ต้องอ่าน! “สติธร” ชำแหละ “เลือกตั้งบัตรใบเดียว” สุดพิสดาร ระเบิดเวลา ‘นายกฯ คนนอก’
https://www.khaosod.co.th/politics/news_1977861
ต้องอ่าน! “สติธร” ชำแหละ “เลือกตั้งบัตรใบเดียว” สุดพิสดาร ระเบิดเวลา ‘นายกฯ คนนอก’
บัตรเลือกตั้ง – เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 19 ธ.ค. ที่อาคารจามจุรี 4
นายสติธร ธนานิธิโชติ นักวิชาการ สถาบันพระปกเกล้า กล่าวในงานเสวนา “เลือกตั้ง กุมภาฯ 62 ฟรีและแฟร์สำหรับใคร?” ถึงความเสรีและเป็นธรรมทั้งก่อนและหลังการเลือกตั้ง ใจความว่า ก่อนการเลือกตั้งนั้น บัตรเลือกตั้งใบเดียว ในระบบจัดสรรปันส่วนผสม ยังมีคำถามที่ต้องตอบถึงความเสรีและเป็นธรรมคือ ถ้ามันปิดโอกาสให้มีพรรคเดียวเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก ก็ตอบเลยว่า ไม่เป็นธรรม แต่ระบบนี้ ก็ตอบได้ว่า ไม่ได้ปิดโอกาส ที่พรรคการเมืองหนึ่งจะได้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง หรือ 251 เสียง เป็นรัฐบาลพรรคเดียวได้ แม้ยากมาก แต่มีความเป็นไปได้
พรรคเล็กส่งไม่ครบซวยแน่-ตัดสิทธิ์ปชช.
ระบบแบบนี้ยังไม่เป็นธรรมกับผู้ลงสมัครส.ส.แบบเขตของพรรคการเมือง ที่เหมือนเป็นนักรบไปเก็บคะแนนให้บัญชีรายชื่อ จะเป็นปัญหาของพรรคเล็ก แต่พรรคใหญ่เขตอาจไม่มีปัญหา แต่บัญชีรายชื่อก็อาจไม่ได้เช่นกัน ส่วน ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ก็ไม่ได้รับความเป็นธรรม ถ้าทุกพรรคการเมืองส่งได้ไม่ครบ 350 เขตเลือกตั้ง ซึ่งคาดว่ามีแค่ 4 พรรคที่จะส่งครบทุกเขตได้ ก็หมายความว่า มันจะไม่เสรีกับประชาชน หากเขาชอบพรรคขนาดกลางขนาดเล็กพรรคหนึ่ง แต่พรรคนั้นไม่อาจส่งลงได้ครบทุกเขต ก็เท่ากับเป็นการตัดโอกาสประชาชน
ไม่การันตีพรรคกลางส.ส.เพิ่ม-เดาไม่ได้เลือก “คน” หรือ”พรรค”
ส่วนคำถามที่ว่าเอื้อให้กับพรรคกลางและพรรคเล็กนั้น คำตอบคือยังไม่รู้ ในข้อเท็จจริง มันอาจจะไม่ได้เอื้อพรรคกลางเลยก็ได้ เช่น ภูมิใจไทย เดิมได้เสียงแบบเขต 3.5 ล้านเสียง หารด้วย 70,000 เสียง ก็ได้ 50 ที่นั่งส.ส. แต่ถ้าได้ 1.2 ล้านเสียงในบัญชีรายชื่อ ก็จะมีส.ส. 17 ที่นั่ง ซึ่งเห็นว่าได้น้อย สะท้อนว่า คิดแบบนี้ไม่แน่เสมอไป ขึ้นกับพฤติกรรมการลงคะแนน ซึ่งเดิมมีบัตร 2 ใบ คิดแยกส่วนได้ แต่บัตร 1 ใบ ไม่มีใครรู้ ใครตีโจทย์นี้แตกจะชนะการเลือกตั้ง
ลอกเยอรมันไม่ครบ คิดส.ส.วุ่นแจงยาก กรธ.ชิ่ง กกต.กระสุนตก
คำถามถัดมาคือ คนได้คะแนนน้อยกว่าจะได้ที่นั่งในสภามากกว่าเป็นไปได้หรือไม่ ตอบว่ามีโอกาสเป็นไปได้ เราไม่ได้เอาระบบแบบเยอรมนีมาทั้งหมด เพราะเขาใช้ 2 บัตร และมีระบบโอเวอร์แฮง เกินจำนวนส.ส.ทั้งหมด เพื่อมาตอบโจทย์ การไม่ให้ คะแนนทิ้งน้ำ แต่ระบบเลือกตั้งบัตรใบเดียวนั้น จะเจอแน่นอนคำถามแน่นอน เพราะผลคะแนนที่ออกมาจะส่งผลให้ยอดรวมส.ส.เกิน 500 คน แม้จะมีการวางสูตรปัดเศษการคำนวณไว้แล้วไม่ให้เกิน แต่มันมีความเป็นไปได้ที่ผลส.ส.สัดส่วนพึงมีมันจะเกิน ถึงเวลานั้นก็ต้องเตรียมคำอธิบายไว้ให้ดี เพราะมันจะทำไปทำลายจุดแข็งของระบบเลือกตั้งบัตรใบเดียวนี้เอง โดยเฉพาะผู้ร่างรัฐธรรมนูญที่ไม่รู้อยู่ไหนตอนนี้ แล้วกกต.ก็จะกลายมาเป็นผู้รับผิดชอบ ในการตอบแม้จะปฏิบัติตาม
กกต.อำนาจล้น จับตาแจก “ใบส้ม” ช่วยตั้งรัฐบาล
การเลือกตั้งจะเป็นธรรมทั้งหมดขึ้นกับกกต.ที่ถืออำนาจไว้มาก ทั้งใบเหลือง ใบส้ม ใบแดง และใบดำ สำหรับใบเหลืองจะส่งผลทำให้เพียงมีการลงคะแนนใหม่ แต่ใบส้มนั้น ถือว่าเปลี่ยนรัฐบาลได้เลย เพราะใบส้มทำให้ผู้ลงสมัครส.ส. ก็ต้องออกจากเกม เช่น ผลการเลือกตั้ง พรรคอันดับหนึ่งมี 200 ส.ส. พรรคอันดับสองมี 180 ส.ส. กกต.แจกใบส้มให้พรรคอันดับหนึ่ง 10 เขตเลือกตั้ง
ผลคือ พรรคอันดับหนึ่งเหลือส.ส. 190 คน แต่ต้องลบส.ส.บัญชีรายชื่อออกด้วย เพราะคะแนนส่วนนี้มาจากส.ส.เขต หากคิดคะแนนชนะแบบเขตที่ 50,000 คะแนน รวม 10 เขต หายไป 500,000 คะแนน คิดเป็นส.ส.บัญชีรายชื่ออีกราว 10 คน รวมพรรคอันดับหนึ่งส.ส.หายไป 20 คน จะเหลือส.ส. เท่ากับ พรรคการเมืองอันดับสองที่ 180 คน ดังนั้น ถ้ากกต.ใช้อำนาจนี้ไม่ชอบธรรม มันจะเปลี่ยนผลการเลือกตั้งในการจัดตั้งรัฐบาล และอาจส่งผลให้คนไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งก็ได้
เสียงไม่ขาดตั้งรัฐบาลเละ “ยื้อเวลาโหวตนายกฯ-สุมหัวส.ว.ลากตั้งหักดิบ-เปิดทางคนนอก”
ส่วนหลังการเลือกตั้งนั้น หากกระบวนการการเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรมทุกอย่าง สมมติให้ พรรคอันดับหนึ่งได้ 180 เสียง พรรคอันดับสองได้ 130 เสียง พรรคอันดับสามได้ 100 เสียง อีกกลุ่มพรรคการเมืองหนึ่งได้คะแนนรองลงมาที่ 40 เสียง 10 เสียง และ 5 เสียง และกลุ่มสุดท้ายส่วนพรรคที่ประกาศชัดว่ากั๊กในการสืบทอดอำนาจได้ 25 เสียง 5 เสียง และเสียง 5
สมมติว่าให้พรรคอันดับหนึ่งรวมกับพรรคกลุ่มรองหลักสิบเสียงแล้วจะได้ 235 เสียง ก็จะเห็นว่า ไม่สามารถเป็นเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรได้ แล้วหากพรรคที่อยากสืบทอดอำนาจ ประกาศไม่รอจารีตให้พรรคอับดับหนึ่งตั้งรัฐบาล ใครรวมส.ส.ได้ก่อน ก็ตั้งรัฐบาลเลย ก็จะพบอีกว่า แต่เมื่อรวมแล้ว ก็ยังไม่ถึงครึ่งสภาล่าง แต่ชิงหักดิบเลือกนายกฯ โดยไปร่วมกับส.ว.แต่งตั้ง แล้วอะไรจะเกิดขึ้น แบบนี้จะเสรีและเป็นธรรมกับประชาชนหรือไม่ แม้กระบวนการเลือกจะเสรีและเป็นธรรมก็ตาม
หรืออีกกรณีหนึ่งคือ เสียงส.ส.แพ้ชนะกันไม่ขาด เลือกนายกฯ กันไม่ได้ ก็จะใช้เวลายาวนานมาก
จนต้องไปถึงก๊อกสอง ที่ต้องเปิดให้คนนอกเข้ามาได้อีก
แล้วถามว่าจะเสรีและเป็นธรรมหรือไม่
"ปิยบุตร"รับ ไพรมารีผู้สมัครมีปัญหา หลังพรรคต้องเข้มงวด คัดกรองคนอุดมการณ์ตรงกัน
https://www.matichon.co.th/politics/news_1279539
“ปิยบุตร” ยอมรับ ไพรมารี่ผู้สมัครส.ส.”อนาคตใหม่” มีปัญหา หวั่นได้คนมีอุดมการณ์ไม่ตรงพรรค
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 19 ธันวาคม ที่โรงแรมเซ็นทรา บายเซ็นทารา ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ นาย
ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่(อนค.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมหารือระหว่างคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) และพรรคการเมือง กรณีการทำไพรมารีโหวตผู้สมัคร ส.ส.ภายในพรรคที่ยังคงมีปัญหา นาย
ปิยบุตร กล่าวว่า กฎหมายพรรคการเมือง เดิมกำหนดให้มีการทำไพรมารีโหวต แต่ภายหลังมีคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ให้ระงับการทำไพรมารีโหวตไว้ก่อน แต่ทางพรรคอนาคตใหม่ยังยืนยันที่จะสร้างระบบประชาธิปไตย และกระจายอำนาจภายในพรรค เปิดโอกาสให้คนที่มีแนวคิดเดียวกันเข้ามาสมัครเป็นสมาชิก
ทั้งนี้ ระบบที่เปิดให้เข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรคก็ยังมีจุดบกพร่อง ยังมีคนที่ไม่ได้มีแนวคิดเดียวกันหรือเป็นคนที่ไม่ชอบพรรค แล้วแอบปลอมตัวเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรค เพื่อลงสมัครเป็นส.ส.ของพรรค หากในอนาคตเขาได้รับการคัดเลือก แล้วมีอุดมการณ์ไม่เหมือนกับพรรคก็จะเป็นเรื่องที่ลำบากและสร้างปัญหาได้ ดังนั้น พรรคต้องมีอำนาจในการคัดกรองบุคคลด้วย ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่พรรคพูดมาตลอด อย่างน้อยที่สุด ตนเชื่อว่าทุกพรรค รวมถึงกกต.ก็รู้ดีว่าการทำระบบไพรมารีโหวตในประเทศนี้ ในช่วงเริ่มต้นถือว่ายากจริงๆ แต่อย่างน้อยที่สุด พรรคเราก็อยากลองทำ เพราะเห็นว่าเป็นกฎหมายใหม่สำหรับพรรคการเมืองไทย
กกต.แจงไร้เหตุจะห้าม ไฟเขียว ต่างชาติสังเกตการณ์เลือกตั้ง แต่ต้องอยู่ใต้กม.
https://www.matichon.co.th/politics/news_1280327
กกต.ไฟเขียว สังเกตการณ์เลือกตั้ง ชี้ ไม่มีเหตุผลต้องยุติ แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข
นาย
อิทธิพร กล่าวถึง การมีผู้สังเกตการณ์เลือกตั้งจากต่างประเทศว่า เป็นประเด็นที่กกต.ชุดก่อนดำเนินการมาตั้งแต่มี 2546 ให้มีผู้สังเกตการณ์เข้ามา กกต.เราเปิดให้ผู้สังเกตการณ์ที่ประสงค์เข้ามาสามารถเข้ามาได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์และกฎหมายกำหนด เท่าที่หารือกับกกต.ทั้ง 7 คน ทุกคนเห็นด้วยในหลักการที่จะให้เข้ามาสังเกตการณ์ได้ ไม่มีเหตุผลที่จะไปยุติ อะไรที่เคยทำก็ทำต่อไป อย่างกรณีของ สหภาพยุโรปหรืออียูยังเป็นเพียงการแสดงความสนใจเข้ามาแต่ยังไม่ได้ขอเข้ามาอย่างเป็นทางการเพราะว่ายังไม่มีพ.ร.ฎ.การเลือกตั้ง ซึ่งเราจะประชุมเพื่อกำหนดท่าทีที่ชัดเจนเร็วๆนี้
เมื่อถามว่าท่าทีของนาย
ดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มีผลต่อเรื่องนี้หรือไม่ นาย
อิทธิพรกล่าวว่า ไม่มีผลต่อการตัดสินใจของกกต.ถ้าอ่านคำให้สัมภาษณ์ของนาย
ดอน คิดว่าเป็นส่วนเสริมข้อมูลกันมากกว่าที่จะเป็นความเห็นที่ขัดกัน
ประธานกกต. กล่าวอีกว่า ส่วนประเทศที่เคยเชิญเราไป ตามหลักเราก็จะเชิญให้เขาเข้ามา หรืออย่างที่เป็นหน่วยงาน เช่น อันเฟรล ก็เป็นขาประจำที่เข้ามาดูอยู่แล้ว และกกต.ก็ให้ทุกครั้งซึ่งเขาจะรู้ทุกครั้งอยู่แล้วว่าเขาจะต้องปฏิบัติอย่างไร เงื่อนไขและหลักเกณฑ์การขอเข้ามาสังเกตการณ์เลือกตั้งในไทยเราไม่ได้เปลี่ยน โดยหลักทั่วไป
เมื่อถามว่าขณะนี้ภาวะทางการเมืองไม่ปกติ จำเป็นต้องพิจารณาหรือไม่ นาย
อิทธิพรกล่าวว่า ภาวะทางการเมืองไม่ใช่เรื่องอยู่ในความรับผิดชอบของกกต.สิ่งที่เราจะดูคือถ้าเขามาแล้วพร้อมจะปฏิบัติตามกฎระเบียบของเราหรือไม่ แต่อะไรที่มากกว่านั้นจะพิจารณาเป็นรายกรณี
JJNY : 4in1 สติธรชำแหละลต.บัตรใบเดียว/ปิยบุตรรับไพรมารีมีปัญหา/กกต.แจงไฟเขียวต่างชาติ/สุขุมมองหลังเลือก
https://www.khaosod.co.th/politics/news_1977861
บัตรเลือกตั้ง – เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 19 ธ.ค. ที่อาคารจามจุรี 4 นายสติธร ธนานิธิโชติ นักวิชาการ สถาบันพระปกเกล้า กล่าวในงานเสวนา “เลือกตั้ง กุมภาฯ 62 ฟรีและแฟร์สำหรับใคร?” ถึงความเสรีและเป็นธรรมทั้งก่อนและหลังการเลือกตั้ง ใจความว่า ก่อนการเลือกตั้งนั้น บัตรเลือกตั้งใบเดียว ในระบบจัดสรรปันส่วนผสม ยังมีคำถามที่ต้องตอบถึงความเสรีและเป็นธรรมคือ ถ้ามันปิดโอกาสให้มีพรรคเดียวเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก ก็ตอบเลยว่า ไม่เป็นธรรม แต่ระบบนี้ ก็ตอบได้ว่า ไม่ได้ปิดโอกาส ที่พรรคการเมืองหนึ่งจะได้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง หรือ 251 เสียง เป็นรัฐบาลพรรคเดียวได้ แม้ยากมาก แต่มีความเป็นไปได้
พรรคเล็กส่งไม่ครบซวยแน่-ตัดสิทธิ์ปชช.
ระบบแบบนี้ยังไม่เป็นธรรมกับผู้ลงสมัครส.ส.แบบเขตของพรรคการเมือง ที่เหมือนเป็นนักรบไปเก็บคะแนนให้บัญชีรายชื่อ จะเป็นปัญหาของพรรคเล็ก แต่พรรคใหญ่เขตอาจไม่มีปัญหา แต่บัญชีรายชื่อก็อาจไม่ได้เช่นกัน ส่วน ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ก็ไม่ได้รับความเป็นธรรม ถ้าทุกพรรคการเมืองส่งได้ไม่ครบ 350 เขตเลือกตั้ง ซึ่งคาดว่ามีแค่ 4 พรรคที่จะส่งครบทุกเขตได้ ก็หมายความว่า มันจะไม่เสรีกับประชาชน หากเขาชอบพรรคขนาดกลางขนาดเล็กพรรคหนึ่ง แต่พรรคนั้นไม่อาจส่งลงได้ครบทุกเขต ก็เท่ากับเป็นการตัดโอกาสประชาชน
ไม่การันตีพรรคกลางส.ส.เพิ่ม-เดาไม่ได้เลือก “คน” หรือ”พรรค”
ส่วนคำถามที่ว่าเอื้อให้กับพรรคกลางและพรรคเล็กนั้น คำตอบคือยังไม่รู้ ในข้อเท็จจริง มันอาจจะไม่ได้เอื้อพรรคกลางเลยก็ได้ เช่น ภูมิใจไทย เดิมได้เสียงแบบเขต 3.5 ล้านเสียง หารด้วย 70,000 เสียง ก็ได้ 50 ที่นั่งส.ส. แต่ถ้าได้ 1.2 ล้านเสียงในบัญชีรายชื่อ ก็จะมีส.ส. 17 ที่นั่ง ซึ่งเห็นว่าได้น้อย สะท้อนว่า คิดแบบนี้ไม่แน่เสมอไป ขึ้นกับพฤติกรรมการลงคะแนน ซึ่งเดิมมีบัตร 2 ใบ คิดแยกส่วนได้ แต่บัตร 1 ใบ ไม่มีใครรู้ ใครตีโจทย์นี้แตกจะชนะการเลือกตั้ง
ลอกเยอรมันไม่ครบ คิดส.ส.วุ่นแจงยาก กรธ.ชิ่ง กกต.กระสุนตก
คำถามถัดมาคือ คนได้คะแนนน้อยกว่าจะได้ที่นั่งในสภามากกว่าเป็นไปได้หรือไม่ ตอบว่ามีโอกาสเป็นไปได้ เราไม่ได้เอาระบบแบบเยอรมนีมาทั้งหมด เพราะเขาใช้ 2 บัตร และมีระบบโอเวอร์แฮง เกินจำนวนส.ส.ทั้งหมด เพื่อมาตอบโจทย์ การไม่ให้ คะแนนทิ้งน้ำ แต่ระบบเลือกตั้งบัตรใบเดียวนั้น จะเจอแน่นอนคำถามแน่นอน เพราะผลคะแนนที่ออกมาจะส่งผลให้ยอดรวมส.ส.เกิน 500 คน แม้จะมีการวางสูตรปัดเศษการคำนวณไว้แล้วไม่ให้เกิน แต่มันมีความเป็นไปได้ที่ผลส.ส.สัดส่วนพึงมีมันจะเกิน ถึงเวลานั้นก็ต้องเตรียมคำอธิบายไว้ให้ดี เพราะมันจะทำไปทำลายจุดแข็งของระบบเลือกตั้งบัตรใบเดียวนี้เอง โดยเฉพาะผู้ร่างรัฐธรรมนูญที่ไม่รู้อยู่ไหนตอนนี้ แล้วกกต.ก็จะกลายมาเป็นผู้รับผิดชอบ ในการตอบแม้จะปฏิบัติตาม
กกต.อำนาจล้น จับตาแจก “ใบส้ม” ช่วยตั้งรัฐบาล
การเลือกตั้งจะเป็นธรรมทั้งหมดขึ้นกับกกต.ที่ถืออำนาจไว้มาก ทั้งใบเหลือง ใบส้ม ใบแดง และใบดำ สำหรับใบเหลืองจะส่งผลทำให้เพียงมีการลงคะแนนใหม่ แต่ใบส้มนั้น ถือว่าเปลี่ยนรัฐบาลได้เลย เพราะใบส้มทำให้ผู้ลงสมัครส.ส. ก็ต้องออกจากเกม เช่น ผลการเลือกตั้ง พรรคอันดับหนึ่งมี 200 ส.ส. พรรคอันดับสองมี 180 ส.ส. กกต.แจกใบส้มให้พรรคอันดับหนึ่ง 10 เขตเลือกตั้ง
ผลคือ พรรคอันดับหนึ่งเหลือส.ส. 190 คน แต่ต้องลบส.ส.บัญชีรายชื่อออกด้วย เพราะคะแนนส่วนนี้มาจากส.ส.เขต หากคิดคะแนนชนะแบบเขตที่ 50,000 คะแนน รวม 10 เขต หายไป 500,000 คะแนน คิดเป็นส.ส.บัญชีรายชื่ออีกราว 10 คน รวมพรรคอันดับหนึ่งส.ส.หายไป 20 คน จะเหลือส.ส. เท่ากับ พรรคการเมืองอันดับสองที่ 180 คน ดังนั้น ถ้ากกต.ใช้อำนาจนี้ไม่ชอบธรรม มันจะเปลี่ยนผลการเลือกตั้งในการจัดตั้งรัฐบาล และอาจส่งผลให้คนไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งก็ได้
เสียงไม่ขาดตั้งรัฐบาลเละ “ยื้อเวลาโหวตนายกฯ-สุมหัวส.ว.ลากตั้งหักดิบ-เปิดทางคนนอก”
ส่วนหลังการเลือกตั้งนั้น หากกระบวนการการเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรมทุกอย่าง สมมติให้ พรรคอันดับหนึ่งได้ 180 เสียง พรรคอันดับสองได้ 130 เสียง พรรคอันดับสามได้ 100 เสียง อีกกลุ่มพรรคการเมืองหนึ่งได้คะแนนรองลงมาที่ 40 เสียง 10 เสียง และ 5 เสียง และกลุ่มสุดท้ายส่วนพรรคที่ประกาศชัดว่ากั๊กในการสืบทอดอำนาจได้ 25 เสียง 5 เสียง และเสียง 5
สมมติว่าให้พรรคอันดับหนึ่งรวมกับพรรคกลุ่มรองหลักสิบเสียงแล้วจะได้ 235 เสียง ก็จะเห็นว่า ไม่สามารถเป็นเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรได้ แล้วหากพรรคที่อยากสืบทอดอำนาจ ประกาศไม่รอจารีตให้พรรคอับดับหนึ่งตั้งรัฐบาล ใครรวมส.ส.ได้ก่อน ก็ตั้งรัฐบาลเลย ก็จะพบอีกว่า แต่เมื่อรวมแล้ว ก็ยังไม่ถึงครึ่งสภาล่าง แต่ชิงหักดิบเลือกนายกฯ โดยไปร่วมกับส.ว.แต่งตั้ง แล้วอะไรจะเกิดขึ้น แบบนี้จะเสรีและเป็นธรรมกับประชาชนหรือไม่ แม้กระบวนการเลือกจะเสรีและเป็นธรรมก็ตาม
จนต้องไปถึงก๊อกสอง ที่ต้องเปิดให้คนนอกเข้ามาได้อีก
แล้วถามว่าจะเสรีและเป็นธรรมหรือไม่
"ปิยบุตร"รับ ไพรมารีผู้สมัครมีปัญหา หลังพรรคต้องเข้มงวด คัดกรองคนอุดมการณ์ตรงกัน
https://www.matichon.co.th/politics/news_1279539
“ปิยบุตร” ยอมรับ ไพรมารี่ผู้สมัครส.ส.”อนาคตใหม่” มีปัญหา หวั่นได้คนมีอุดมการณ์ไม่ตรงพรรค
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 19 ธันวาคม ที่โรงแรมเซ็นทรา บายเซ็นทารา ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่(อนค.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมหารือระหว่างคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) และพรรคการเมือง กรณีการทำไพรมารีโหวตผู้สมัคร ส.ส.ภายในพรรคที่ยังคงมีปัญหา นายปิยบุตร กล่าวว่า กฎหมายพรรคการเมือง เดิมกำหนดให้มีการทำไพรมารีโหวต แต่ภายหลังมีคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ให้ระงับการทำไพรมารีโหวตไว้ก่อน แต่ทางพรรคอนาคตใหม่ยังยืนยันที่จะสร้างระบบประชาธิปไตย และกระจายอำนาจภายในพรรค เปิดโอกาสให้คนที่มีแนวคิดเดียวกันเข้ามาสมัครเป็นสมาชิก
ทั้งนี้ ระบบที่เปิดให้เข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรคก็ยังมีจุดบกพร่อง ยังมีคนที่ไม่ได้มีแนวคิดเดียวกันหรือเป็นคนที่ไม่ชอบพรรค แล้วแอบปลอมตัวเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรค เพื่อลงสมัครเป็นส.ส.ของพรรค หากในอนาคตเขาได้รับการคัดเลือก แล้วมีอุดมการณ์ไม่เหมือนกับพรรคก็จะเป็นเรื่องที่ลำบากและสร้างปัญหาได้ ดังนั้น พรรคต้องมีอำนาจในการคัดกรองบุคคลด้วย ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่พรรคพูดมาตลอด อย่างน้อยที่สุด ตนเชื่อว่าทุกพรรค รวมถึงกกต.ก็รู้ดีว่าการทำระบบไพรมารีโหวตในประเทศนี้ ในช่วงเริ่มต้นถือว่ายากจริงๆ แต่อย่างน้อยที่สุด พรรคเราก็อยากลองทำ เพราะเห็นว่าเป็นกฎหมายใหม่สำหรับพรรคการเมืองไทย
กกต.แจงไร้เหตุจะห้าม ไฟเขียว ต่างชาติสังเกตการณ์เลือกตั้ง แต่ต้องอยู่ใต้กม.
https://www.matichon.co.th/politics/news_1280327
กกต.ไฟเขียว สังเกตการณ์เลือกตั้ง ชี้ ไม่มีเหตุผลต้องยุติ แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข
นายอิทธิพร กล่าวถึง การมีผู้สังเกตการณ์เลือกตั้งจากต่างประเทศว่า เป็นประเด็นที่กกต.ชุดก่อนดำเนินการมาตั้งแต่มี 2546 ให้มีผู้สังเกตการณ์เข้ามา กกต.เราเปิดให้ผู้สังเกตการณ์ที่ประสงค์เข้ามาสามารถเข้ามาได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์และกฎหมายกำหนด เท่าที่หารือกับกกต.ทั้ง 7 คน ทุกคนเห็นด้วยในหลักการที่จะให้เข้ามาสังเกตการณ์ได้ ไม่มีเหตุผลที่จะไปยุติ อะไรที่เคยทำก็ทำต่อไป อย่างกรณีของ สหภาพยุโรปหรืออียูยังเป็นเพียงการแสดงความสนใจเข้ามาแต่ยังไม่ได้ขอเข้ามาอย่างเป็นทางการเพราะว่ายังไม่มีพ.ร.ฎ.การเลือกตั้ง ซึ่งเราจะประชุมเพื่อกำหนดท่าทีที่ชัดเจนเร็วๆนี้
เมื่อถามว่าท่าทีของนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มีผลต่อเรื่องนี้หรือไม่ นายอิทธิพรกล่าวว่า ไม่มีผลต่อการตัดสินใจของกกต.ถ้าอ่านคำให้สัมภาษณ์ของนายดอน คิดว่าเป็นส่วนเสริมข้อมูลกันมากกว่าที่จะเป็นความเห็นที่ขัดกัน
ประธานกกต. กล่าวอีกว่า ส่วนประเทศที่เคยเชิญเราไป ตามหลักเราก็จะเชิญให้เขาเข้ามา หรืออย่างที่เป็นหน่วยงาน เช่น อันเฟรล ก็เป็นขาประจำที่เข้ามาดูอยู่แล้ว และกกต.ก็ให้ทุกครั้งซึ่งเขาจะรู้ทุกครั้งอยู่แล้วว่าเขาจะต้องปฏิบัติอย่างไร เงื่อนไขและหลักเกณฑ์การขอเข้ามาสังเกตการณ์เลือกตั้งในไทยเราไม่ได้เปลี่ยน โดยหลักทั่วไป
เมื่อถามว่าขณะนี้ภาวะทางการเมืองไม่ปกติ จำเป็นต้องพิจารณาหรือไม่ นายอิทธิพรกล่าวว่า ภาวะทางการเมืองไม่ใช่เรื่องอยู่ในความรับผิดชอบของกกต.สิ่งที่เราจะดูคือถ้าเขามาแล้วพร้อมจะปฏิบัติตามกฎระเบียบของเราหรือไม่ แต่อะไรที่มากกว่านั้นจะพิจารณาเป็นรายกรณี