หาก จขกท.ลองสังเกตดู  จะพบว่าเนื้อสัตว์ที่คนเรากินได้  จะมีดังนี้ครับ

เนื้อวัว  สามารถกินดิบได้ในบางรูปแบบ  เช่น  Steak Tartare ก็จะนำเนื้อดิบมาบด  ทานกับไข่แดงดิบ
หรือ  เนื้อเกาหลีฝานบาง ๆ ก็กินดิบได้   และที่ญี่ปุ่น เนื้อวัวส่วนสันในเกรดเยี่ยมก็ทานดิบได้ครับ (แต่ไม่นิยมนัก)

เนื้อหมู  ไม่นิยมรับประทานดิบ  เนื่องจากเนื้อหมูดิบมีความเสี่ยงจากพยาธิสูง
และ  มีเมื่อยังดิบจะมีกลิ่นคาวอ่อน ๆ เฉพาะตัว  ไม่ชวนกินเลย

เนื้อปลา  หากเป็นปลาทะเลน้ำลึก  ก็กินดิบกันเยอะเลยครับ  เช่น  Sushi อาหารญี่ปุ่นนั่นเอง
แต่หากเป็นปลาน้ำจืดจะไม่นิยม  เพราะมีความเสี่ยงพยาธิมากครับ

เนื้อไก่  ก็ทำนองเดียวกับเนื้อหมูครับ  คือเมื่อยังดิบจะมีกลิ่นคาวอ่อน ๆ ที่ไม่ชวนกิน  จึงกินสุกเท่านั้น
โดยส่วนที่กำเนิดความคาวที่ไม่ชวนกิน นี้  คือเนื้อเยื่อไขมัน ครับ  ทั้งหมู และ ไก่  จะเหมือนกัน
เมื่อปรุงสุก  กลิ่นนี้จะหายไป

เนื้อแกะ  จะเลือกส่วนที่ติดกระดูกมาทำอาหารเท่านั้น คือ ส่วนซี่โครง และ น่อง
โดยย่างให้สุกเลยระดับ Rare ไปนิดหน่อย (Welldone ไม่นิยม)  หรืออย่างน้อยก็จะต้องผิวเกรียมบ้าง
แต่หากเป็นชื้นเนื้อแกะแบบ Steak  ก็จะแล่ และ ตักแต่งเนื้อช่วงต้นขามาทำครับ (ไม่มีกระดูก)

เนื้อม้า  ส่วนมากจะกินกันทางยุโรปเสียส่วนใหญ่  และญี่ปุ่นก็มีบ้างครับ  โดยจะปรุง 3 รูปแบบ คือ  
1. ยุโรป  จะ Slice บาง ๆ และทานดิบกับขนมปัง + ชีส
2. ญี่ปุ่น (จังหวัดคุมะโมะโตะ บนเกาะคิวชู)  จะกินดิบ ๆ โดยแล่บางเท่า Sushi  
    ทานกับมะนาว Lemon และผักดอง + น้ำจิ้มขิงกระเทียม
3. ยุโรป (เยอรมัน)  จะปรุงสุก และนำมาบดพร้อมปรุงรสปั้นเป็นก้อน  ทานแบบ Burger


และที่ จขกท.ถามมาว่า  ทำไมคนเราถึงกินแหนมเนื้อ หรือ หมู แบบดิบได้ แต่ถ้าเป็นปลาเราจะไม่กิน
ก็ตอบได้ว่า  ปลาน้ำจืดส่วนใหญ่ หรือแทบทั้งหมด  จะมีโอกาสเสี่ยงพยาธิได้มากครับ
การปรุงแบบบ้าน ๆ จึงลดความนิยมลงไปมาก  จะยังเหลือก็แต่ ปลาจีน ที่ชื่อว่า ฮือแซ
ที่ทางภัตตาคารมาตรฐานจะนำไปผ่านกระบวนการ Blast freezing ให้เย็นอย่างรวดเร็ว
ที่ ลบ 18 องศา  เพื่อรักษาสภาพความสดของเนื้อปลา  และทำลายไข่พยาธิครับ