ผมตั้งหัวข้อนี้ขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่ว่า ทำไมหลายๆคนให้ความสำคัญกับความว่าการบริหารเชิงกลยุทธ์ในแง่ของธุรกิจ หรือ หนังสือ บทความส่วนใหญ่ มักจะพูดถึงเฉพาะธุรกิจ มีให้หาอ่านกันได้มากมาย แต่ทำไมพอให้มามองเรื่องใกล้ตัวซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการบริหารชีวิตของทุกคนกลับหาอ่านไม่ค่อยได้ ไม่ค่อยมีที่ไหนสอน มีแต่ปล่อยให้แต่ละคนผจญเรื่องราวและสรุประสบการณ์ลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง บางคนกว่าจะลองผิดลองถูกก็เสียเวลาไปเยอะมาก บางคนนอกจากเสียเวลาแล้ว ยังเสียโอกาสดีๆในชีวิตไป
ทำให้ผมเกิดความรู้สึกที่อยากตั้งหัวข้อตามข้างต้นเพื่ออยากฉายภาพให้ทุกคนที่เข้ามาอ่าน ได้มอง หรือ ได้มีโอกาสกำหนดวิถึทางในการบริหารชีวิตตัวเอง หรือครอบครัว แบบมีเป้าหมายเชิงกลยุทธ์แบบชัดเจน โดยไม่ปล่อยให้ชีวิตของตนเองล่องลอยไปตามกระแสธารของสังคมพาเราไปโดยไม่มีจุดมุ่งหมาย เหมือนเดินเรืออยู่ในทะเลโดยไม่รู้ทิศทางที่แน่ชัดของตัวเองตามแต่กระแสคลื่นในท้องทะเลจะพาไป
ผมเชื่อว่าคำถามที่ทุกคนยอดฮิตที่คนส่วนใหญ่มักจะตั้งคำถาม หรือ พยายามค้นหาคำตอบอยู่ในเสมอคงหนีไปพ้นคำถามที่ว่า "ทำยังไงเราจะรวย" หนังสือบนหิ้งที่ขึ้นชื่อว่าขายดีตามร้านหนังสือ ถ้าไม่ตั้งชื่อโดยไม่มีคำว่ารวยอยู่ในหน้าปกมักจะขายไม่ได้ เลยเป็นที่มาที่เมื่อเราไปร้านหนังสือจะเห็นหนังสือส่วนใหญ่ต้องมีคำว่ารวยอยู่หน้าปกหนังสือเสมอ
แต่วันนี้เมื่อผมนำหัวข้อการบริหารชีวิตเชิงกลยุทธ์มาถ่ายทอด แน่นอนผมคงไม่ได้หมายความแต่ด้านของความรวยเพียงด้านเดียว เพราะในคำว่าชีวิตไม่ได้มีองค์ประกอบเพียงแค่ความรวย แต่องค์ประกอบของการประสบความสำเร็จในชีวิตที่ทุกคนควรบริหาร หรือ เดินทางไปสู่ความสำเร็จของชีวิตนั้นมีองค์ประกอบมามาย แต่จากประสบการณ์ในการทำงานที่ผ่านมาของผมอยากสรุปประเด็นสำคัญที่เราทุกคนควรบริหารชีวิตไปสู่ความสำเร็จได้เพียง 4 ข้อ จริงๆแล้วมันมีปัจจัยที่นำพาชีวิตไปสู่ความสำเร็จมากมายกว่า 4 ข้อนี้ แต่ถ้าจัดลำดับความสำคัญผมว่า 4 ข้อที่ผมจะนำเสนอนั้นโดยส่วนตัวผมเองถือว่าเป็น 4 ข้อที่มีความสำคัญที่สุด 4 ลำดับแรก คนส่วนใหญ่อื่นๆอาจเห็นไม่เหมือนกันไม่ได้เสียหายอะไรครับแล้วแต่มุมมองของแต่ละท่าน
1.สุขภาพการเงินแข็งแรง
ผมใช้คำว่า "สุขภาพการเงินแข็งแรง" ซึ่งบางท่านอาจได้ยินคำว่า "อิสรภาพทางการเงิน" หรือคำว่าอะไรก็แล้วแต่ล้วนแต่มีเป้าหมายเดียวกันแต่ผมไม่ได้เน้นไปที่คำว่า "ร่ำรวย" ซึ่งเมื่อเราพูดถึงด้านการเงินเป็นเรื่องที่ต่างคนต่างความคิด บางคนมี 1 ล้าน ก็บอกว่าฉันรวยแล้ว ในขณะที่บางคนมีพันล้าน ก็บอกว่าฉันยังไม่รวย แล้วตรงไหนล่ะคือจุดที่พอดี
พอดีโดยความหมายของผมก็หมายถึงความแข็งแรงทางด้านการเงินที่เราสามารถตอบโจทย์ หรือ ตอบความต้องการต่อเป้าหมายทางการเงินชีวิตของคนเรา หรือ ของครอบครัวได้อย่างดี ไม่ว่าจะมีปัญหาหรืออุปสรรคใดๆเกิดขึ้นก็ไม่ทำให้ครอบครัว หรือ ชีวิตประสบปัญหาได้ง่ายๆ ยกตัวอย่างเช่น
คนโสดไม่มีครอบครัว ไม่มีใครที่ต้องดูแล แน่นอนเป้าหมายของคนกลุ่มนี้ คงหนี้ไม่พ้นแค่การดูแลคน 2 คน นั้นคือ ตัวเองในปัจจุปัน และตัวเองในตอนแก่ คำถามง่ายๆที่จะทดสอบความแข็งแรงทางด้านการเงินคือ หากวันนี้คุณต้องพิการไม่สามารถทำงานไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดๆก็ตามคุณจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างไร การเงินที่มีในปัจจุปันนี้อยู่จะทำให้คุณใช้ชีวิตไปได้อีกนานเท่าไหร่ หรือแม้ว่าวันที่คุณกษียณเงินเท่าไหร่ที่คุณพอจะใช้จ่าย ค่ากินค่าอยู่ ค่ารักษาพยาบาลในตอนแก่ได้ไปจนตลอดชีวิต
ผมมองแค่นี้ว่า จากคำถามข้างต้น หากเราสามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้และมี"เงิน"ที่ได้เตรียมมากพอต่อคำตอบข้างต้นผมก็มองว่าเราก็มีความแข็งแรงแล้วในระดับหนึ่ง
สรุปง่ายๆเลยสำหรับข้อนี้คือ สุขภาพการเงินแข็งแรง หมายถึง การที่เราได้เตรียมเงินเพื่อตอบโจทย์ต่อเป้าหมายทางการเงินของตนเอง และสามารถแก้ปัญหาและอุปสรรคทางการเงินที่สามารถเกิดขึ้นได้ในอนาคตได้เป็นอย่างดี
2.สุขภาพกายแข็งแรง
ผมว่าคำนี้มันคือคำที่คนส่วนใหญ่รู้กันดีอยู่แล้วว่านี่คือสิ่งที่ควรต้องทำ หมดยุคหมดสมัยแล้วที่ทำงานไปจนวันตาย หรือ ทุ่มเทให้กับงานจะลืมความว่าออกกำลังกาย คำๆนี้กำลังฮิตและฮิตมากที่ปัจจุปันนี้ เพราะมันได้รับการพิสูจน์มามากมายแล้วว่ามีเงินมากมายเท่าไหร่ก็ซื้อสุขภาพที่ไม่ดีกลับคืนมาได้ แล้วทำไมเราต้องรอให้ถึงวันนั้นล่ะ
3.สุขภาพครอบครัวแข็งแรง
ครอบครัวคือหน่วยของสังคมที่เล็กที่สุดในสังคม เป็นพื้นฐานในการดำเนินชีวิตของแต่ละคน ลองพิจารณาดูนะครับ
หากเรามีเงินมากมายแต่เลี้ยงลูกด้วยเงินแล้วทำให้ลูกติดยา เรามีความสุขไหม
หากเรามีเงินมากมายแต่ปล่อยให้ลูกเป็นเด็กแว๊น ไปเกิดอุบัติเหตุมา เรามีความสุขไหม
หากเรามีเงินมากมายแต่ไม่ให้ความสำคัญกับคนในครอบครัวก่อนเป็นอันดับแรกทำให้ครอบครัวแตกแยก เรามีความสุขไหม
แล้วอะไรล่ะ คือ ความพอดี ความเหมาะสม ผมมองว่าแล้วแต่เหตุปัจจัยและความจำเป็นของครอบครัวไม่เหมือนกัน ค้นหาความเหมาะสมของตัวเองให้เจอนะครับ
4.สุขภาพใจแข็งแรง
สาเหตุที่ผมนำคำนี้มาอยู่ใน 4 ข้อนี้ ก็เพราะว่าใจ (จิต) คือ พื้นฐานของชีวิตทั้งหมด ผมเห็นหลายๆคนไปออกกำลังกายให้ตัวเองแข็งแรงทนทานต่อความเจ็บป่วย แต่ลืมฝึกใจตัวเองให้แข็งแรงให้ทนต่อ
การพลัดพรากจากคนที่รัก
การเปลี่ยนแปลงของร่างกาย
การเจ็บป่วยที่มีโอกาสเกิดขึ้น
การผิดพลาดล้มเหลว
การที่ชีวิตไม่ได้เป็นไปอย่างที่หวัง
หรือแม้กระทั่ง จิตที่ต้องแยกจากร่างกายของตนเอง
ผมมองว่าเรื่องของจิตใจเป็นเรื่องที่มองไม่เห็น พิสูจน์ด้วยการวัดค่อนข้างยาก แถมยังมีประเด็นในเรื่องของความเชื่อของแต่ละความศรัทธาอีก แต่ผมนำข้อนี้เข้ามาก็เพียงเพื่อให้เราไม่ได้ลืมที่จะพัฒนาสุขภาพใจให้แข็งแรงตามความเชือและความศรัทธาของแต่ละคนเท่านั้นเอง เพื่อเตรียมจิตใจให้พร้อมรับกับสถานการณ์ของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นไม่วันใดก็วันหนึ่งอย่างแน่นอน
ทั้ง 4 ข้อที่กล่าวมาข้างต้น ไม่ได้มีข้อใดสำคัญกว่ากัน ทุกข้อล้วนมีความสำคัญเท่ากันและสัมพันธ์กันไปหมดในทุกๆข้อ แต่อาจมีบ้างที่ข้อใดข้อหนึ่งสำคัญหรือให้น้ำหนักมากกว่ากันตามช่วงเวลาของอายุ แต่แค่ไม่ลืมว่ายังไม่ลืมสุขภาพในด้านอื่นๆด้วยแค่นั้นเอง
ทั้ง 4 ข้อเป็นสิ่งที่ผมใช้กับตัวเองและครอบครัวเป็นหลักในการดำเนินชีวิตในปัจจุปัน เวลามีปัจจัยหรือประเด็นมากระทบกับตัวเองก็มักจะถามตัวเองเสมอว่า สิ่งที่มากระทบนั้นมีผลทำให้ สุขภาพทั้ง 4 ด้านนั้นเปลี่ยนแปลงไปในทางไม่ดีหรือไม่ ถ้าคำตอบเป็น "ใช่" เราก็จะพิจารณาหลีกเลี่ยงหรือปฏิเสธเรื่องนั้นๆไป
ทั้ง 4 ข้อที่กล่าวมาข้างต้น อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกันก็แล้วแต่ความจำเป็น ความต้องการของแต่ละคน บางคนอาจไม่สนใจสุขภาพใจ อาจนำข้ออื่นๆเข้ามาแทนที่ก็ได้ แต่อย่างน้อยเราก็ได้รู้เอาว่า เราก็มีหลักในการดำเนินชีวิต มีกลยุทธ์ที่เราสามารถใช้ในการดำเนินชีวิต เพื่อบรรลุเป้าหมายชีวิตในอนาคตตามที่ตนเองปราถนา
การบริหารชีวิตเชิงกลยุทธ์
ทำให้ผมเกิดความรู้สึกที่อยากตั้งหัวข้อตามข้างต้นเพื่ออยากฉายภาพให้ทุกคนที่เข้ามาอ่าน ได้มอง หรือ ได้มีโอกาสกำหนดวิถึทางในการบริหารชีวิตตัวเอง หรือครอบครัว แบบมีเป้าหมายเชิงกลยุทธ์แบบชัดเจน โดยไม่ปล่อยให้ชีวิตของตนเองล่องลอยไปตามกระแสธารของสังคมพาเราไปโดยไม่มีจุดมุ่งหมาย เหมือนเดินเรืออยู่ในทะเลโดยไม่รู้ทิศทางที่แน่ชัดของตัวเองตามแต่กระแสคลื่นในท้องทะเลจะพาไป
ผมเชื่อว่าคำถามที่ทุกคนยอดฮิตที่คนส่วนใหญ่มักจะตั้งคำถาม หรือ พยายามค้นหาคำตอบอยู่ในเสมอคงหนีไปพ้นคำถามที่ว่า "ทำยังไงเราจะรวย" หนังสือบนหิ้งที่ขึ้นชื่อว่าขายดีตามร้านหนังสือ ถ้าไม่ตั้งชื่อโดยไม่มีคำว่ารวยอยู่ในหน้าปกมักจะขายไม่ได้ เลยเป็นที่มาที่เมื่อเราไปร้านหนังสือจะเห็นหนังสือส่วนใหญ่ต้องมีคำว่ารวยอยู่หน้าปกหนังสือเสมอ
แต่วันนี้เมื่อผมนำหัวข้อการบริหารชีวิตเชิงกลยุทธ์มาถ่ายทอด แน่นอนผมคงไม่ได้หมายความแต่ด้านของความรวยเพียงด้านเดียว เพราะในคำว่าชีวิตไม่ได้มีองค์ประกอบเพียงแค่ความรวย แต่องค์ประกอบของการประสบความสำเร็จในชีวิตที่ทุกคนควรบริหาร หรือ เดินทางไปสู่ความสำเร็จของชีวิตนั้นมีองค์ประกอบมามาย แต่จากประสบการณ์ในการทำงานที่ผ่านมาของผมอยากสรุปประเด็นสำคัญที่เราทุกคนควรบริหารชีวิตไปสู่ความสำเร็จได้เพียง 4 ข้อ จริงๆแล้วมันมีปัจจัยที่นำพาชีวิตไปสู่ความสำเร็จมากมายกว่า 4 ข้อนี้ แต่ถ้าจัดลำดับความสำคัญผมว่า 4 ข้อที่ผมจะนำเสนอนั้นโดยส่วนตัวผมเองถือว่าเป็น 4 ข้อที่มีความสำคัญที่สุด 4 ลำดับแรก คนส่วนใหญ่อื่นๆอาจเห็นไม่เหมือนกันไม่ได้เสียหายอะไรครับแล้วแต่มุมมองของแต่ละท่าน
1.สุขภาพการเงินแข็งแรง
ผมใช้คำว่า "สุขภาพการเงินแข็งแรง" ซึ่งบางท่านอาจได้ยินคำว่า "อิสรภาพทางการเงิน" หรือคำว่าอะไรก็แล้วแต่ล้วนแต่มีเป้าหมายเดียวกันแต่ผมไม่ได้เน้นไปที่คำว่า "ร่ำรวย" ซึ่งเมื่อเราพูดถึงด้านการเงินเป็นเรื่องที่ต่างคนต่างความคิด บางคนมี 1 ล้าน ก็บอกว่าฉันรวยแล้ว ในขณะที่บางคนมีพันล้าน ก็บอกว่าฉันยังไม่รวย แล้วตรงไหนล่ะคือจุดที่พอดี
พอดีโดยความหมายของผมก็หมายถึงความแข็งแรงทางด้านการเงินที่เราสามารถตอบโจทย์ หรือ ตอบความต้องการต่อเป้าหมายทางการเงินชีวิตของคนเรา หรือ ของครอบครัวได้อย่างดี ไม่ว่าจะมีปัญหาหรืออุปสรรคใดๆเกิดขึ้นก็ไม่ทำให้ครอบครัว หรือ ชีวิตประสบปัญหาได้ง่ายๆ ยกตัวอย่างเช่น
คนโสดไม่มีครอบครัว ไม่มีใครที่ต้องดูแล แน่นอนเป้าหมายของคนกลุ่มนี้ คงหนี้ไม่พ้นแค่การดูแลคน 2 คน นั้นคือ ตัวเองในปัจจุปัน และตัวเองในตอนแก่ คำถามง่ายๆที่จะทดสอบความแข็งแรงทางด้านการเงินคือ หากวันนี้คุณต้องพิการไม่สามารถทำงานไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดๆก็ตามคุณจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างไร การเงินที่มีในปัจจุปันนี้อยู่จะทำให้คุณใช้ชีวิตไปได้อีกนานเท่าไหร่ หรือแม้ว่าวันที่คุณกษียณเงินเท่าไหร่ที่คุณพอจะใช้จ่าย ค่ากินค่าอยู่ ค่ารักษาพยาบาลในตอนแก่ได้ไปจนตลอดชีวิต
ผมมองแค่นี้ว่า จากคำถามข้างต้น หากเราสามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้และมี"เงิน"ที่ได้เตรียมมากพอต่อคำตอบข้างต้นผมก็มองว่าเราก็มีความแข็งแรงแล้วในระดับหนึ่ง
สรุปง่ายๆเลยสำหรับข้อนี้คือ สุขภาพการเงินแข็งแรง หมายถึง การที่เราได้เตรียมเงินเพื่อตอบโจทย์ต่อเป้าหมายทางการเงินของตนเอง และสามารถแก้ปัญหาและอุปสรรคทางการเงินที่สามารถเกิดขึ้นได้ในอนาคตได้เป็นอย่างดี
2.สุขภาพกายแข็งแรง
ผมว่าคำนี้มันคือคำที่คนส่วนใหญ่รู้กันดีอยู่แล้วว่านี่คือสิ่งที่ควรต้องทำ หมดยุคหมดสมัยแล้วที่ทำงานไปจนวันตาย หรือ ทุ่มเทให้กับงานจะลืมความว่าออกกำลังกาย คำๆนี้กำลังฮิตและฮิตมากที่ปัจจุปันนี้ เพราะมันได้รับการพิสูจน์มามากมายแล้วว่ามีเงินมากมายเท่าไหร่ก็ซื้อสุขภาพที่ไม่ดีกลับคืนมาได้ แล้วทำไมเราต้องรอให้ถึงวันนั้นล่ะ
3.สุขภาพครอบครัวแข็งแรง
ครอบครัวคือหน่วยของสังคมที่เล็กที่สุดในสังคม เป็นพื้นฐานในการดำเนินชีวิตของแต่ละคน ลองพิจารณาดูนะครับ
หากเรามีเงินมากมายแต่เลี้ยงลูกด้วยเงินแล้วทำให้ลูกติดยา เรามีความสุขไหม
หากเรามีเงินมากมายแต่ปล่อยให้ลูกเป็นเด็กแว๊น ไปเกิดอุบัติเหตุมา เรามีความสุขไหม
หากเรามีเงินมากมายแต่ไม่ให้ความสำคัญกับคนในครอบครัวก่อนเป็นอันดับแรกทำให้ครอบครัวแตกแยก เรามีความสุขไหม
แล้วอะไรล่ะ คือ ความพอดี ความเหมาะสม ผมมองว่าแล้วแต่เหตุปัจจัยและความจำเป็นของครอบครัวไม่เหมือนกัน ค้นหาความเหมาะสมของตัวเองให้เจอนะครับ
4.สุขภาพใจแข็งแรง
สาเหตุที่ผมนำคำนี้มาอยู่ใน 4 ข้อนี้ ก็เพราะว่าใจ (จิต) คือ พื้นฐานของชีวิตทั้งหมด ผมเห็นหลายๆคนไปออกกำลังกายให้ตัวเองแข็งแรงทนทานต่อความเจ็บป่วย แต่ลืมฝึกใจตัวเองให้แข็งแรงให้ทนต่อ
การพลัดพรากจากคนที่รัก
การเปลี่ยนแปลงของร่างกาย
การเจ็บป่วยที่มีโอกาสเกิดขึ้น
การผิดพลาดล้มเหลว
การที่ชีวิตไม่ได้เป็นไปอย่างที่หวัง
หรือแม้กระทั่ง จิตที่ต้องแยกจากร่างกายของตนเอง
ผมมองว่าเรื่องของจิตใจเป็นเรื่องที่มองไม่เห็น พิสูจน์ด้วยการวัดค่อนข้างยาก แถมยังมีประเด็นในเรื่องของความเชื่อของแต่ละความศรัทธาอีก แต่ผมนำข้อนี้เข้ามาก็เพียงเพื่อให้เราไม่ได้ลืมที่จะพัฒนาสุขภาพใจให้แข็งแรงตามความเชือและความศรัทธาของแต่ละคนเท่านั้นเอง เพื่อเตรียมจิตใจให้พร้อมรับกับสถานการณ์ของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นไม่วันใดก็วันหนึ่งอย่างแน่นอน
ทั้ง 4 ข้อที่กล่าวมาข้างต้น ไม่ได้มีข้อใดสำคัญกว่ากัน ทุกข้อล้วนมีความสำคัญเท่ากันและสัมพันธ์กันไปหมดในทุกๆข้อ แต่อาจมีบ้างที่ข้อใดข้อหนึ่งสำคัญหรือให้น้ำหนักมากกว่ากันตามช่วงเวลาของอายุ แต่แค่ไม่ลืมว่ายังไม่ลืมสุขภาพในด้านอื่นๆด้วยแค่นั้นเอง
ทั้ง 4 ข้อเป็นสิ่งที่ผมใช้กับตัวเองและครอบครัวเป็นหลักในการดำเนินชีวิตในปัจจุปัน เวลามีปัจจัยหรือประเด็นมากระทบกับตัวเองก็มักจะถามตัวเองเสมอว่า สิ่งที่มากระทบนั้นมีผลทำให้ สุขภาพทั้ง 4 ด้านนั้นเปลี่ยนแปลงไปในทางไม่ดีหรือไม่ ถ้าคำตอบเป็น "ใช่" เราก็จะพิจารณาหลีกเลี่ยงหรือปฏิเสธเรื่องนั้นๆไป
ทั้ง 4 ข้อที่กล่าวมาข้างต้น อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกันก็แล้วแต่ความจำเป็น ความต้องการของแต่ละคน บางคนอาจไม่สนใจสุขภาพใจ อาจนำข้ออื่นๆเข้ามาแทนที่ก็ได้ แต่อย่างน้อยเราก็ได้รู้เอาว่า เราก็มีหลักในการดำเนินชีวิต มีกลยุทธ์ที่เราสามารถใช้ในการดำเนินชีวิต เพื่อบรรลุเป้าหมายชีวิตในอนาคตตามที่ตนเองปราถนา