ห้องเพลงคนรากหญ้า พักยกการเมือง มุมเสียงเพลง ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม...มีแต่เสียง 4/07/2017 "สมมุติฐานการเลือกตั้ง"

กระทู้คำถาม
สวัสดีเพื่อนๆทุกคนครับ วันนี้ MC มาริโอ้จะพาทุกท่านเข้าสู่บรรยากาศเลือกตั้งกัน แต่เป็นบรรยากาศเลือกตั้งในโลกสมมุติฐาน ภายใต้กติกาการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันครับ

เราจะมาลองพิสูจน์ทางตัวเลขภายใต้กติการการคัดเลือก ส.ส. แบบแบ่งเขต 350 ที่นั่ง และแบบบัญชีรายชื่อ 150 ที่นั่ง  ผู้มีสิทธิโหวตเลือกนายกฯได้คือ ส.ส. ทั้ง 500 เสียง + สว. 250 เสียง

สมมุติฐานแบบสุดขั้วไปเลยว่า  นักการเมืองถูกล้างไพ่กันจนหมดทุกขั้วการเมือง  ทำให้เกิดพรรคการเมืองหน้าใหม่ขึ้นมา 5 พรรคเป็นทางเลือกให้กับประชาชน คือ พรรค A B C D E


ตั้งสมมุติฐานแบบสุดขั้วของแต่ละพรรค

พรรคการเมือง A มีนักการเมืองหน้าใหม่ สดมาก ยิ่งกว่าสวรรค์ประทานมาให้ เพื่อมาแก้ปัญหาให้กับประเทศชาติทุกๆด้าน กระแสตอบรับจากประชาชนแรงมาก ประชาชนทุกส่วนใหญ่หมู่เหล่ารักใคร่ อยากได้มาเป็นนายกรัฐมนตรีไทยที่มาจากการเลือกตั้งมากที่สุด กวาดชัยชนะในการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตกราวรูด 350 เขต ทั่วประเทศ คะแนนรวมพรรคเดียว 28 ล้านเสียงจากผู้มีสิทธิ์และไปลงคะแนน 40 ล้านเสียง ถึงแม้ประชาชนรักแค่ไหนก็ตาม แต่ สว. 250 คนไม่รัก ด้วยเหตุผลส่วนตัวหรือด้วยหน้าที่ๆถูกกำหนดมาให้

พรรคการเมือง B แพ้เลือกตั้งทุกเขต แต่คะแนนรวมของทั่วประเทศที่จะนำมาคิดเป็น ส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อยังมาเป็นอันดับ 2 ได้คะแนนรวม 6 ล้านเสียงจากผู้มีสิทธิ์และไปลงคะแนน 40 ล้านเสียง  และ 250 สว. ไม่ได้เกลียดพรรคนี้

พรรคการเมือง C D E แพ้เลือกตั้งทุกเขต คะแนนรวมของทั่วประเทศที่จะนำมาคิดเป็น ส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อยังมาเป็นอันดับ 3 4 5 ตามลำดับ รวม 6 ล้านเสียง จากผู้มีสิทธิ์และไปลงคะแนน 40 ล้านเสียง

ถึงแม้ว่าพรรคการเมือง A จะชนะทุกเขตการเลือกตั้งก็ตาม แต่ก็จะไม่ได้ ส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อเลยแม้แต่ที่นั่งเดียว เนื่องจากตามกติกาการคัดเลือก ส.ส. จะเป็นตามภาพนี้


เครดิตภาพจาก http://ilaw.or.th/node/4079


ที่มาของ ส.ส. บัญชีรายชื่อ

ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อจำนวน 150 คน เป็นบัญชีเดียวกันทั้งประเทศ โดยพรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งเท่านั้นที่มีสิทธิส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อได้ เนื่องจากการเลือกตั้งจะใช้บัตรใบเดียวคือ หนึ่งคะแนนลงให้ผู้สมัครที่ชื่นชอบในเขตของตน จะถูกนับเป็นหนึ่งคะแนนในการคิดที่นั่ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อให้กับพรรคการเมืองที่ผู้สมัครคนนั้นสังกัดอยู่ด้วย

อย่างไรก็ตาม จำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ไม่ได้แยกขาดจากจำนวน ส.ส.แบบแบ่งเขต เพราะคะแนนทั้งประเทศที่แต่ละพรรคการเมืองได้รับจะถูกนำไปคำนวณเพื่อให้ได้จำนวน ส.ส.ที่พรรคนั้นควรจะมี และเมื่อได้จำนวน ส.ส.ที่แต่ละพรรคควรจะมีแล้ว ให้นำมาหักลบกับจำนวน ส.ส.แบบแบ่งเขต ก็จะทำให้ได้จำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของแต่ละพรรค

วิธีการนับจำนวนที่นั่ง ส.ส.ที่แต่พรรคการเมืองจะได้

(1) นำคะแนนรวมทั้งประเทศที่พรรคการเมืองทุกพรรคได้รับจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตหารด้วย 500 ซึ่งเป็นจำนวนทั้งหมดของ ส.ส.ทั้งสภา

จากรูป ทุกพรรคการเมืองมีคะแนนรวมกัน 40 ล้านเสียง ก็ให้นำมาหารด้วย 500 จะเท่ากับ 80,000  

(2) นำผลลัพธ์ตาม (1) คือ 80,000 ไปหารจำนวนคะแนนรวมทั้งประเทศของแต่ละพรรคการเมืองที่ได้รับจากการเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตทุกเขต จำนวนที่ได้รับจะเป็นจำนวน ส.ส.ที่พรรคการเมืองจะมีได้

เช่น

      พรรค A ได้คะแนน 28 ล้านเสียง เมื่อนำ 80,000 ไปหาร ก็จะได้จำนวน ส.ส.ที่พรรคจะมีได้คือ จำนวน 350 ที่นั่ง เท่ากับ จำนวน ส.ส. เขตที่ชนะมาทุกเขต ทำให้ไม่ได้ ส.ส. ปารืตี้ลิสต์เลยแม้แต่ที่นั่งเดียว

      พรรค B ได้คะแนน 6 ล้านเสียง เมื่อนำ 80,000 ไปหาร ก็จะได้จำนวน ส.ส.ที่พรรคจะมีได้คือ จำนวน 75 ที่นั่ง = ได้ ส.ส. บัญชีรายชื่อ 75 ที่นั่ง

      พรรคการเมือง C D E  ด้คะแนน 6 ล้านเสียง เมื่อนำ 80,000 ไปหาร ก็จะได้จำนวน ส.ส.ที่พรรคจะมีได้คือ จำนวน 75 ที่นั่ง = ได้ ส.ส. บัญชีรายชื่อ 75 ที่นั่ง


จากข้างต้นการโหวตเลือกนายก มีผู้มีสิทธิโหวตเลือกนายกฯได้คือ ส.ส. ทั้ง 500 เสียง + สว. 250 เสียง รวม 750 เสียง




หากพรรค B C D E รวม 150 เสียง (เอาตำแหน่งหรือผลประโยชน์ทางการเมืองเข้ามาแลกเพื่อขอเสียงสนับสนุนร่วมกัน) จับมือกับ สว. 250 เสียง รวมทั้งหมด 400 เสียง โหวตผู้เป็นตัวแทนคัดเลือกนายกฯจากพรรค B ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีไทยได้ แม้เลือกตั้งแพ้ทุกเขตก็ตาม      
และการแก้ปัญหานั่นคือหยิบยื่นผลประโยชน์ทางการเมืองให้กับ ส.ส. งูเห่า เพื่อแลกกับคะแนนโหวตในการยกมือไม่ไว้วางใจในสภา


ในกรณีที่ ไม่สามารถหาข้อสรุปในการแต่งตั้งนายกฯได้ตามมาตรา 88 แล้วนั้น กระบวนการแต่งตั้งนายกฯจะไหลไปที่มาตรา 272 ได้เช่นกัน แต่ตัวนายกรัฐมนตรีจะไม่ใช่ผู้ที่พรรค B ส่ง เข้ามาแข่งคัดเลือก แต่จะกลายมาเป็นนายกรัฐมนตรีจากคนนอกได้รับการโหวตแทน



นายกรัฐมนตรีคนนอกคือใคร ?





สรุป

- ผู้สมัครนายกฯจากพรรค B มีโอกาสเป็นไปได้ ตามรัฐธรรมนูญใหม่นี้ แม้จะเลือกตั้งแพ้ทุกเขตก็ตาม หาก 250 สว. ชื่นชอบ แต่ ตัวนายกฯจากพรรค B นั้นจะต้องดึงงูเห่าออกมาจากพรรค A ให้ได้มากที่สุด เพื่อการยกมือไว้วางใจในสภา  เสถียรภาพรัฐบาลต่ำ

- ผู้สมัครนายกฯคนนอกมีโอกาสเป็นไปได้ในกรณีสมมุติฐานนี้ เนื่องจากการโหวตแต่งตั้งนายกฯ มี สว. 250 เป็นตัวแปรสำคัญ แต่ พรรคร่วมรัฐบาลในกรณีสมมุติฐานนี้จะต้องมีพรรค A เป็นตัวร่วมรัฐบาลเท่านั้น (อาจรวมกับพรรคอื่นเช่น C D E) เพราะ สว. แม้จะโหวตเลือกตัวนายกฯได้ แต่จะไม่มีโอกาสยกมือไว้วางใจตัวนายกฯในสภา หากจะจับมือกับพรรค B จะต้องดึงงูเห่าจากพรรค A เข้ามาร่วมด้วยช่วยโหวตให้ได้มากที่สุด

- ผู้สมัครนายกฯจากพรรค A แม้จะชนะเลือกตั้งทุกเขตก็ตาม แต่มีโอกาศถูกโดดเดี่ยวให้เป็นผู้นำฝ่ายค้าน แม้ว่าจะกวาดที่นั่งในการเลือก ส.ส. ได้ทุกเขตก็ตาม ยกเว้นกรณีที่ได้คะแนนเกิน 3x,xxx,xxx+ ขึ้น ไป ถึงจะพอได้เอาจำนวน ส.ส. บัญชีรายชื่อเข้ามามีส่วนช่วยในการโหวตคัดเลือกตัวนายกรัฐมนตรีได้ จำนวน ส.ส. ที่ได้มานี้สามารถล้มตำแหน่งนายกฯจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาได้ แต่อาจจะมีปัญหา ส.ส. งูเห่าตามมาดังเช่นหลายปีที่ผ่านมา ทำให้การเมืองเข้าสู่วังวนเดิมๆ ไม่มีอะไรดีขึ้นนอกจากผลประโยชน์ส่วนบุคคลทางการเมืองที่ถูกหยิบยื่นให้

- ผู้สมัครจากพรรค C D E จะต้องเลือกว่าคุณจะปกป้องประชาธิปไตยไว้ ปกป้องเสียงและความต้องการของประชาชนไว้ แต่อาจจะต้องแลกมาด้วยการถูกตราหน้าจากคนกลุ่มหนึ่งว่าเป็นนักการเมืองไม่ดี ในขณะตรงข้ามหากเลือกที่จะไปจับมือกับกลุ่ม สว. และพรรค B เพื่อร่วมจัดตั้งรัฐบาลโดยไม่คำนึงถึงความต้องการที่แท้จริงของประชาชน แต่คุณอาจจะได้รับความชื่นชมจากคนกลุ่มหนึ่งว่าเป็นนักการเมืองน้ำดีในยุคประดิษฐ์วาทกรรมทางการเมือง

-  การตั้งสมมุติฐานนี้เป็นการตั้งสมมุติฐานอย่างสุดขั้วเท่านั้น ส่วนความเป็นจริงในการเลือกตั้งเป็นไปได้น้อยหรือเป็นไปไม่ได้เลยที่พรรคใดพรรคหนึ่งจะกวาด ส.ส. ได้ครบทุกเขตทั่วประเทศ ทุกพรรคล้วนมีพื้นที่ที่เป็นฐานคะแนนของตนเองทั้งสิ้น แต่ภาพเหล่านี้จะชัดเจนเป็นรูปธรรมขึ้นขึ้นหลังจากที่มีการจับมือกันจัดตั้งรัฐบาลของพรรคต่างๆและร่วมโหวตเลือกตัวนายกรัฐมนตรีไทยร่วมกับ สว.

-  คหสต ของ MC  มารยาททางการเมือง และความเป็นสุภาพบุรุษทางการเมือง สำคัญที่สุด หากต้องการรักษาระบอบประชาธิปไตยไว้ให้กับลูกหลานในอนาคต จงทำวันนี้ให้เป็นตัวอย่าง จงยึดถือบรรทัดฐานให้มากกว่าความต้องการทางการเมืองที่ไม่มีอะไรยั่งยืน ก่อนที่ประเทศจะไร้ซึ่งบรรทัดฐานและอย่าไปยึดติดกับอำนาจที่ประชาชนไม่ได้อยากหยิบยื่นให้   ในโลกนี้ขึ้นชื่อว่าการเมือง จะให้มีสักกี่ขั้วก็ตาม ขั้วของตนล้วนยึดติดและนำเสนอว่าขั้วของตนนั้นดี ขั้วอื่นมันชั่วมันเลวมันโกงมันไม่ดีไปกว่าตนทั้งนั้น แต่กรรมการที่เป็นกลางที่สุดนั่นคือเสียงของประชาชนทั้งประเทศที่กำลังยืนมองแต่ละขั้วของพวกคุณอยู่ห่างๆ จะเป็นผู้กำหนดเองว่าประชาชนต้องการใครที่มาบริหารประเทศของพวกเขาอย่างแท้จริงเมื่อพวกเขามีโอกาส










ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ

1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม

กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน  ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น....
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่