สวัสดีคร้า นี่เป็นกระทู้แรกของพวกเรา หลังจากที่แอบซุ่มอยู่ในนี้มานาน วันนี้เลยอยากจะมารีวิวการไปเที่ยวสิงคโปร์ช่วงวันหยุดที่ผ่านมา 4 วัน 4 คืน (5-9 ก.ค. 60) ในแบบฉบับของพวกเรา (ฉบับคนงบน้อยแต่อยากเที่ยว) !!
ไปค่ะ แลกเงินกันก่อน
ทริปนี้พวกเรามีสมาชิกทั้งหมด 3 คน // ช่วงนั้น สายการบิน Scoot ใจดีออกตั๋วโปร พวกเราสอยมาได้ที่ราคาไป-กลับ คนละ 3,2xx บาท (รวมน้ำหนักกระเป๋า 20 กิโล ที่หารกัน 3 คน)
โดยเดินทางคืนวัน 5 ก.ค. 60 เวลา 22.55 น. ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เครื่องบินก็พาเรา landing ถึงสนามบินชางงี ไปถึงก็รีบเดินเข้า ตม.เลยค่ะ ณ ตอนนั้นเวลาประมาณ ตี 2 คึ่ง (เวลาที่สิงคโปร์เร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง) ไม่รู้ว่าเรากับ ตม. ใครง่วงกว่ากัน 55555
ตม.แทบไม่ถามอะไรเลย พอปั๊มผ่านให้ เราก็ยิ้มให้ ตม. 1 ที พร้อมหยิบลูกอม 1 กำใหญ่ (ก็มันอร่อยนี่หนา)
รับกระเป๋าเรียบร้อยก็หาที่นอนสิค่ะ ง่วงเหลือเกินพี่จ๋า zZZ และด้วยความที่งบน้อยไง จะจองที่พักเพิ่ม 1 คืนมันก็ไม่คุ้มไงแก นอนไม่กี่ชั่วโมงเอง ก็หาที่นอนมันที่สนามบินนั่นแหละ 55555 สรุปยังไงล่ะ ,, แทบไม่ได้ค่ะคุ๊ณณณ แอร์ที่สนามบินหนาวมากกกกกก ! ก็นั่งๆ นอนๆ เล่นกันไป จนประมาณ 6 โมงเช้าของวันที่ 6 ก.ค.60 เราก็ไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟัน เตรียมตัวตะลุยสิงคโปร์ ,, เย่ ไปค่ะ เอาของไปเก็บที่พักก่อน ทริปนี้เราพักกันที่ 5footway.inn Project Boat Quay (จริงๆที่พักนี่มีหลายสาขานะคะ แต่เราเลือกที่นี่เพราะวิวล้วนๆ) ที่พักเราอยู่ที่สถานี Clarke Quay ทางออก E ออกมาแล้วเลี้ยวซ้าย มองหาป้าย Under Pass แล้วลอดไป 2 อุโมงค์ ตรงไปเรื่อยๆ จะอยู่ทางขวามือ (อันนี้รูปของที่พักเองค่ะ)
จากนั้นเราก็จัดการติดต่อฝากกระเป๋าไว้ก่อน เพราะเช็คอินได้ตอนบ่าย 3 นู่นนน ซึ่งตอนนี้เวลาประมาณ 8 โมงกว่า ,, กองทัพต้องเดินด้วยท้องค่ะ พวกเราเลยเดินจากที่พักไปหาไรกินแถวย่าน China Town เดินตาม Google Map ชมวิว ชมนก ชมไม้ ถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยๆ
จนไปถึงร้าน Tak Po Dim Sum Restaurant ร้านนี้คนไทยมาเยอะแน่ๆ เพราะมีเมนูภาษาไทยด้วยแหละ
เติมพลังเรียบร้อยก็ไปเที่ยวต่อค่ะ เราเดินไปเรื่อยๆ จนไปถึงวัดพระเขี้ยวแก้ว (Buddha Tooth Relic Temple) วัดนี้มีความสวยงามมาก ใครที่ไป อย่าลืมขึ้นไปชั้นดาดฟ้านะคะ จะมีกงล้อให้หมุนขอพร วิธีการคือ ให้อธิษฐานแล้วจับเดินหมุนขวา 3 รอบ ถ้าครบรอบแล้วจะมีเสียง ติ๊ง! บอกค่ะ
และด้วยความที่เมื่อคืนแทบไม่ได้นอนบวกกับบรรยากาศอันร่มรื่นบนชั้นดาดฟ้าของวัด ,, นั่งเล่นกันอยู่สักพัก พวกเราก็เผลองีบหลับกันไปตอนไหนก็ไม่รู้จ้า
(นี่แหละน้า เพราะความงกแท้ๆ 55555) งีบสักพักเราก็ออกลุยกันต่อ
เดินผ่านเซเว่น เลยแอบแว้บเข้าไปดูซะหน่อย เจอชานมไต้หวันในตำนานเลยสอยมาชิมกันคนละรส คนละขวด (เราว่า Latte อร่อยสุด แต่ก็แล้วแต่คนชอบเนอะ)
มองนาฬิกา เที่ยงแล้วจ้า ท้องเริ่มร้องอีกแล้ว ไปค่ะ ไปกิน Signature ของสิงคโปร์กัน นั่นคือ “ข้าวมันไก่” นั่นเอง ไปกันที่ Maxwell Food Centre ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับวัดพระเขี้ยวแก้วนั่นแหละ ตอนที่เราไปคือเดินวนไปมา คือเรามองไม่เห็น Maxwell Food เพราะมีการก่อสร้างอยู่แถวนั้น สรุปก็ถามคนแถวนั้น เค้าบอกให้เดินตรงไปแล้วเดินโค้งไปทางซ้ายตามถนน เราก็จะเจอค่ะ เข้าไปถึงก็มองหาร้าน Tian Tian Hainaness Chicken Rice เลยค่ะ ดูดีๆนะคะ มีร้านคล้ายๆ กันหลายร้านเลย พอเจอปุ้บ ก็สั่งโลดดค่ะ เราสั่งมาจานเดียวกินด้วยกัน 3 คน (ไซส์ M)
พอกินเข้าไปแล้วทุกคนลงมติเลยว่า อร่อยจริง !! ไก่นุ่มๆบวกกับน้ำราดชุ่มๆ หื้มมม มันฟินนน เราโชคดีมากที่ไปถึงเร็ว เพราะระหว่างที่กำลังกินนั้นหันไปอีกทีคือคนมาต่อคิวสั่งยาวมากกกก หลังจากอิ่มจากมื้อเที่ยงกันแล้ว เราก็ไปเดินย่อยกันที่ย่าน Tanjong Paga เรื่อยๆ ดูตึกสวยๆ รวมทั้งตึกแดง(Red Dot) ซึ่งเป็นจุดเด่นของย่านนี้
เดินไปเรื่อยๆ จนไปถึงห้าง People’s Park Centre เพื่อไปซื้อบัตรเข้า USS ที่ร้าน Sea Wheel Travel ค่ะ ได้มาในราคา 62 เหรียญจ้า
เดินเล่นสักพัก สมาชิกเริ่มหมดแรงค่ะ ก็เลยนั่ง MRT กลับที่พัก ซึ่งก็เป็นเวลาแค่บ่าย 2 เอง ยังไม่สามารถเช็คอินได้ T_____T แต่นี่เราไม่ได้อาบน้ำมาจะครบ 24 ชั่วโมงแล้วนะแกร๊ (แต่จริงๆ ถ้าจิตใจเราสะอาด น้ำก็ไม่จำเป็นต้องอาบก็ได้เนอะ จิงม่ะ ? 55555) เราเลยลองขอที่พักเช็คอินก่อนเวลา เค้าก็ใจดีมาก ก็ไปเช็คและเตรียมห้องให้เรา ห้องพวกเราเป็นห้องเตียง 2 ชั้นสำหรับ 3 คน มีอาหารเช้าให้ด้วย ที่พักวิวดีเวอร์ แนะนำๆเลยย คนไทยไปพักค่อนข้างเยอะ (อันนี้รูปจากเพจองที่พักเลย เราไม่ได้ถ่ายห้องที่เราพักไว้ ตอนนั้นเราพักห้อง 9 ซึ่งติดกับ Terrace ดังนั้นห้องเราจึงมีหน้าต่างนะจ๊ะ แอบส่องผู้55)
จากนั้นก็อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็ออกไปเทียวกันต่อค่ะ เวลาเย็นๆกับอากาศดีๆแบบนี้ Marina Barrage เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ไปค่ะ นั่ง MRT ไปที่สถานี MRT Marina Bay ทางออก B ออกมาแล้วเลี้ยวขวาจะเจอแยกให้ข้ามถนน ข้าม 2 ต่อ ข้ามมาแล้วจะเลี้ยวซ้ายจะเจอป้ายรถเมล์ ให้นั่งสาย 400 ลง ป้าย B03 Marina Gardens Dr ลงรถแล้วเดินเข้าไป ประมาณ 500 เมตร
เราว่าที่นี้บรรยากาศดีมากอ่า สนามหญ้าเขียวๆ กับ ลมเย็นๆ เหมาะกับการไปนั่งเล่นชิวๆ ถ่ายรูปเก๋ๆ เราชอบตรงนี้มาก สามารถมองดูวิวได้สองแบบ ถ้ามองไปทางทิศตะวันตกก็จะเป็นวิว Marina Bay มองไปทางทิศตะวันออกก็จะเป็นวิวองทะเล
อยากให้ที่ไทยมีแบบนี้จัง
เรานั่งเล่นที่นี่กันสักพักใหญ่ๆ ท้องก็เริ่มเรียกร้องหาอาหารเย็นอีกแล้วจ้า เลยเดินไปหาไรกินกันที่ Satay By The Bay เป็นเหมือนฟู้ดคอร์ท ที่อยู่ระหว่าง Marina Barrage กับ Garden By The Bay ค่ะ เดินวนๆ สั่งมั่วๆ ได้เซทนี้มาจ้า เป็นเหมือนมะตะบะ กับ หมู+กุ้ง สะเต๊ะ เราว่าหมูอร่อยสุด
อิ่มล้าว ก็ไปเดินเล่นที่ Garden By The Bay กัน เดินแค่รอบๆพอค่ะ ไม่ได้เข้าโดมอะไรใดๆทั้งนั้น (งก 5555)
เดินเล่นรอเวลาดูแสงสี ของเหล่าต้นไม้ Supertree ซึ่งจะมีการแสดงวันละ 2 รอบ ครั้งละ 15 นาที รอบแรก 19.45 น. รอบที่สอง 20.45 น. เราดูรอบแรกค่ะ มันอลังการมากอ่า แสงสีกับเสียงมันเข้ากันดีมากทีเดียว ตื่นตาตื่นใจ
แต่ดูได้แปปนึงก็ต้องรีบแทรกตัวออกมา เพราะเราจะรีบไปโชว์ถัดไปค่ะ นั่นคือการแสดงม่านน้ำ ที่ข้างร้าน Louis Vuitton ที่อยู่ริมน้ำ ซึ่งจะแสดงตอน 20.00 น. !!! วิ่งสิค่ะ! 55555 ไปถึงมันก็จะเหนื่อยๆหน่อยแหละ แต่ทันเวลาพอดิบพอดี (จริงๆ ถ้าไม่รีบรอดูรอบถัดไปก็ได้นะคะ แต่พวกเราคืออยากรีบกลับไปนอนค่ะ 5555555)
การแสดงอลังการมากอีกแล้ว
ลั่นชัตเตอร์กัน รัวๆ ทำไมแค่โชว์น้ำพุ ต้องทำอลังการขนาดนี้อ่าแกร๊ งงใจ (การแสดงตรงนี้วันอาทิตย์-พฤหัสบดี จะมี 2 รอบ 20.00 น. กับ 21.30 น. ; แต่ถ้าวันศุกร์-เสาร์ จะมี 3 รอบ 20.00 น. , 21.300 น. และ 23.00 น.)
พอโชว์จบเราก็เดินเล่นกันที่ Marina Bay Sans สักพัก แล้วก็นั่งใต้ดินกลับที่พักค่ะ กลับไปซัดมาม่าที่พกไปจากไทย 555555 จบสำหรับวันแรกค่ะ เพลียร่างมาก
[SR] "สิงคโปร์" เที่ยวครบงบจำกัด^^
ไปค่ะ แลกเงินกันก่อน
ทริปนี้พวกเรามีสมาชิกทั้งหมด 3 คน // ช่วงนั้น สายการบิน Scoot ใจดีออกตั๋วโปร พวกเราสอยมาได้ที่ราคาไป-กลับ คนละ 3,2xx บาท (รวมน้ำหนักกระเป๋า 20 กิโล ที่หารกัน 3 คน)
โดยเดินทางคืนวัน 5 ก.ค. 60 เวลา 22.55 น. ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เครื่องบินก็พาเรา landing ถึงสนามบินชางงี ไปถึงก็รีบเดินเข้า ตม.เลยค่ะ ณ ตอนนั้นเวลาประมาณ ตี 2 คึ่ง (เวลาที่สิงคโปร์เร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง) ไม่รู้ว่าเรากับ ตม. ใครง่วงกว่ากัน 55555
รับกระเป๋าเรียบร้อยก็หาที่นอนสิค่ะ ง่วงเหลือเกินพี่จ๋า zZZ และด้วยความที่งบน้อยไง จะจองที่พักเพิ่ม 1 คืนมันก็ไม่คุ้มไงแก นอนไม่กี่ชั่วโมงเอง ก็หาที่นอนมันที่สนามบินนั่นแหละ 55555 สรุปยังไงล่ะ ,, แทบไม่ได้ค่ะคุ๊ณณณ แอร์ที่สนามบินหนาวมากกกกกก ! ก็นั่งๆ นอนๆ เล่นกันไป จนประมาณ 6 โมงเช้าของวันที่ 6 ก.ค.60 เราก็ไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟัน เตรียมตัวตะลุยสิงคโปร์ ,, เย่ ไปค่ะ เอาของไปเก็บที่พักก่อน ทริปนี้เราพักกันที่ 5footway.inn Project Boat Quay (จริงๆที่พักนี่มีหลายสาขานะคะ แต่เราเลือกที่นี่เพราะวิวล้วนๆ) ที่พักเราอยู่ที่สถานี Clarke Quay ทางออก E ออกมาแล้วเลี้ยวซ้าย มองหาป้าย Under Pass แล้วลอดไป 2 อุโมงค์ ตรงไปเรื่อยๆ จะอยู่ทางขวามือ (อันนี้รูปของที่พักเองค่ะ)
จากนั้นเราก็จัดการติดต่อฝากกระเป๋าไว้ก่อน เพราะเช็คอินได้ตอนบ่าย 3 นู่นนน ซึ่งตอนนี้เวลาประมาณ 8 โมงกว่า ,, กองทัพต้องเดินด้วยท้องค่ะ พวกเราเลยเดินจากที่พักไปหาไรกินแถวย่าน China Town เดินตาม Google Map ชมวิว ชมนก ชมไม้ ถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยๆ
จนไปถึงร้าน Tak Po Dim Sum Restaurant ร้านนี้คนไทยมาเยอะแน่ๆ เพราะมีเมนูภาษาไทยด้วยแหละ
เติมพลังเรียบร้อยก็ไปเที่ยวต่อค่ะ เราเดินไปเรื่อยๆ จนไปถึงวัดพระเขี้ยวแก้ว (Buddha Tooth Relic Temple) วัดนี้มีความสวยงามมาก ใครที่ไป อย่าลืมขึ้นไปชั้นดาดฟ้านะคะ จะมีกงล้อให้หมุนขอพร วิธีการคือ ให้อธิษฐานแล้วจับเดินหมุนขวา 3 รอบ ถ้าครบรอบแล้วจะมีเสียง ติ๊ง! บอกค่ะ
และด้วยความที่เมื่อคืนแทบไม่ได้นอนบวกกับบรรยากาศอันร่มรื่นบนชั้นดาดฟ้าของวัด ,, นั่งเล่นกันอยู่สักพัก พวกเราก็เผลองีบหลับกันไปตอนไหนก็ไม่รู้จ้า
เดินผ่านเซเว่น เลยแอบแว้บเข้าไปดูซะหน่อย เจอชานมไต้หวันในตำนานเลยสอยมาชิมกันคนละรส คนละขวด (เราว่า Latte อร่อยสุด แต่ก็แล้วแต่คนชอบเนอะ)
มองนาฬิกา เที่ยงแล้วจ้า ท้องเริ่มร้องอีกแล้ว ไปค่ะ ไปกิน Signature ของสิงคโปร์กัน นั่นคือ “ข้าวมันไก่” นั่นเอง ไปกันที่ Maxwell Food Centre ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับวัดพระเขี้ยวแก้วนั่นแหละ ตอนที่เราไปคือเดินวนไปมา คือเรามองไม่เห็น Maxwell Food เพราะมีการก่อสร้างอยู่แถวนั้น สรุปก็ถามคนแถวนั้น เค้าบอกให้เดินตรงไปแล้วเดินโค้งไปทางซ้ายตามถนน เราก็จะเจอค่ะ เข้าไปถึงก็มองหาร้าน Tian Tian Hainaness Chicken Rice เลยค่ะ ดูดีๆนะคะ มีร้านคล้ายๆ กันหลายร้านเลย พอเจอปุ้บ ก็สั่งโลดดค่ะ เราสั่งมาจานเดียวกินด้วยกัน 3 คน (ไซส์ M)
พอกินเข้าไปแล้วทุกคนลงมติเลยว่า อร่อยจริง !! ไก่นุ่มๆบวกกับน้ำราดชุ่มๆ หื้มมม มันฟินนน เราโชคดีมากที่ไปถึงเร็ว เพราะระหว่างที่กำลังกินนั้นหันไปอีกทีคือคนมาต่อคิวสั่งยาวมากกกก หลังจากอิ่มจากมื้อเที่ยงกันแล้ว เราก็ไปเดินย่อยกันที่ย่าน Tanjong Paga เรื่อยๆ ดูตึกสวยๆ รวมทั้งตึกแดง(Red Dot) ซึ่งเป็นจุดเด่นของย่านนี้
เดินไปเรื่อยๆ จนไปถึงห้าง People’s Park Centre เพื่อไปซื้อบัตรเข้า USS ที่ร้าน Sea Wheel Travel ค่ะ ได้มาในราคา 62 เหรียญจ้า
เดินเล่นสักพัก สมาชิกเริ่มหมดแรงค่ะ ก็เลยนั่ง MRT กลับที่พัก ซึ่งก็เป็นเวลาแค่บ่าย 2 เอง ยังไม่สามารถเช็คอินได้ T_____T แต่นี่เราไม่ได้อาบน้ำมาจะครบ 24 ชั่วโมงแล้วนะแกร๊ (แต่จริงๆ ถ้าจิตใจเราสะอาด น้ำก็ไม่จำเป็นต้องอาบก็ได้เนอะ จิงม่ะ ? 55555) เราเลยลองขอที่พักเช็คอินก่อนเวลา เค้าก็ใจดีมาก ก็ไปเช็คและเตรียมห้องให้เรา ห้องพวกเราเป็นห้องเตียง 2 ชั้นสำหรับ 3 คน มีอาหารเช้าให้ด้วย ที่พักวิวดีเวอร์ แนะนำๆเลยย คนไทยไปพักค่อนข้างเยอะ (อันนี้รูปจากเพจองที่พักเลย เราไม่ได้ถ่ายห้องที่เราพักไว้ ตอนนั้นเราพักห้อง 9 ซึ่งติดกับ Terrace ดังนั้นห้องเราจึงมีหน้าต่างนะจ๊ะ แอบส่องผู้55)
จากนั้นก็อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็ออกไปเทียวกันต่อค่ะ เวลาเย็นๆกับอากาศดีๆแบบนี้ Marina Barrage เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ไปค่ะ นั่ง MRT ไปที่สถานี MRT Marina Bay ทางออก B ออกมาแล้วเลี้ยวขวาจะเจอแยกให้ข้ามถนน ข้าม 2 ต่อ ข้ามมาแล้วจะเลี้ยวซ้ายจะเจอป้ายรถเมล์ ให้นั่งสาย 400 ลง ป้าย B03 Marina Gardens Dr ลงรถแล้วเดินเข้าไป ประมาณ 500 เมตร
เราว่าที่นี้บรรยากาศดีมากอ่า สนามหญ้าเขียวๆ กับ ลมเย็นๆ เหมาะกับการไปนั่งเล่นชิวๆ ถ่ายรูปเก๋ๆ เราชอบตรงนี้มาก สามารถมองดูวิวได้สองแบบ ถ้ามองไปทางทิศตะวันตกก็จะเป็นวิว Marina Bay มองไปทางทิศตะวันออกก็จะเป็นวิวองทะเล
เรานั่งเล่นที่นี่กันสักพักใหญ่ๆ ท้องก็เริ่มเรียกร้องหาอาหารเย็นอีกแล้วจ้า เลยเดินไปหาไรกินกันที่ Satay By The Bay เป็นเหมือนฟู้ดคอร์ท ที่อยู่ระหว่าง Marina Barrage กับ Garden By The Bay ค่ะ เดินวนๆ สั่งมั่วๆ ได้เซทนี้มาจ้า เป็นเหมือนมะตะบะ กับ หมู+กุ้ง สะเต๊ะ เราว่าหมูอร่อยสุด
อิ่มล้าว ก็ไปเดินเล่นที่ Garden By The Bay กัน เดินแค่รอบๆพอค่ะ ไม่ได้เข้าโดมอะไรใดๆทั้งนั้น (งก 5555)
เดินเล่นรอเวลาดูแสงสี ของเหล่าต้นไม้ Supertree ซึ่งจะมีการแสดงวันละ 2 รอบ ครั้งละ 15 นาที รอบแรก 19.45 น. รอบที่สอง 20.45 น. เราดูรอบแรกค่ะ มันอลังการมากอ่า แสงสีกับเสียงมันเข้ากันดีมากทีเดียว ตื่นตาตื่นใจ
แต่ดูได้แปปนึงก็ต้องรีบแทรกตัวออกมา เพราะเราจะรีบไปโชว์ถัดไปค่ะ นั่นคือการแสดงม่านน้ำ ที่ข้างร้าน Louis Vuitton ที่อยู่ริมน้ำ ซึ่งจะแสดงตอน 20.00 น. !!! วิ่งสิค่ะ! 55555 ไปถึงมันก็จะเหนื่อยๆหน่อยแหละ แต่ทันเวลาพอดิบพอดี (จริงๆ ถ้าไม่รีบรอดูรอบถัดไปก็ได้นะคะ แต่พวกเราคืออยากรีบกลับไปนอนค่ะ 5555555)
การแสดงอลังการมากอีกแล้ว
พอโชว์จบเราก็เดินเล่นกันที่ Marina Bay Sans สักพัก แล้วก็นั่งใต้ดินกลับที่พักค่ะ กลับไปซัดมาม่าที่พกไปจากไทย 555555 จบสำหรับวันแรกค่ะ เพลียร่างมาก