จริงๆเราเคยตั้งกระทู้ไปแล้วรอบนึงค่ะ แต่ว่าก็มาตั้งอีกรอบเพราะเราอึดอัดมาก จริงๆคืออยากระบายออกมาบ้าง จริงๆมันก็สมควรไปพิมพ์ใน word แบบส่วนตัวดีกว่า แต่เราคิดว่าพิมพ์ออกโซเชียลบ้างก็อาจจะดีกว่า (รึปล่าว ฮ่าๆ) อย่างน้อยเราอาจเจอคนที่เจอปัญหาแบบเดียวกับเราหรือบางข้อสงสัยเราอาจมีคำตอบให้เรา อย่างน้อยอาจจะเอาคำพวกนั้นมาปลอบตัวเองได้ก็ยังดีฮ่าๆ
เรื่องเรากับครอบครัวมันจะเป็นแบบนี้เสมอค่ะ มันจะวนลูปไปเรื่อยๆ เราจะไม่คิดมาก ถ้ามีครั้งนึง(และเป็นจุดเริ่มต้นของคำพูดที่เปล่งออกมาแบบไม่นึกถึงจิตใจของเรา)แม่ไม่โกรธ (ใช้คำนี้ได้รึเปล่าเพราะแม่ก็ไม่เคยพูดดีๆกับเราเลยสักครั้ง) จนพูดออกมาประโยคนึงว่า "รู้อย่างนี้ เชื่อพ่อเอาออกไม่เก็บมาเลี้ยงไว้แบบนี้หรอก" คนอื่นเราไม่รู้ว่ามันแรงมั้ย แต่สำหรับเรามันแรงมาก มันเหมือนเสาเข็มที่มีคำว่า "ลูกที่พ่อแม่ไม่ต้องการตั้งแต่แรก" มันปักลงในใจเรา เราก็ไม่รู้ว่าเราทำอะไรผิดเหมือนกันค่ะ บางทีเราอยู่เฉยๆเราก็โดนด่า โดนว่า โดนสาปแช่ง เราก็งงนะคะว่าเฮ้ย นี่อยู่เฉยๆยังโดนด่า (เรารู้หน้าที่ตัวเองดีค่ะ งานบ้านเราช่วยหมดจนไม่มีอะไรแล้วจริงๆถึงจะเอาเวลาที่เหลือมาผ่อนคลายตัวเองบ้าง) บางทีเราก็ถามว่าเราผิดอะไร เราอยู่เฉยๆแล้วเราทำอะไรผิด เขา(แม่) ก็ให้คำตอบเราไม่ได้ แถมยังด่ายังแช่งเราไม่หยุด แช่งให้เราตายก็มี มีครั้งนึงเรากลับมาบ้าน (เราเลือกไปเรียนมหาลัย ตจว เพื่อจะหนีอะไรแบบนี้ค่ะ) พอเราจะกลับหอ แม่ก็จะแช่งให้เรารถคว่ำตายตลอด เราอยู่หอ พ่อแม่เมทโทรหาถามสารทุกข์สุขดิบลูก แต่ของเรานอกจากพ่อแล้วก็ไม่มีใครสนใจเราค่ะ เพราะเรารู้ว่าถ้าแม่โทรมาก็ไม่พ้นด่าและแช่งเราอยู่ดี แต่เราก็อิจฉาคนอื่นนะคะ บางทีมันก็น้อยใจว่า ทำไมที่บ้านเราไม่เป็นแบบนั้นบ้าง จนหลังๆเวลาเมทคุยกับที่บ้านเราจะใส่หูฟังฟังเพลงทันที ฮ่าๆ ก็คิดนะคะว่าคงเป็นเวรกรรมแต่ชาติปางก่อนแหละ ทำไรไม่ได้ จะพูดอะไรกลับก็ไม่ได้ เพราะคำว่าลูกมันค้ำคอ ไม่ใช่เราไม่โมโห ไม่ใช่เราไม่อยากสวนคำพูดกลับให้เขาเจ็บแสบบ้าง แค่ถามว่าทำไรผิด ยังโดนแช่งให้ชาตินี้ทำอะไรก็ไม่เจริญ ตายไปเป็นเปรตปากเท่ารูเข็ม ชาตินี้ไม่ตายดีหรอก บลาๆ จนเราเหนื่อยค่ะ เราไม่อยากเล่าเรื่องนี้ให้พ่อฟัง เพราะเราไม่อยากให้ท่านคิดมาก แค่ทุกวันนี้ส่งเราเรียนก็เหนื่อยมากแล้ว เศรษฐกิจก็ไม่ค่อยดี ทำมาค้าขายก็ลำบาก ท่านก็เครียด เราเลยคิดว่าแบกเรื่องนี้ไว้เองดีกว่า แต่พอมันสะสมมาเรื่อยๆกลายเป็นว่าไหล่ที่แบกคำด่าคำแช่งพวกนี้มันเริ่มแบกไม่ไหวแล้ว คำพูดเจ็บแสบถูกกรอกหูเราทุกครั้งที่เจอหน้าเขา ถ้าทุกคนคิดว่า ปิดเทอมทำไมไม่อยู่หอไป เราบอกเลยค่ะเราคิดถึงพ่อ ที่เรายอมกลับบ้านแต่ละอาทิตย์ (ช่วงเปิดเทอม) เพราะพ่ออยากเจอเรา แล้วเราก็อยากเจอพ่อดด้วยค่ะ อยู่มหาลัยเราก็เหนื่อย เราท้อกับอะไรหลายๆอย่าง เราคิดว่าถ้าได้กลับบ้านมาเจอหน้าพ่อ ได้ยินเสียงพ่อบ้างเราจะหายเหนื่อยบ้าง มันหายเหนื่อยจริงๆค่ะ แต่ก็ต้องทนแบกกับคำสาปคำด่าเพิ่มเข้าไปอีก จนกระทั่งล่าสุด เราได้ค่าขนมรายเดือนเดือนละ 4000 ซึ่งเงินนี้รวมค่าน้ำค่าไฟ ค่ากิจกรรม ค่าชีท ค่ากิน ถ้าเดือนไหนที่ของใช้ส่วนตัวหมด ก็ต้องบวกค่าของใช้เข้าไปอีก เราไม่เคยมีโอกาสได้ไปกินชาบูหมูกระทะ ไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนเหมือนคนอื่นๆ ซึ่งเราโอเค เพราะเราก็มองว่ามันก็ไม่ได้สำคัญ แล้วทีนี้มันเกิดปัญหาค่ะ เราขึ้นปีสอง เราไม่ได้อยู่หอในเนื่องจากเราจองไม่ทัน เราเลยปรึกษาพ่อ ขอไปอยู่หอนอกกับเพื่อน แต่ว่าเราขอเงินเพิ่มอีกพันนึงเพื่อจ่ายค่าเช่า (หารกันมันคนละ1900กว่าบาท เราเลยกะว่าให้พ่อช่วย1000 เราออกอีก900) ทีนี้พอเขารู้เราต้องอยู่หอนอก ก็ด่าก็แช่งเราค่ะ แน่นอนคำพูดเจ็บแสบออกมาอีก และมันทำให้ไหล่ที่แบกทุกคำด่าคำแช่งมันหัก เขาพูดว่า เรามันตัวซวย ตัวถ่วง ถ้าไม่มีเราครอบครัวเขาสบายไปแล้ว จะเกิดมาทำไม เกิดมาแล้วดีแต่สร้างปัญหา ไปตายๆซะไป เราได้ยินฟิวก็ขาดสิคะ เราสวนกลับไปว่า ถ้าเรารู้ว่าเราเกิดมาแล้วจะเจอแบบนี้เราก็ไม่อยากเกิดเหมือนกัน ถ้าตอนออกมาอยู่บนมือหมอแล้วรู้ว่าจะเป็นแบบนี้แล้วเราดิ้นแรงๆได้ เราเลือกดิ้นให้หลุดจากมือหมอแล้วตกมาตายดีกว่า เขาได้ยินก็ยิ่งด่ายิ่งแช่งเราเข้าไปอีก เราเลยตัดสินใจเดินออกจากบ้านมา (ทุกครั้งที่เขาด่าเรา เขาจะด่าตอนพ่อไม่อยู่ค่ะ) เรารู้ว่าอาจจะพูดแรงไป แต่เราทนไม่ไหวจริงๆ เพราะตั้งแต่จำความได้ เราไม่ได้ถูกเขาปฎิบัติตัวว่าเราเป็นลูกเลยสักครั้ง แล้วเราก็ทนมานาน แต่เรารู้สึกโชคดีที่ยังมีพ่ออยู่ ได้ความรักมาบ้าง มันก็พอช่วยเยียวยาได้บ้าง ฮ่าๆ
เราอยากรู้ค่ะว่าคนเป็นแม่เขาพูดทำร้ายเรายังไงก็ได้ เพราะเขาคลอดเราออกมา (กรณีเราคือไม่เต็มใจ แต่เราก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงไม่ทำแท้ง ถ้าทำตั้งแต่ตอนนั้นเราว่าคงโอเคกว่า ฮ่าๆ) หรอคะ
สุดท้ายนี้ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ เราท้อมากค่ะตอนนี้ แต่เราจะพยายามสู้ต่อไป พอได้ระบายบ้างก็โล่ง(ขึ้นมานิด)หน่อย ไม่รู้ว่าแทคห้องถูก ภาษาที่ใช้พิมพ์ถูกรึปล่าว ยังไงก็ขอโทษด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
คนเป็นแม่ จะพูดแช่งลูกตัวเองยังไงก็ได้ใช่มั้ยคะ?
เรื่องเรากับครอบครัวมันจะเป็นแบบนี้เสมอค่ะ มันจะวนลูปไปเรื่อยๆ เราจะไม่คิดมาก ถ้ามีครั้งนึง(และเป็นจุดเริ่มต้นของคำพูดที่เปล่งออกมาแบบไม่นึกถึงจิตใจของเรา)แม่ไม่โกรธ (ใช้คำนี้ได้รึเปล่าเพราะแม่ก็ไม่เคยพูดดีๆกับเราเลยสักครั้ง) จนพูดออกมาประโยคนึงว่า "รู้อย่างนี้ เชื่อพ่อเอาออกไม่เก็บมาเลี้ยงไว้แบบนี้หรอก" คนอื่นเราไม่รู้ว่ามันแรงมั้ย แต่สำหรับเรามันแรงมาก มันเหมือนเสาเข็มที่มีคำว่า "ลูกที่พ่อแม่ไม่ต้องการตั้งแต่แรก" มันปักลงในใจเรา เราก็ไม่รู้ว่าเราทำอะไรผิดเหมือนกันค่ะ บางทีเราอยู่เฉยๆเราก็โดนด่า โดนว่า โดนสาปแช่ง เราก็งงนะคะว่าเฮ้ย นี่อยู่เฉยๆยังโดนด่า (เรารู้หน้าที่ตัวเองดีค่ะ งานบ้านเราช่วยหมดจนไม่มีอะไรแล้วจริงๆถึงจะเอาเวลาที่เหลือมาผ่อนคลายตัวเองบ้าง) บางทีเราก็ถามว่าเราผิดอะไร เราอยู่เฉยๆแล้วเราทำอะไรผิด เขา(แม่) ก็ให้คำตอบเราไม่ได้ แถมยังด่ายังแช่งเราไม่หยุด แช่งให้เราตายก็มี มีครั้งนึงเรากลับมาบ้าน (เราเลือกไปเรียนมหาลัย ตจว เพื่อจะหนีอะไรแบบนี้ค่ะ) พอเราจะกลับหอ แม่ก็จะแช่งให้เรารถคว่ำตายตลอด เราอยู่หอ พ่อแม่เมทโทรหาถามสารทุกข์สุขดิบลูก แต่ของเรานอกจากพ่อแล้วก็ไม่มีใครสนใจเราค่ะ เพราะเรารู้ว่าถ้าแม่โทรมาก็ไม่พ้นด่าและแช่งเราอยู่ดี แต่เราก็อิจฉาคนอื่นนะคะ บางทีมันก็น้อยใจว่า ทำไมที่บ้านเราไม่เป็นแบบนั้นบ้าง จนหลังๆเวลาเมทคุยกับที่บ้านเราจะใส่หูฟังฟังเพลงทันที ฮ่าๆ ก็คิดนะคะว่าคงเป็นเวรกรรมแต่ชาติปางก่อนแหละ ทำไรไม่ได้ จะพูดอะไรกลับก็ไม่ได้ เพราะคำว่าลูกมันค้ำคอ ไม่ใช่เราไม่โมโห ไม่ใช่เราไม่อยากสวนคำพูดกลับให้เขาเจ็บแสบบ้าง แค่ถามว่าทำไรผิด ยังโดนแช่งให้ชาตินี้ทำอะไรก็ไม่เจริญ ตายไปเป็นเปรตปากเท่ารูเข็ม ชาตินี้ไม่ตายดีหรอก บลาๆ จนเราเหนื่อยค่ะ เราไม่อยากเล่าเรื่องนี้ให้พ่อฟัง เพราะเราไม่อยากให้ท่านคิดมาก แค่ทุกวันนี้ส่งเราเรียนก็เหนื่อยมากแล้ว เศรษฐกิจก็ไม่ค่อยดี ทำมาค้าขายก็ลำบาก ท่านก็เครียด เราเลยคิดว่าแบกเรื่องนี้ไว้เองดีกว่า แต่พอมันสะสมมาเรื่อยๆกลายเป็นว่าไหล่ที่แบกคำด่าคำแช่งพวกนี้มันเริ่มแบกไม่ไหวแล้ว คำพูดเจ็บแสบถูกกรอกหูเราทุกครั้งที่เจอหน้าเขา ถ้าทุกคนคิดว่า ปิดเทอมทำไมไม่อยู่หอไป เราบอกเลยค่ะเราคิดถึงพ่อ ที่เรายอมกลับบ้านแต่ละอาทิตย์ (ช่วงเปิดเทอม) เพราะพ่ออยากเจอเรา แล้วเราก็อยากเจอพ่อดด้วยค่ะ อยู่มหาลัยเราก็เหนื่อย เราท้อกับอะไรหลายๆอย่าง เราคิดว่าถ้าได้กลับบ้านมาเจอหน้าพ่อ ได้ยินเสียงพ่อบ้างเราจะหายเหนื่อยบ้าง มันหายเหนื่อยจริงๆค่ะ แต่ก็ต้องทนแบกกับคำสาปคำด่าเพิ่มเข้าไปอีก จนกระทั่งล่าสุด เราได้ค่าขนมรายเดือนเดือนละ 4000 ซึ่งเงินนี้รวมค่าน้ำค่าไฟ ค่ากิจกรรม ค่าชีท ค่ากิน ถ้าเดือนไหนที่ของใช้ส่วนตัวหมด ก็ต้องบวกค่าของใช้เข้าไปอีก เราไม่เคยมีโอกาสได้ไปกินชาบูหมูกระทะ ไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนเหมือนคนอื่นๆ ซึ่งเราโอเค เพราะเราก็มองว่ามันก็ไม่ได้สำคัญ แล้วทีนี้มันเกิดปัญหาค่ะ เราขึ้นปีสอง เราไม่ได้อยู่หอในเนื่องจากเราจองไม่ทัน เราเลยปรึกษาพ่อ ขอไปอยู่หอนอกกับเพื่อน แต่ว่าเราขอเงินเพิ่มอีกพันนึงเพื่อจ่ายค่าเช่า (หารกันมันคนละ1900กว่าบาท เราเลยกะว่าให้พ่อช่วย1000 เราออกอีก900) ทีนี้พอเขารู้เราต้องอยู่หอนอก ก็ด่าก็แช่งเราค่ะ แน่นอนคำพูดเจ็บแสบออกมาอีก และมันทำให้ไหล่ที่แบกทุกคำด่าคำแช่งมันหัก เขาพูดว่า เรามันตัวซวย ตัวถ่วง ถ้าไม่มีเราครอบครัวเขาสบายไปแล้ว จะเกิดมาทำไม เกิดมาแล้วดีแต่สร้างปัญหา ไปตายๆซะไป เราได้ยินฟิวก็ขาดสิคะ เราสวนกลับไปว่า ถ้าเรารู้ว่าเราเกิดมาแล้วจะเจอแบบนี้เราก็ไม่อยากเกิดเหมือนกัน ถ้าตอนออกมาอยู่บนมือหมอแล้วรู้ว่าจะเป็นแบบนี้แล้วเราดิ้นแรงๆได้ เราเลือกดิ้นให้หลุดจากมือหมอแล้วตกมาตายดีกว่า เขาได้ยินก็ยิ่งด่ายิ่งแช่งเราเข้าไปอีก เราเลยตัดสินใจเดินออกจากบ้านมา (ทุกครั้งที่เขาด่าเรา เขาจะด่าตอนพ่อไม่อยู่ค่ะ) เรารู้ว่าอาจจะพูดแรงไป แต่เราทนไม่ไหวจริงๆ เพราะตั้งแต่จำความได้ เราไม่ได้ถูกเขาปฎิบัติตัวว่าเราเป็นลูกเลยสักครั้ง แล้วเราก็ทนมานาน แต่เรารู้สึกโชคดีที่ยังมีพ่ออยู่ ได้ความรักมาบ้าง มันก็พอช่วยเยียวยาได้บ้าง ฮ่าๆ
เราอยากรู้ค่ะว่าคนเป็นแม่เขาพูดทำร้ายเรายังไงก็ได้ เพราะเขาคลอดเราออกมา (กรณีเราคือไม่เต็มใจ แต่เราก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงไม่ทำแท้ง ถ้าทำตั้งแต่ตอนนั้นเราว่าคงโอเคกว่า ฮ่าๆ) หรอคะ
สุดท้ายนี้ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ เราท้อมากค่ะตอนนี้ แต่เราจะพยายามสู้ต่อไป พอได้ระบายบ้างก็โล่ง(ขึ้นมานิด)หน่อย ไม่รู้ว่าแทคห้องถูก ภาษาที่ใช้พิมพ์ถูกรึปล่าว ยังไงก็ขอโทษด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ