เมื่อแม่ไม่ช่วยจ่ายค่าเทอมหรือค่าใดๆทั้งสิ้น เพราะหมดไปกับการมีลูกให้กับพ่อ(เลี้ยง)

...กระทู้นี้ ไม่ได้ตั้งขึ้นเพราะอยากจะประจานชีวิตครอบครัวตัวเองหรอกค่ะ เพียงแค่มีคำถามอยากจะให้ชาวพันทิปได้แสดงความเห็นกันหน่อย
ว่าถ้าคุณมีแม่แบบนี้ "คุณจะทำยังไง" ??? เพราะตัว จขกท เองก็ยังจะทำยังไงไม่รู้เลยค่ะ (ตั้งหัวข้อแบบนี้หลายรอบแล้วด้วย)

...เข้าประเด็นเลยค่ะ ไม่อ้อมค้อมเลย

...เราติดมหาลัยในกรุงเทพค่ะ แน่นอนว่าการใช้ชีวิตในกรุงเทพนั่นมันแสนจะลำบาก เพราะค่าครองชีพมันสูง แต่เราอยากหาประสบการณ์ต่างถิ่น นอกจังหวัดที่เราเรียนมาบ้างค่ะ โลกมันกว้างจริงมั้ย จะให้อยู่ที่นั่นตั้ง 10 ปีคงไม่ไหวละ เราเลยอยากเรียนในกรุงเทพบ้าง อีกอย่างเลยคือ แม่เราทำงานที่กรุงเทพมานานกว่า 10 ปีค่ะ ไปอยู่บ้านแม่ ยังช่วยลดหย่อนค่าใช้จ่ายเรื่องหอได้บ้าง ถ้าขับรถได้ก็จะขับรถแม่ไปเรียน ประมาณงี้
...ก่อนที่เราจะเดินสายสมัครเรียน ทั้งรอบรับตรง แอดมิชชั่นบ้าง แม่เราค่ะเกิดท้องกับพ่อเลี้ยงขึ้นมา ซึ่งทางบ้านเราที่ต่างจังหวัด มารู้ทีหลัง ก็พากันต่อว่าแม่กันยกใหญ่ เพราะการใช้จ่ายค่าคลอด ค่าเลี้ยงดูน้องต่างพ่อมันเยอะ ยิ่งคลอดแถวๆกรุงเทพ หรือปริมณฑลนั่นมันยิ่งแพง...ยายของเรากับน้องสาวร่วมพ่อคนเดียวกันค่ะ ไม่ชอบการกระทำของแม่มากๆๆๆ และไม่ต้องถามค่ะว่าเราชอบมั้ยกับสิ่งที่แม่ทำ ????..."ไม่เลยค่ะ" เพราะใครๆก็รู้ ว่าเรานั่นกำลังจะเข้ามหาลัย แล้วยังไง ถึงได้ท้อง แถมไม่ปรึกษาใครด้วย
...เรานี่หัวเสีย หน้าเสีย เจื่อนไปเลยค่ะ เมื่อแม่บอกกับเรา... ทำไมหรอ เพราะนั่นมันคือ ค่าใช้จ่ายตอนเปิดเทอมไงค่ะะะะะะะะ !!!! เราต้องใช้จ่ายตอนเรียนมหาลัย

...หลังจากที่แม่คลอด และเลี้ยงดูน้องสาวต่างพ่อนั่น ค่าใช้จ่ายทางบ้านแม่เริ่มไม่ค่อยมี เพราะค่านม ค่านู้นนี่นั่น แม่ก็มาลาออกจากงานเพื่อเลี้ยงดูน้องคนสุดท้อง แถมพากันไปเที่ยวเดือนละครั้ง ต้องผ่อนบ้าน ผ่อนรถอีก บลาๆๆๆ สารพัด เวลาเราขอเงินทีนึง พูดเลยค่ะว่าไม่ได้อะไรกลับมาเลย ได้แต่ต่อว่า เทศนาบ้าง... ช่วงปิดเทอมเราก็ทำงานพิเศษนะคะ แต่ไม่พอใช้จ่ายในบ้านเราเลย ปกติแม่จะส่งเงินมาให้ยายใช้ในเรื่องค่าเล่าเรียน ค่าใช้จ่ายในบ้าน แต่พอแม่มีน้องใหม่ ขาดส่ง 2-3 เดือนบ้าง โทรไปถามเรื่องนี้ก็ไม่รับสาย บล็อคไลน์เรา ส่งข้อความไปถามก็ไม่ตอบกลับอีก เหมือนตัดปัญหา หนีปัญหาไปอีก

...เมื่อเราสอบติดมหาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพได้ ก็ต้องมีการชำระค่าเทอม และปี 1 ต้องเสียค่าแรกเข้าอีก ไหนจะค่าชุดนักศึกษา ค่าทำบัตรนู้นนี่อีก แต่ค่าหอ เราคิดได้ว่าแม่เราอยู่ใกล้ ไปมาสะดวก เลยจะไปนอนบ้านแม่แทน แต่.......
"แม่ไม่ให้นอนค่ะ" ..และเราก็ถามอีกว่า "จะช่วยพ่อกับยายออกค่าเทอมให้มั้ย ประมาณ 3 หมื่นบาท"
แม่ตอบกลับค่ะ "ไม่ช่วย"...เรานี่แบบอยากจะตอบกลับว่า แล้วทำไมต้องมีน้อง ถ้าไม่มีมันก็ไม่เป็นแบบนี้หรอก แต่ตอนนั้นเราร้องไห้ค่ะ
แค่ช่วยพ่อกับยายออกค่าเทอมหารสามก็ได้ แต่กลับไม่มี ดังนั้น ค่าหอจึงต้องเด้งขึ้นมาอีกก้อนนึง
พ่อเรากู้จากทางบ้านพ่อที่เชียงใหม่ ส่วนยายเราขายทองเพื่อให้เราไปจ่ายค่าเทอม และยังมีอาที่ช่วยในเรื่องค่าใช้จ่ายในแต่ละวันเป็นรายอาทิตย์
จนกว่าเราจะทำเรื่อง กู้ กยศ. ได้ ส่วนแม่ไม่ต้องพูดถึงค่ะ เหมือนตัดหาง ไม่สนใจ ไม่ใส่ใจเลย...เราก็ไม่ใส่ใจค่ะ
และอีกอย่างเราจะทำงานหารายได้ส่งตัวเองเรียนไปด้วย แบ่งเบาภาระพ่อ ยาย และอาไปในตัว

คุณคิดว่าแม่เราทำแบบนี้ถูกต้องมั้ยคะ ????
คุณคิดว่าแม่เราจะเป็นยังไงในอนาคตถ้าไม่มีเรา ????
และ ถ้าแม่คุณ(สมมตินะคะ)เป็นแบบนี้...พวกคุณจะทำยังไง ?????????

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
ขอคิดต่างกับความเห็นบนๆนะคะ ถึงแม้จขกทจะโตแล้วแต่ก็ยังอยู่ในวัยเรียน น้องเองมิได้เป็นคนงอมืองอเท้า งานพิเศษก็หาทำ ถ้าดิฉันเป็นแม่คนแล้วจะวางแผนช่วยปูทางให้ลูกไปจนสุดทางโดยเฉพาะเรื่องค่าเลี้ยงดู ตามกำลังความสามารถ จะไม่ไปเร่งรีบหาภาระอื่นมาเพิ่ม ถ้าภาระนั้นจะทำให้ดิฉันขัดสนในการดูแลบุตรที่มีอยู่แล้ว

อีกอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ไม่ให้น้องพักด้วยเพื่อลดค่าใช้จ่าย ถ้าเป็นเพราะสามีใหม่ไม่ชอบให้ลูกจากครอบครัวเก่ามาอยู่ใกล้ ผู้ชายแบบนี้ ดิฉันจะไม่แต่งด้วยแต่แรก เพราะถือว่ากีดกันดิฉันไม่ให้ทำหน้าที่แม่

ถามว่าต่อไปให้ทำอย่างไร ทำใจค่ะ แม่น้องเลือกที่จะน้องใหม่เป็นผลให้ตนเองไม่สามารถหรืออยากจะอุปถัมภ์คุณอีกต่อไป แม่ไม่ได้ลำบากมากแต่แรก แต่เลือกที่จะเป็นแบบนี้และลอยแพคุณ แม้กระทั่งเรื่องที่พัก สิ่งที่ทำได้คือใช้เงินจากพ่ออย่างรู้ค่า ทำงานพิเศษต่อไป ขอทุนทุกทาง รอเงินกยศ แต่ถ้าทำทุกอย่างแล้วยังไม่พอ พี่แนะนำให้พิจารณามหาวิทยาลัยเปิด

ในความเห็นพี่ น้องไม่ผิดเลยที่น้องน้อยใจแม่ แต่อย่าเอามาครุ่นคิดจนชีวิตไม่ได้เดินหน้า แม่น้องเลือกที่จะคิดถึงเรื่องของตัวเองก่อนความเป็นอยู่ของหนูกับน้อง แต่แม่ก็เคยได้ส่งเสียน้องมาก่อน อันนี้ก็ต้องระลึกถึงด้วย เอาความขัดสนลำบากที่ต้องเจอมาเป็นพลังผลักไปสู่ความสำเร็จนะคะ
ความคิดเห็นที่ 1
โอโห พอกัน พอเห็นความคิดคุณ ก็ประมาณเห็นความคิดแม่คุณด้วยมั้ง

นั่นคือค่าใช้จ่ายตอนปิดเทอม  !!!!!!!!!!!!!  ความเห็นแก่ตัวมาเต็ม  คุณมองแต่มุมคุณ ไม่มองมุมแม่บ้างล่ะ

โตมาขนาดนี้ ช่วยเค้ากลับได้ก็น่าจะทำ แล้วแต่ความคิดนะ  เลี้ยงมาจนโตขนาดนี้ พอแม่มีน้องใหม่ คุณไม่พอใจ ที่น้องมาแบ่งทุกอย่างไป

คิดเอง โตแล้ว คิดดีหรือคิดแย่
ความคิดเห็นที่ 7
คิดเองเออเองมาตั้งแต่ต้นว่าจะไปเรียนกรุงเทพ จะอยู่บ้านแม่ จะใช้รถแม่
ขนาดอ่านจากมุมของเจ้าของกระทู้ ยังรู้สึกว่าแม่น่าสงสารเลย
ลูกเห็นเป็นแค่ตู้เอทีเอ็ม มีหน้าที่หาเงินมาสนองความต้องการอยากเปิดโลกกว้าง
จะว่าแม่ทิ้งขว้างมาตั้งแต่ต้นก็ไม่น่าใช่ เพราะเขียนเองว่าพอคลอดลูกใหม่ถึงเริ่มจะไม่ส่งค่าใช้จ่ายให้
แสดงว่าก่อนหน้านั้นก็ส่งเสียเลี้ยงดูส่งค่าใช้จ่ายอะไรมาให้ประมาณนึง ก็น่าจะนึกถึงบุญคุณตรงนี้บ้าง

แม่มีชีวิตใหม่ มีเรื่องน่ายินดี ตั้งท้อง มาเล่าให้แม่(ยาย)ให้ลูกอีกสองคนฟัง
แทนที่คนในครอบครัวจะยินดีไปด้วย กลับตำหนิต่อว่า ทั้งๆที่เค้าก็มีปัญญาเลี้ยงดูของเค้ากันเอง
ไม่ใช่ว่าท้องไม่พร้อมแล้วจะมาเป็นภาระให้แม่และลูกอีกสองคนต้องช่วยหาเงินเลี้ยงลูกใหม่ให้เค้านี่นา
ถ้าบอกว่าเป็นอารมณ์น้อยใจหวงแม่ก็ว่าไปอย่าง แต่นี่อ่านดูมีแต่เรื่องเงินล้วนๆ โกรธแม่เพราะแม่ไม่มีเงินให้

ในสายตาเรา แม่คุณไม่ผิดค่ะ และถ้าไม่มีคุณในอนาคตเค้าก็คงไม่เป็นไร
ถ้าเป็นเรา เราก็ก้มหน้าทำงานหาเงินไป กู้ กยศ. หรืออะไรก็ได้ กินอยู่ประหยัดหน่อย ไม่ไหวจริงๆก็กลับไปเรียนต่างจังหวัด
เรียนจบแล้วค่อยเข้ามาเปิดโลกกว้างในกรุงเทพก็ได้ กรุงเทพฯมันไม่หนีไปไหนหรอก อีกไม่กี่ปีเอง
แต่จริงๆมหาวิทยาลัยในกรุงเทพหลายที่มีทุนช่วยเหลือเยอะนะ ลองเข้าไปหาข้อมูลดูว่าที่ๆคุณเรียนมีโครงการช่วยเหลืออะไรมั้ย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่