเล่น : 4-4-2
ตำแหน่ง : ปีกขวา
เมื่อ “รุด ฟาน นิสเตลรอย” ย้ายไป “รีล มาดริด” จึงเหลือหลุยส์ ซาฮา, รูนีย์ และอลัน สมิธที่ชอบเคลื่อนที่ไปทั่ว
การเล่นในแดนหน้าจึงมีการเคลื่อนที่หมุนเวียนตำแหน่งระหว่างเกม
คริสเตียนโน่ โรนัลโด้ เลยได้แสดงความสามารถในด้านการทำประตู และการเล่นเป็นปีกไปพร้อมกัน
ฤดูกาลนี้ “คริสเตียนโน่ โรนัลโด้” เล่นในตำแหน่งปีกได้ดีที่สุดในชีวิต
ฤดูกาล 2007/08 : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
แผนการเล่น : 4-3-3
ตำแหน่ง : กองหน้ากึ่งปีก
ด้วยความที่ “รูนีย์” และ “เตเวส” ชอบลงต่ำไปในแดนกลาง
“คริสเตียนโน่ โรนัลโด้” เลยต้องยืนค้ำเป็นหน้าเป้าบ่อยครั้ง จนทำประตูในกรอบไปถึง 28 ประตู
แถมลูกฟรีคิก “นัคเคิลบอล” ก็พัฒนาจนใช้ได้อย่างชำนาญ จนเป็นที่มาของการทำประตูไปถึง 42 ประตู
ส่วนการเล่นแบบปีกก็หายไป มีเฉพาะตอนสวนกลับที่ไปยืนเตรียมตัวตรงริมเส้น
ฤดูกาล 2008/09 : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
แผนการเล่น : 4-4-2
ตำแหน่ง : ปีกขวา
เบอร์บาตอฟ เข้ามาเป็นกองหน้า แต่ด้วยความช้าของ “เบอร์บาตอฟ” เลยอยู่เป็นหน้าเป้าตลอดเวลา
คริสเตียนโน่ โรนัลโด้ เลยกลับไปเป็นปีก ที่คอยเติมเข้ากรอบเขตโทษเหมือนเดิม
ฤดูกาลนี้ยิงในกรอบไปแค่ 13 ประตู ส่วนการเล่นเป็นปีกก็มีแค่ 2 ครอสกับ 2 จ่ายตัดหลังจากการลุยไปสุดเส้นหลัง
รวมประตูในลาลีกา :
https://www.youtube.com/watch?v=hCF66sUwTkg
ฤดูกาล 2009/10 : รีล มาดริด
แผนการเล่น : 4-3-1-2
ตำแหน่ง : กองหน้า
โค้ชมานูเอล เปเลกรินิ ได้ใช้แผน 4-3-1-2 โดยมี “ริคาร์โด้ กาก้า” ทำเกม
คริสเตียนโน่ โรนัลโด้ ได้เคลื่อนที่อิสระในฝั่งคู่แข่ง ฤดูกาลนี้ทำประตูสวยๆได้เยอะ
แต่ทีมไม่ประสบความสำเร็จ
ฤดูกาล 2010/11 : รีล มาดริด
แผนการเล่น : 4-2-3-1
ตำแหน่ง : กองหน้ากึ่งปีก
ที่จริงช่วงต้นของฤดูกาล “โชเซ่ มูรินโญ่” จับ “คริสเตียนโน่ โรนัลโด้” ยืนติดริมเส้น ส่านอีกฝั่งเป็น “ดิ มาเรีย” คอยสลับซ้ายขวากัน
แต่พอแพ้บาร์เซโลน่า 0-5 เลยปรับ “คริสเตียนโน่ โรนัลโด้” มาให้คอยวิ่งหาจังหวะเข้าทำประตูบริเวณหน้าเขตโทษแทน
สรุป รีล มาดริด ยุค“โชเซ่ มูรินโญ่” เน้นเจาะตรงกลางเป็นหลัก
ด้วยลูกจ่ายอันเฉียบคมของ “โอซิล” และการทำเกมของ “ดิ มาเรีย” ทำให้ “คริสเตียนโน่ โรนัลโด้” ทำประตูในกรอบได้ถึง 34 ประตู
ฤดูกาล 2011/12 : รีล มาดริด
แผนการเล่น : 4-2-3-1
ตำแหน่ง : กองหน้ากึ่งปีก
นี้คือฤดูกาลที่ “คริสเตียนโน่ โรนัลโด้” เล่นดีที่สุด ทำประตูได้มากมาย และยังไม่ทิ้งการเล่นริมเส้น
รีล มาดริด เป็นแชมป์ลาลีกา ด้วยคะแนน 100 คะแนน ยิงไปถึง 121 ประตู
โอซิล ตัวทำเกมหลัก 17 แอสซิสต์ ส่วนดิ มาเรีย 15 แอสซิสต์ สลับกันเล่นกับ กาก้า 7 แอสซิสต์
ถ้าคำว่า “พีค” คือเล่นได้หลากหลายและทำได้ดีฤดูกาลนี้น่าจะพีคที่สุดนะครับ
ฤดูกาล 2012/13 : รีล มาดริด
แผนการเล่น : 4-2-3-1
ตำแหน่ง : กองหน้ากึ่งปีก
ฤดูกาลนี้ “คริสเตียนโน่ โรนัลโด้” มุ่งมั่นที่จะเข้าไปในเขตโทษอย่างมาก ไม่ค่อยฉีกออกริมเส้นแล้วยกเว้นเวลารอสวนกลับ
“คริสเตียนโน่ โรนัลโด้” ทำประตูในกรอบเขตโทษถึง 39 ประตู
แต่ในฤดูกาลนี้ “โชเซ่ มูรินโญ่” มีปัญาหากับขาใหญ่ในทีมเลยต้องแยกทางกันหลังจบฤดูกาล
ฤดูกาล 2013/14 : รีล มาดริด
แผนการเล่น : 4-4-2
ตำแหน่ง : กองหน้า
เมื่อ “คาร์โล อันเชล็อตติ” เข้ามาทีมก็เปลี่ยนเป็นโจมตีจากริมเส้น
“แกเร็ธ เบล” ปีกความเร็วสูง มาแทน “โอซิล” กลางรุกสายจ่ายบอล
“มาร์เซโล่” แบ็กซ้ายได้เติมเกมรุกอย่างโดดเด่น
ดิ มาเรีย ก็ยังอยู่ และเป็นคนที่เล่นดีจนทีมได้แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยน ลีก กับโคปา เดอะ เรย์
คริสเตียนโน่ โรนัลโด้ เป็นกองหน้ายืนคู่กับ “คาริม เบนเซม่า” มีหน้าที่ต่อบอลกับเพื่อนและวิ่งเข้ากรอบเขตโทษทำประตู
แผนนี้ทำได้ดีในบอลถ้วย แต่ในลีกไม่ได้ผลเพราะมีกลางแค่สองคนเอง ในยุคที่เน้นสู้กันแดนกลาง
รวมประตูในแชมเปี้ยนส์ลีก 2013/14 :
https://www.youtube.com/watch?v=8bPwRcmHqxQ
ฤดูกาล 2014/15 : รีล มาดริด
แผนการเล่น : 4-4-2
ตำแหน่ง : กองหน้า
ซาบี อลอนโซ่ ออกไป โทนี่ โครส เข้ามายืนคู่กับ “ลูก้า โมดริช” แทน
แต่โครส เกมรับสู้อลอนโซ่ไม่ได้ ทีมเลยล้มเหลวจนต้องแยกทางกับ “คาร์โล อันเชล็อตติ”
ส่วนแนวรุก “ฮาเมส โรดริเกซ” ประสานงานได้ดีกับ “คริสเตียนโน่ โรนัลโด้” และ “เบนเซม่า”
ฤดูกาลนี้ “คริสเตียนโน่ โรนัลโด้” มีสถิติดีที่สุดในชีวิต ยิง 61 จ่าย 20
ฤดูกาล 2015/16 : รีล มาดริด
แผนการเล่น : 4-4-2 ตอน “ราฟาเอล เบนิเตซ”, 4-3-3 ตอน “ซีดาน”
ตำแหน่ง : กองหน้า
ต้นฤดูกาลแต่งตั้ง “ราฟาเอล เบนิเตซ” มาคุมแต่แผนยังแบบเดิม เลยโดยบาร์เซโลน่า ถล่ม 4-0
ขึ้นปี 2016 ราฟาเอล ที่ความสัมพันธ์ไม่ดีกับทุกคนในสโมสร เลยโดยไล่ออก รีล มาดริด เลยแต่ตั้ง “ซีดาน” แทน
ซีดาน เปลี่ยนแผนการเล่นเป็น 4-3-3 ค้นพบกลางสามคนที่ลงตัว คือ คาเซมิโร่, โครส และโมดริช เป็นจุดเปลี่ยนให้ทีมได้แชมเปี้ยนลีก
แนวรุก 3 ประสาน เบล, คริสเตียนโน่ โรนัลโด้ และเบนเซม่า ยืนห่างกันคอยหมุนเวียนตำแหน่งโจมตีคู่ต่อสู้
รวมประตูในแชมเปี้ยนส์ ลีก 2015/16 :
https://www.youtube.com/watch?v=osBExPqSbLw
ฤดูกาล 2016/17 : รีล มาดริด
แผนการเล่น : 4-3-1-2
ตำแหน่ง : กองหน้า
เนื่องจาก “เบล” เจ็บ เลยต้องใช้ “อิสโก้” ในตำแหน่งกลางรุก ส่วน “เบนเซม่า” เสียสละตัวเองวิ่งไล่ในแดนหน้าจนยิงน้อยลง
“ดานิ การ์บาฆาล” แบ็คขวาก้าวขึ้นมาทำเกมรุกได้อย่างโดดเด่น เติมขึ้นไปจ่ายให้ “คริสเตียนโน่ โรนัลโด้” ทำประตูในนัดชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
สามประสานในแดนกลาง ก็ประสานงานอย่างลงตัวทั้งรุกและรับ จนได้แชมป์ลีก และแชมเปี้ยนส์ ลีก
คริสเตียนโน่ โรนัลโด้ ในเกมรอบ 8 ทีม, รอบรอง และรอบชิง ทำประตูได้ทุกรอบด้วยการหาตำแหน่งที่ยอดเยี่ยม เล่น 5 นัด ทำประตูได้ 4 นัด ยิง 10 ประตู
ถ้าทำไมฤดูกาลนี้ไม่ใช่ฤดูกาลที่ “คริสเตียนโน่ โรนัลโด้” พีคที่สุด เพราะสถิติแกมาจากการหาตำแหน่งที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น
รวมประตูในแชมเปี้ยนส์ ลีก 2016/17 :
https://www.youtube.com/watch?v=r94dnzdJd60
ฤดูกาล 2017/18 : รีล มาดริด
แผนการเล่น : 4-3-1-2
ตำแหน่ง : กองหน้า
ฤดูกาลสุดท้ายของ “คริสเตียนโน่ โรนัลโด้” กับรีล มาดริด ถึงสถิติจะดีก็เถอะ แต่แกเชื่องช้าไปเยอะ
เบนเซม่า วิ่งไล่บอลเสียสละเพื่อทีมจนความเฉียบคมหายไปเลย
แต่สามประสานในแดงกลางยังคงยอดเยี่ยมพาทีมคว้ายูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 3 สมัยติดต่อกัน
รวมประตูในแชมเปี้ยนส์ ลีก 2017/18 :
https://www.youtube.com/watch?v=C-RGc1V_Zq0
ปิดท้ายด้วยการแนะนำ 3 ประสานในแดนกลางรีล มาดริด
คาเซมิโร่ แย่งบอลเก่ง ยืนตำแหน่งเกมรับดี แถมยังยิงขึ้นนำยูเวนตุส 2-1 ในนัดชิง UCL 2017
โครส จ่ายบอลแม่น อ่านเกมดี เปลี่ยนเกมรับเป็นรุกได้รวดเร็ว
โมดริช วิ่งขึ้นวิ่งลงไม่มีหมด เชื่อมเกมต่อบอลกับเพื่อนรวมทีมทำให้เกมไหลลื่น
[La Liga] พัฒนาการการเล่นของ "คริสเตียนโน่ โรนัลโด้"
แล้วที่ว่าพีคมันคือฤดูกาลไหน มันคาใจจนต้องไปดูเต็มเกมที่มีให้ดูในยูทูปของลาลีกา แล้วมาสรุปเป็นรายฤดูกาล
เข้า YouTube ของ LALIGA เลือก Playlists อยู่ล่างๆมีแบ่งเป็นฤดูกาลเลย
เต็มเกมของอังกฤษใช้พิมพ์ manchester united ตามด้วยฤดูกาลเอา
ทำถึงแค่ฤดูกาล 2017/18 เท่านั้น ส่วนตอนอยู่ยูเวนตุสไม่ทำเพราะลีกอิตาลีเปลี่ยนแผนบ่อย
จุดแข็งของ “คริสเตียนโน่ โรนัลโด้” ที่ทำให้ยิงได้มากมาย
- ขยันวิ่งหา “พื้นที่ว่าง” ที่ทำให้ตัวเองเล่นต่อได้ง่าย โดยไม่ทับตำแหน่งกับเพื่อนร่วมทีม
- การจัดระเบียบร่างกายที่สามารถทำให้เล่นบอลได้ตลอด เมื่อบอลเข้ามาหาในกรอบเขตโทษ
- พละกำลังขาที่ยอดเยี่ยม ส่งผลให้โดยได้สูงจนโหม่งได้ง่าย, ยิงแรงจนผู้รักษาประตูรับยาก และวิ่งเร็วจนฉีกหนีกองหลังคู่แข่งได้สบาย
นิสัยในการเล่น
- จะเลี้ยงผ่านฝั่งตรงข้ามแค่คนเดียวแล้วจะยิงหรือจ่ายเลย การเลี้ยงบอลจะทำเพื่อเปิดช่องเป็นหลัก นับตั้งแต่ฤดูกาล 2010-11
- ชอบ “ตอกส้น” เมื่อบอลมาข้างหลังจนนำไปสู่ประตู และแอสซิสต์
- ฟรีคิก ตั้งแต่ฤดูกาล 2014-15 จะเป็นการยิงอัดกำแพง ลุ้นให้ทะลุกำแพงไป เพราะขาไม่สามารถใช้ “นัคเคิลบอล” ได้แล้ว
รูปแบบการเล่น
- เวลาเตรียมสวนกลับจะยืนริมเส้นเพื่อให้มีตัวประกบคนเดียว เมื่อบอลมาถึงตัวก็จะลากผ่านตัวประกบเข้าไปยิงประตู
- เวลาทีมทำเกมรุกจะเคลื่อนที่หาพื้นที่ว่างบริเวณกรอบเขตโทษทั้งข้างในและข้างนอกรอทำประตู
รวมประตูกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : https://www.youtube.com/watch?v=JC90NBGC_bA
ฤดูกาล 2003/04 : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
แผนการเล่น : 4-2-3-1
ตำแหน่ง : ปีกขวา
คริสเตียนโน่ โรนัลโด้ ถูกซื้อมาเป็นปีกเพื่อทดแทน “เดวิด เบ็คแฮม” ที่ย้ายไป “รีล มาดริด”
ในฤดูกาลแรกก็เล่นแบบปีกโบราณ ลากไปเส้นหลังแล้วครอส หรือลากเลื้อยผ่านคู่ต่อสู้ไปยิงเอง
เขาได้แสดงความสามารถในการหาพื้นที่ ด้วยการโหม่งประตูในนัดชิงเอฟ.เอ.คัพ. ได้
ฤดูกาล 2004/05 : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
แผนการเล่น : 4-4-2
ตำแหน่ง : ปีกขวา
เมื่อได้ “เวย์น รูนีย์” เข้ามาก็ปรับเป็น 4-4-2
แต่ “เวย์น รูนีย์” ก็ชอบลงต่ำจนทำให้ฤดูกาลนี้ “คริสเตียนโน่ โรนัลโด้” ได้ขยับเข้ามาเติมในกรอบเขตโทษมากขึ้น
โดยในเกมที่ชนะอาร์เซน่อล 4-2 คริสเตียนโน่ โรนัลโด้ ทำได้ 2 ประตูจากการเติมเข้าไปในกรอบเขตโทษ
ฤดูกาล 2005/06 : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
แผนการเล่น : 4-4-2
ตำแหน่ง : ปีกขวา
ฤดูกาลนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ มีการพัฒนาขึ้นตามลำดับ
ฤดูกาล 2006/07 : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
แผนการเล่น : 4-4-2
ตำแหน่ง : ปีกขวา
เมื่อ “รุด ฟาน นิสเตลรอย” ย้ายไป “รีล มาดริด” จึงเหลือหลุยส์ ซาฮา, รูนีย์ และอลัน สมิธที่ชอบเคลื่อนที่ไปทั่ว
การเล่นในแดนหน้าจึงมีการเคลื่อนที่หมุนเวียนตำแหน่งระหว่างเกม
คริสเตียนโน่ โรนัลโด้ เลยได้แสดงความสามารถในด้านการทำประตู และการเล่นเป็นปีกไปพร้อมกัน
ฤดูกาลนี้ “คริสเตียนโน่ โรนัลโด้” เล่นในตำแหน่งปีกได้ดีที่สุดในชีวิต
ฤดูกาล 2007/08 : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
แผนการเล่น : 4-3-3
ตำแหน่ง : กองหน้ากึ่งปีก
ด้วยความที่ “รูนีย์” และ “เตเวส” ชอบลงต่ำไปในแดนกลาง
“คริสเตียนโน่ โรนัลโด้” เลยต้องยืนค้ำเป็นหน้าเป้าบ่อยครั้ง จนทำประตูในกรอบไปถึง 28 ประตู
แถมลูกฟรีคิก “นัคเคิลบอล” ก็พัฒนาจนใช้ได้อย่างชำนาญ จนเป็นที่มาของการทำประตูไปถึง 42 ประตู
ส่วนการเล่นแบบปีกก็หายไป มีเฉพาะตอนสวนกลับที่ไปยืนเตรียมตัวตรงริมเส้น
ฤดูกาล 2008/09 : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
แผนการเล่น : 4-4-2
ตำแหน่ง : ปีกขวา
เบอร์บาตอฟ เข้ามาเป็นกองหน้า แต่ด้วยความช้าของ “เบอร์บาตอฟ” เลยอยู่เป็นหน้าเป้าตลอดเวลา
คริสเตียนโน่ โรนัลโด้ เลยกลับไปเป็นปีก ที่คอยเติมเข้ากรอบเขตโทษเหมือนเดิม
ฤดูกาลนี้ยิงในกรอบไปแค่ 13 ประตู ส่วนการเล่นเป็นปีกก็มีแค่ 2 ครอสกับ 2 จ่ายตัดหลังจากการลุยไปสุดเส้นหลัง
รวมประตูในลาลีกา : https://www.youtube.com/watch?v=hCF66sUwTkg
ฤดูกาล 2009/10 : รีล มาดริด
แผนการเล่น : 4-3-1-2
ตำแหน่ง : กองหน้า
โค้ชมานูเอล เปเลกรินิ ได้ใช้แผน 4-3-1-2 โดยมี “ริคาร์โด้ กาก้า” ทำเกม
คริสเตียนโน่ โรนัลโด้ ได้เคลื่อนที่อิสระในฝั่งคู่แข่ง ฤดูกาลนี้ทำประตูสวยๆได้เยอะ
แต่ทีมไม่ประสบความสำเร็จ
ฤดูกาล 2010/11 : รีล มาดริด
แผนการเล่น : 4-2-3-1
ตำแหน่ง : กองหน้ากึ่งปีก
ที่จริงช่วงต้นของฤดูกาล “โชเซ่ มูรินโญ่” จับ “คริสเตียนโน่ โรนัลโด้” ยืนติดริมเส้น ส่านอีกฝั่งเป็น “ดิ มาเรีย” คอยสลับซ้ายขวากัน
แต่พอแพ้บาร์เซโลน่า 0-5 เลยปรับ “คริสเตียนโน่ โรนัลโด้” มาให้คอยวิ่งหาจังหวะเข้าทำประตูบริเวณหน้าเขตโทษแทน
สรุป รีล มาดริด ยุค“โชเซ่ มูรินโญ่” เน้นเจาะตรงกลางเป็นหลัก
ด้วยลูกจ่ายอันเฉียบคมของ “โอซิล” และการทำเกมของ “ดิ มาเรีย” ทำให้ “คริสเตียนโน่ โรนัลโด้” ทำประตูในกรอบได้ถึง 34 ประตู
ฤดูกาล 2011/12 : รีล มาดริด
แผนการเล่น : 4-2-3-1
ตำแหน่ง : กองหน้ากึ่งปีก
นี้คือฤดูกาลที่ “คริสเตียนโน่ โรนัลโด้” เล่นดีที่สุด ทำประตูได้มากมาย และยังไม่ทิ้งการเล่นริมเส้น
รีล มาดริด เป็นแชมป์ลาลีกา ด้วยคะแนน 100 คะแนน ยิงไปถึง 121 ประตู
โอซิล ตัวทำเกมหลัก 17 แอสซิสต์ ส่วนดิ มาเรีย 15 แอสซิสต์ สลับกันเล่นกับ กาก้า 7 แอสซิสต์
ถ้าคำว่า “พีค” คือเล่นได้หลากหลายและทำได้ดีฤดูกาลนี้น่าจะพีคที่สุดนะครับ
ฤดูกาล 2012/13 : รีล มาดริด
แผนการเล่น : 4-2-3-1
ตำแหน่ง : กองหน้ากึ่งปีก
ฤดูกาลนี้ “คริสเตียนโน่ โรนัลโด้” มุ่งมั่นที่จะเข้าไปในเขตโทษอย่างมาก ไม่ค่อยฉีกออกริมเส้นแล้วยกเว้นเวลารอสวนกลับ
“คริสเตียนโน่ โรนัลโด้” ทำประตูในกรอบเขตโทษถึง 39 ประตู
แต่ในฤดูกาลนี้ “โชเซ่ มูรินโญ่” มีปัญาหากับขาใหญ่ในทีมเลยต้องแยกทางกันหลังจบฤดูกาล
ฤดูกาล 2013/14 : รีล มาดริด
แผนการเล่น : 4-4-2
ตำแหน่ง : กองหน้า
เมื่อ “คาร์โล อันเชล็อตติ” เข้ามาทีมก็เปลี่ยนเป็นโจมตีจากริมเส้น
“แกเร็ธ เบล” ปีกความเร็วสูง มาแทน “โอซิล” กลางรุกสายจ่ายบอล
“มาร์เซโล่” แบ็กซ้ายได้เติมเกมรุกอย่างโดดเด่น
ดิ มาเรีย ก็ยังอยู่ และเป็นคนที่เล่นดีจนทีมได้แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยน ลีก กับโคปา เดอะ เรย์
คริสเตียนโน่ โรนัลโด้ เป็นกองหน้ายืนคู่กับ “คาริม เบนเซม่า” มีหน้าที่ต่อบอลกับเพื่อนและวิ่งเข้ากรอบเขตโทษทำประตู
แผนนี้ทำได้ดีในบอลถ้วย แต่ในลีกไม่ได้ผลเพราะมีกลางแค่สองคนเอง ในยุคที่เน้นสู้กันแดนกลาง
รวมประตูในแชมเปี้ยนส์ลีก 2013/14 : https://www.youtube.com/watch?v=8bPwRcmHqxQ
ฤดูกาล 2014/15 : รีล มาดริด
แผนการเล่น : 4-4-2
ตำแหน่ง : กองหน้า
ซาบี อลอนโซ่ ออกไป โทนี่ โครส เข้ามายืนคู่กับ “ลูก้า โมดริช” แทน
แต่โครส เกมรับสู้อลอนโซ่ไม่ได้ ทีมเลยล้มเหลวจนต้องแยกทางกับ “คาร์โล อันเชล็อตติ”
ส่วนแนวรุก “ฮาเมส โรดริเกซ” ประสานงานได้ดีกับ “คริสเตียนโน่ โรนัลโด้” และ “เบนเซม่า”
ฤดูกาลนี้ “คริสเตียนโน่ โรนัลโด้” มีสถิติดีที่สุดในชีวิต ยิง 61 จ่าย 20
ฤดูกาล 2015/16 : รีล มาดริด
แผนการเล่น : 4-4-2 ตอน “ราฟาเอล เบนิเตซ”, 4-3-3 ตอน “ซีดาน”
ตำแหน่ง : กองหน้า
ต้นฤดูกาลแต่งตั้ง “ราฟาเอล เบนิเตซ” มาคุมแต่แผนยังแบบเดิม เลยโดยบาร์เซโลน่า ถล่ม 4-0
ขึ้นปี 2016 ราฟาเอล ที่ความสัมพันธ์ไม่ดีกับทุกคนในสโมสร เลยโดยไล่ออก รีล มาดริด เลยแต่ตั้ง “ซีดาน” แทน
ซีดาน เปลี่ยนแผนการเล่นเป็น 4-3-3 ค้นพบกลางสามคนที่ลงตัว คือ คาเซมิโร่, โครส และโมดริช เป็นจุดเปลี่ยนให้ทีมได้แชมเปี้ยนลีก
แนวรุก 3 ประสาน เบล, คริสเตียนโน่ โรนัลโด้ และเบนเซม่า ยืนห่างกันคอยหมุนเวียนตำแหน่งโจมตีคู่ต่อสู้
รวมประตูในแชมเปี้ยนส์ ลีก 2015/16 : https://www.youtube.com/watch?v=osBExPqSbLw
ฤดูกาล 2016/17 : รีล มาดริด
แผนการเล่น : 4-3-1-2
ตำแหน่ง : กองหน้า
เนื่องจาก “เบล” เจ็บ เลยต้องใช้ “อิสโก้” ในตำแหน่งกลางรุก ส่วน “เบนเซม่า” เสียสละตัวเองวิ่งไล่ในแดนหน้าจนยิงน้อยลง
“ดานิ การ์บาฆาล” แบ็คขวาก้าวขึ้นมาทำเกมรุกได้อย่างโดดเด่น เติมขึ้นไปจ่ายให้ “คริสเตียนโน่ โรนัลโด้” ทำประตูในนัดชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
สามประสานในแดนกลาง ก็ประสานงานอย่างลงตัวทั้งรุกและรับ จนได้แชมป์ลีก และแชมเปี้ยนส์ ลีก
คริสเตียนโน่ โรนัลโด้ ในเกมรอบ 8 ทีม, รอบรอง และรอบชิง ทำประตูได้ทุกรอบด้วยการหาตำแหน่งที่ยอดเยี่ยม เล่น 5 นัด ทำประตูได้ 4 นัด ยิง 10 ประตู
ถ้าทำไมฤดูกาลนี้ไม่ใช่ฤดูกาลที่ “คริสเตียนโน่ โรนัลโด้” พีคที่สุด เพราะสถิติแกมาจากการหาตำแหน่งที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น
รวมประตูในแชมเปี้ยนส์ ลีก 2016/17 : https://www.youtube.com/watch?v=r94dnzdJd60
ฤดูกาล 2017/18 : รีล มาดริด
แผนการเล่น : 4-3-1-2
ตำแหน่ง : กองหน้า
ฤดูกาลสุดท้ายของ “คริสเตียนโน่ โรนัลโด้” กับรีล มาดริด ถึงสถิติจะดีก็เถอะ แต่แกเชื่องช้าไปเยอะ
เบนเซม่า วิ่งไล่บอลเสียสละเพื่อทีมจนความเฉียบคมหายไปเลย
แต่สามประสานในแดงกลางยังคงยอดเยี่ยมพาทีมคว้ายูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 3 สมัยติดต่อกัน
รวมประตูในแชมเปี้ยนส์ ลีก 2017/18 : https://www.youtube.com/watch?v=C-RGc1V_Zq0
ปิดท้ายด้วยการแนะนำ 3 ประสานในแดนกลางรีล มาดริด
คาเซมิโร่ แย่งบอลเก่ง ยืนตำแหน่งเกมรับดี แถมยังยิงขึ้นนำยูเวนตุส 2-1 ในนัดชิง UCL 2017
โครส จ่ายบอลแม่น อ่านเกมดี เปลี่ยนเกมรับเป็นรุกได้รวดเร็ว
โมดริช วิ่งขึ้นวิ่งลงไม่มีหมด เชื่อมเกมต่อบอลกับเพื่อนรวมทีมทำให้เกมไหลลื่น