ถามความเห็นค่ะ เราอคติกับแม่สามีมากเกินไปหรือเปล่าคะ?

มีเรื่องจะถามหน่อยค่ะ อยากได้ความเห็นคนทั่วๆไปที่ไม่รู้จักเราในชีวิตจริง
ถือซะว่าอ่านเรื่องเราเพื่อแนะนำ+แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันนะคะ
มันเหมือนเป็นเรื่องหยุมหยิมในครอบครัว แต่เพราะมันหยุมหยิมสะสมกันมาหลายเรื่องต่อหลายเรื่อง

เรากับสามีอยู่กิน+จดทะเบียนกันมาเข้าปีที่ 4 เราอายุ 36 เค้า 29
ก่อนหน้านี้มีปัญหาเรื่องช่องว่างอายุ/ทัศนคติและการใช้ชีวิตมาเยอะพอสมควร
ทั้งเรื่องการทำงาน หน้าที่ ความรับผิดชอบของเค้าที่ค่อนไปทางน้อย และเคยติดเพื่อน
ติดการพนัน ชอบทำอะไรไร้สาระและยังติดแม่มากเกินไป จนมีปัญหากับเราอยู่บ่อยๆ
แต่ทุกอย่างเราก็พยายามเข้าใจ อดทน ให้โอกาส พยายามผลักดันให้เค้ามีชีวิตที่ดีขึ้น
เพราะเชื่อมั่นมาตลอดว่าโดยเนื้อแท้แล้วเค้าเป็นคนดี คนเราหลงผิดได้ ขึ้นอยู่กับว่าจะดึงสติกลับมาได้หรือเปล่า
เราพร้อมให้โอกาสคนที่เรารักเสมอ มีปัญหาอะไรก็แก้ทีละอย่าง เดี๋ยวมันก็หมด/หลุดพ้นไปเอง
ผ่านอะไรหลายๆอย่างมาด้วยกันจน ณ ตอนนี้ชีวิตคู่เข้าสู่โหมดปกติเข้าที่เข้าทางมาพักใหญ่ๆแล้ว
ความสัมพันธ์โดยรวมดีขึ้นมาก เรื่องที่เค้าเคยเป็น/เคยทำ ก็จางลงไป อะไรหลายๆอย่างก็โอเคกว่าที่เคยค่ะ

แต่ยังมีอยู่เรื่องเดียวเหมือนที่เคยเป็นมา คือแม่สามี
เรากับแม่เค้าเข้ากันไม่ได้เลย (เหมือนที่เคยเป็นมาตั้งแต่วันแรก)
แม่เค้าอายุ 61-62 เป็น single mom(หย่า) ตั้งแต่สามีเราอายุสิบกว่าขวบ
และเรากับสามีจะมีปัญหากันทุกครั้งในทุกเรื่องที่มีแม่สามีเข้ามาเกี่ยว
เหมือนชีวิตกำลังไปได้ดีซักพัก พอมีแม่สามีเข้ามาเมื่อไหร่ ก็จะทะเลาะกันทุกครั้งไป

แต่หลังจากที่เราเจออะไรมาเยอะแล้ว ทั้งเรื่องส่วนตัวกับสามีและนิสัยส่วนตัวของแม่เค้าที่เราได้เรียนรู้มา
เราเลยเลือกจะปล่อยวางไปซะ แม่เค้าเป็นแม่มด เปลี่ยนยาก เปลี่ยนที่ความคิดเราง่ายกว่า
อีกอย่างเพราะเราเองก็เบื่อจะพยายามแล้วด้วย ต่างคนต่างอยู่ ไม่เปลืองพลังงานชีวิตดี เราเอาเวลาไปทำมาหากินดีกว่า
แต่ก็ยังมีบางเรื่อง ที่ถ้าเค้าล้ำเส้นเรามาเราจะไม่ยอม ครอบครัวใครครอบครัวมัน อย่ามายุ่มย่ามวุ่นวายเกินความจำเป็น

ปัจจุบัน สามีไปขายของกับแม่ค่ะ เที่ยงวันถึงเที่ยงคืน ไม่มีวันหยุด (จะหยุดได้ก็ต่อเมื่อแม่เค้าอยากหยุด)
ซึ่งตอนแรก เรากับสามีทะเลาะกันเรื่องนี้มาเยอะพอควร เพราะเราไม่เห็นด้วยที่จะไปขายของกับแม่
เรามองแบบคนโดนมาเยอะแล้ว (คนใกล้ตัวหักหลัง) ว่าถ้าเค้าไปทำ เค้าจะไม่ได้อะไร
คือทำแค่ผ่านไปวันๆ แม่เค้าเก็บเงินหมด และเราก็พึ่งมารู้ไม่นานนี้ ว่าที่แม่เค้าชวนไป คุยกันเรื่องรายได้อีกแบบ
แต่พอเอาเข้าจริงเป็นอีกแบบ ทุกวันนี้กลายเป็นแม่เค้าจ้างเค้าให้ทำงานให้ จ่ายค่าแรงวันละ 300
(ขายของได้วันละ 3-5 พัน ยังไม่หักค่าใช้จ่ายซึ่งอยู่ประมาณ 70% ของรายรับ/เดือน)
แต่เรากับสามีคนละกระเป๋ากัน เรามีรายได้เยอะพอสมควร 6 หลักต่อเดือน ตัวเราไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน
เค้าจะหาเงินได้มากน้อยไม่ส่งผลกระทบทางการเงินกับเรา แต่เราเดือดร้อนตรงที่ เรามั่นใจว่า ถ้าสามียังทำงานอยู่กับแม่แบบนี้
เค้าจะไม่มีอนาคต และไม่มีวันมีอะไรเป็นของตัวเอง

สามีให้เหตุผลว่าเค้ามีแม่คนเดียว แม่อยู่ตจว.คนเดียวก็เหงา อยากมาอยู่กับลูก
ทุกวันนี้คือแม่เค้ามาเช่าอพาร์ทเมนท์อยู่ (เราไม่รู้ว่าที่ไหน) ตอนแรกบังคับให้สามีเราย้ายไปอยู่กับเค้า (ขนของไปหมดแล้ว)
เรายื่นคำขาดว่าถ้าจะไปกินไปนอนที่นู่น ก็ไปหย่ากันเลยมันจะได้จบๆ สามีเลยไป-กลับหาเราทุกวัน
ยกเว้นวันที่เค้าไปเตะบอลกับเพื่อน (เตะเลิก ตี 2 ตี 3 ไม่อยากให้เค้าขับรถมาหาเราดึกๆ อยากให้พักผ่อน)
ที่เค้าไปๆมาๆแบบนี้ เลิกดึกทุกวัน เอาจริงๆเลยเราไม่ค่อยชอบ เราบอกว่าเค้าขายของเลิกดึกไป
ซัก 4-5 ทุ่มก็ควรปิดร้าน กลับมาพักผ่อนได้แล้ว ทำอะไรเอ้อระเหยลอยชายอยู่เที่ยงคืน ตี1 ทุกวัน

เค้ากับแม่ไปขายของกัน เราก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไปขายที่ไหน แม่สามีไม่ให้บอกเรา
เราเคยอยากรู้ และไม่เข้าใจว่าแม่เค้าทำแบบนี้เพื่ออะไร แต่ตอนนี้ก็ไม่อยากรู้แล้ว เก็บไว้เป็นความลับไปจนวันตายเลยละกัน
ซึ่งเอาจริงๆเราพยายามคิดหลายๆมุม เรื่องแม่หวงลูกชาย ลูกรักแม่ เราก็เข้าใจนะ
แต่เราก็บอกสามีไปว่า ความกตัญญู ไม่ได้แสดงออกด้วยวิธีนี้ คนเราต้องมีอาชีพที่ทำแล้วสามารถเลี้ยงตัวได้
เค้าจะเอาลูกไปเป็นขี้ข้า แล้วคอยเป่าหูปั่นหัวให้ผัวเมียเค้ามีปัญหากันแบบนี้ไม่ได้

สามีกลับบ้านมาทีไรจะมีคำพูดแปลกๆ ความคิดแปลกๆที่เมื่อตอนเค้าอยู่กับเรา เค้าไม่เป็น ติดกลับมาพูดเสมอ
(ยกตัวอย่าง เรารอเค้ากลับมาเพื่อไปกินข้าวกัน เราก็โทรหาเค้า สามีกลับมาพร้อมคำพูดว่า เค้าไม่ได้เป็นสารถีขับรถนะ)
สามีบอกว่า ที่เค้ากลับมานอนกับเราทุกวันแล้วแม่เค้าต้องนอนคนเดียว แม่เค้ายังยอมเลย
ถ้าแม่เค้าไม่ยอมสิ มันจะแปลกมาก เราคิดไปเองคนเดียวใช่มั้ยที่ว่าเค้ากับแม่เค้ามีตรรกะการใช้ชีวิตประหลาดๆ

คือเราอะเข้าใจนะ ทั้งตัวเค้า ทั้งแม่เค้าหรืออะไรก็ตาม แล้วไม่ได้อยากจะให้มาเลือกแม่ เลือกเมียหรืออะไร
พยายามจะอยู่กัน 3 คนให้ได้ แต่แม่เค้าไม่เคยพยายามปรับตัวเลย จนเราเลิกพยายามไป ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน
แต่คำพูดที่สามีติดมาพูดนี่คือ คำพูดแม่เค้าเลย พอเราแสดงออกว่าไม่พอใจ สามีก็เหมือนจะรู้ตัวทุกครั้งและมาขอโทษสำนึกผิด
และเพราะสุดท้ายหลายๆครั้งที่พอมีปัญหาจนถึงจุดแยก สามีจะเลือกเราเสมอ ซึ่งเหมือนแม่เค้าคงรู้แหละ คงไม่พอใจ
เค้ามักจะพูดว่าสามีเรารักเมียมากกว่าแม่ และเราอยากให้สามีเราทิ้งเค้า ซึ่งคำพูดบ้าๆแบบนี้มันไม่ควรหลุดออกมาจากผู้ใหญ่เลย

เราเคยบอกสามีว่า แม่เค้าเป็นคนเห็นแก่ตัวและขี้อิจฉา ถ้าสามียังสปอยด์แม่เค้าด้วยการ ยอม ให้เค้ามาบงการชีวิตไปเรื่อยๆ
เค้าก็จะเป็นได้แค่นี้ มีชีวิตอยู่แค่นี้ ทำงานเที่ยงวันถึงเที่ยงคืนเพื่อเงิน 300 บาท และไม่มีวันมีชีวิตเป็นของตัวเอง
(ก่อนนี้เค้าทำงานโรงแรม และก่อนออกจากงานล่าสุดคือเปลี่ยนแนวไปเป็นผจก ร้านเฉพาะทางแห่งนึง)
เราไม่ได้ดูถูกเงินนะ เงินบาท 2 บาท ร้อย สองร้อยก็เงินเหมือนกัน แต่เราต้องเชื่อมั่นในศักยภาพตัวเองว่าเราทำได้มากกว่านี้
ว่ามีความสามารถที่จะทำงานให้เต็มประสิทธิภาพ เพื่อประสิทธิผลและค่าตอบแทนที่ดีและเหมาะสม
เราคิดว่า เค้าก็มีศักยภาพในตัวเองมากพอที่จะทำอะไรมากกว่ามาคอยรับใช้+ตามใจแม่+เดินตามเค้าต้อยๆแบบนี้

ตอนแรก เค้า 2 คนคงวาดฝันกันไว้เยอะ ซึ่งเราบอกสามีเราตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่รอดหรอก
เรารู้จักคนที่มีนิสัยเหมือนแม่เค้ามาเยอะ รู้จักคนนิสัยเหมือนสามีเรามาแยะ เราฟันธงแต่แรกเลย ว่าไม่โอเค
แล้วเราบอกให้เค้ารอดู ว่าแม่เค้าจะไม่ให้ค่าตอบแทนเค้าอย่างที่เคยพูดไว้ แต่ ณ วันนั้น เค้าไม่ฟังเรา
ก็โอเค ไม่เชื่อ ไม่เป็นไร สิ่งที่เราเตือนที่เราพูด เค้าคงไม่เห็นภาพหรอก มันต้องได้เจอได้เจ็บเอง ถึงจะรู้ว่าเป็นยังไง
แล้วสุดท้ายก็เป็นจริงอย่างที่เราพูด ไปขายของกันเข้าเดือนที่ 4 แล้ว สามีเราก็ยังไม่ได้ค่าตอบแทนเป็นชิ้นเป็นอัน
และเค้าก็ไม่กล้าขัดใจแม่เหมือนเคย แต่เราก็ไม่ได้อยากจะไปสั่งหรือไปบังคับให้สามีเชื่อเรา เราไม่ได้อยากจะไปบงการชีวิตเค้าอีกคน
ก็ให้เค้าได้คิด ได้ทบทวนและตัดสินใจเองว่าทำงาน 12 ชม. ต่อวัน (บางทีเกินด้วย บางวันแม่เค้าโทรมาปลุกตั้งแต่ 8 โมง)
ได้เดือนละ 9,000 มันเพียงพอกับการดำรงชีวิต/สร้างอนาคตของเค้าหรือเปล่า
เราก็ดูอยู่เงียบๆ รอวันเค้าล้ม ไม่ได้รอจะซ้ำเติม แต่รอให้เค้าเจ็บ เพื่อให้เค้าคิดได้เอง

เมื่อก่อนเคยทะเลาะกันมาเยอะเรื่องแม่เค้า วันสำคัญ เทศกาล เค้า 2 คนจะชวนกันกลับบ้านตจว.โดยไม่มีเรา
วันหยุดไปกินข้าว เค้าจะไปกันแค่ 2 คน ไม่เคยชวนเรา กินเสร็จแล้วถึงจะให้สามีกลับมาหาเราอีกที
เราเคยบอกให้สามีชวนแม่เค้าให้ลองไปไหนมาไหนด้วยกัน 3 คน แต่แม่เค้าไม่ยอม เราก็ยังพยายามนิ่งและอดทน ไม่ไปก็ไม่เป็นไร
หลายๆอย่างที่ผ่านมา เราก็มองข้ามไปหมดแล้ว พยายามทำให้เป็นอดีตไป เดี๋ยวซักวันนึง เค้าคงคิดได้เองมั้ง

แต่เหมือนแม่เค้าเป็นโรคจิตอะ ชอบหาเรื่องมาพูด ชอบสร้างประเด็นให้เรากับสามีผิดใจกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เราเป็นคนชอบหาของอร่อยกิน ชอบชวนเค้าไปกินร้านนู้นร้านนี้ ชอบซื้อขนมมาฝากสามี โอเคแหละมันแพง
พวกขนมร้าน Paul, Paris Mikki, Coffee beansฯ แม่เค้าเห็นสามีเราเอาขนมไปกินที่ห้องเค้าหรือที่ร้านเค้าก็จะบ่น
กินขนม อ้วน ฟุ่มเฟือย แพง แม้แต่ Starbucks เราเติมเงินเข้าไปในบัตร สามียังต้องซ่อนใบเสร็จเลย
มันดูบ้าบอและงี่เง่าปัญญาอ่อนมากสำหรับเรา

ที่ผ่านมาเรากับสามีก็อยู่ด้วยกันมาเงียบๆนะ แต่พอแม่เค้ามาอยู่กทม นี่ก็ 3-4 เดือนแล้ว เหมือนชีวิตเปลี่ยนอีกแล้ว
ถึงแม้เราเลือกที่จะไม่เก็บเอาเรื่องแม่เค้ามาใส่ใจ แม่เค้าอยากพูดอะไรก็ปล่อยไป บางทีมีทนไม่ไหวก็มีหลุดแว้ดไปบ้าง
ถ้าแม่สามีเค้าไม่อยากมีส่วนร่วมในชีวิตเรา เราก็ไม่บังคับ เอาที่สบายใจเลย เราสนใจแค่สามีเราก็ได้
เคยทะเลาะกันช่วงแรกๆที่แม่เค้ามาอยู่ และเราเคลียร์กับสามีลงตัวพอสมควรแล้ว ทุกวันนี้เลิกงานกลับมาเจอกัน
เช้ามาสามีก็ไปขายของกับแม่ ค่ำก็กลับมาหาเรา ไปกินข้าวกัน (จะได้เจอกันแค่หลังเที่ยงคืน- ราวๆ10 โมงของอีกวัน)
และเราก็ยังไม่รู้เหมือนเดิมว่าเค้าไปอยู่ที่ไหน ไปขายของที่ไหนกัน

ล่าสุดนี่ เหมือนชีวิตมันจะดีเกินไป แม่เค้าเริ่มหาประเด็นใหม่เข้ามาอีกแล้ว คือ บ่นสามีเราเรื่องเสื้อผ้า
ว่าให้เค้าเอาเสื้อผ้าที่ใส่แล้วกลับไปซักที่นู่นทุกวัน (เฉพาะของสามีเรานะ) แต่ละคืนมาหาเราเอามาคืนละชุดก็พอ
ชุดไหนใส่แล้วก็เก็บกลับไปซักที่นู่น บังคับให้สามีเราเอาเสื้อผ้าไปเก็บไว้ที่นู่นหมด
เค้าบอกว่าจ้างคนซักเดือนละ 700 แต่ไม่มีผ้าส่งให้คนรับจ้างซัก มันไม่คุ้ม เราก็ฝากบอกไปว่าให้เลิกจ้าง
หรือไม่ก็ส่งน้อยชิ้นลง ราคาต่อเดือนจะได้ถูกลง สามีบอกว่าไม่ใช่ร้าน เป็นชาวบ้านแถวนั้นรับซักเอง
ซักมือ ไม่นับชิ้น เหมาเลยเดือนละ 700 ในใจเราคิดว่า จะไปจ้างซักทำไม ไม่มีมือมีเท้าเหรอถึงซักเองไม่ได้ แต่ไม่ได้พูด
ได้แต่ถอนหายใจ สามีเห็นแบบนั้นเลยไม่พูดอะไรกับเราอีก

เค้าสั่งสามีเรามาหลายวันแล้วล่ะ สามีพูดกับเราได้วัน 2 วันแล้ว แต่เค้าเห็นเรานิ่งๆไม่โต้ตอบอะไร เลยไม่กล้าเอาไป กลัวเราโกรธ
คือเราอะ ชอบซักผ้า-รีดผ้าเอง ไม่ชอบให้ใครมายุ่งวุ่นวายกับของส่วนตัว เราซักเองหมด ทั้งของเรา-สามี
ถ้าเราจะจ้าง เราต้องเป็นคนตัดสินใจเอง ไม่ชอบให้ใครมาสั่งหรือตัดสินใจแทน เรื่องที่แม่เค้าสั่งมา เราให้สามีเราคิดเอง
ว่าเรื่องแค่นี้จะทำให้เป็นประเด็นเพื่ออะไร แต่ก็ไม่จบ เมื่อเช้าสามีเรามาพูดกับเราอีกครั้ง ว่าแม่ให้เอาผ้าเค้าไปซักที่นู่น
ซึ่งเราบอกเลยว่าอาจเป็นเพราะมันสะสมมาจากหลายๆเรื่อง เมื่อเช้าเราไม่โอเคแต่เราก็ไม่ได้พูดอะไรมาก
แค่บอกไปนิ่งๆว่า จ้างซักเค้าซักยังไงก็ไม่รู้ สะอาดมั้ยไม่รู้ ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่มใช้แบบไหน
เราไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับของๆเรา เมื่อเช้าพอเราเผลอ เค้าก็เก็บเสื้อผ้าที่ใส่แล้วใส่ถุงไป เราเลยเงียบ
คิดในใจว่าสุดท้าย เค้าก็ยอมให้แม่เค้ามาสั่งจนได้สินะ แต่ถ้าเราพูดว่าไม่โอเค เค้าก็จะตามใจเราแหละ
แต่เรื่องของเรื่องคือ ทำไมต้องรอให้เราบอกว่าไม่โอเค แล้วมันไม่ใช่ครั้งแรก มันมีเรื่องที่แม่เค้าสั่งมาทำนองนี้บ่อย

จากหลายๆเรื่องที่เราต้องทนมา 4 ปีนี้ จนมาถึงเรื่องขี้ปะติ๋วครั้งล่าสุดนี้ มันไม่ใช่แค่เรื่องเสื้อผ้าสำหรับเรา
มันกลายเป็นเรื่องความคิด การใช้ชีวิตและมันกลายเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเรามากเลย
ที่ผ่านมาเค้าไม่เคยต้องรับผิดชอบอะไรในชีวิตเรา เราดูแลตัวเอง เราดูแลเค้า ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเราจ่ายหมด
เราอยากมีโมเมนท์ที่เค้าเป็นผู้นำครอบครัวบ้าง ทำไมเค้าไม่คิด ไปขายของกันกับแม่ ขาดเหลืออะไรก็ให้เราซื้อให้ด้วยซ้ำ

ตอนลงลิฟท์มาเมื่อเช้า เราพูดกับเค้าว่า ถ้าถึงสิ้นปีแล้วเค้ายังยืนยันว่าจะขายของอยู่กับแม่ เราไปหย่ากันนะ
แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก นี่เราปิดโทรศัพท์ตั้งแต่บ่ายแล้ว เราคิดทบทวนว่าเราจะหนีไปอยู่คนเดียวซักพัก
เรากำลังคิดว่า เราให้โอกาสแม่ลูก 2 คนนี้มากเกินกว่าที่เค้าควรจะได้รับมั้ยนะ
แล้วทำไมทุกครั้งที่แม่เค้ามา เค้าถึงได้บ้าไปกับแม่เค้าแบบนี้

คือคนอ่านเป็นคนนอก มองเข้ามาในมุมของเรา คิดยังไงกับเรื่องเรา 3 คนคะ
เราหรือเปล่าที่คิดมากและงี่เง่าไปเองกับเรื่องพวกนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่