ที่ผมไม่เห็นด้วยก็เพราะว่า ผม และคนอีกจำนวนมากเป็นลูกหนี้ชั้นดี ที่ชำระเงินมาตลอด
ผมไม่ได้ทำสัญญาชำระแบบรายเดือนครับ แต่ชำระแบบรายปี
คือชำระปีละครั้ง ปีนี้เป็นปีที่ ๖ แล้ว ที่ผมชำระมา ชำระครบทุกบาทที่กยศ.กำหนดมาโดยตลอด
และไม่เคยถูกปรับด้วย
แต่การที่ กยศ.บอกว่าจะร่วมมือกับ นายจ้าง หรือหน่วยงานราชการ
เพื่อที่จะหักเงินจากบัญชีผมโดยอัตโนมัติทุกๆเดือน แบบนี้ผมคิดว่าไม่เป็นธรรมสักเท่าไหร่
เพราะไม่ได้เป็นไปตามเงื่อนไขที่เราได้ตกลงกันตั้งแต่แรก (ในสัญญาเงินกู้)
ผมมีคำถามคือว่า แล้วคนที่ตกงาน หรือจงใจไม่ทำงาน(ที่บ้านมีเงิน แต่ไม่อยากชำระหนี้) หรือไม่โอนเงินเข้าในบัญชีล่ะ
กยศ.มีวิธีหักเงินเขาอย่างไร ฟ้องเหรอ? แล้วยังไง ยอมความ?
แน่จริงก็ไปยึดบ้าน ยึดทรัพย์สินของผู้กู้บางคนเลยสิ เพราะบางคนตั้งแต่เรียนจบมา ยังไม่เคยชำระสักบาทเลยก็มี
สิ่งที่ผมอยากแนะนำ กยศ.คือ ถ้าจะหักเงินจาก บช.ผู้กู้แบบอัตโนมัติ
ควรไปหักเฉพาะคนที่ไม่เคยชำระหนี้เลย หรือไม่ก็ชำระนิดๆหน่อยๆแล้วหายไปนานหลายปี
ค่อยชำระอีกนิดๆหน่อย คนประเภทนี้มีเยอะเหมือนกัน
ส่วนคนที่ชำระตรงเวลามาตลอด ควรให้เป็นธรรมแก่เขาด้วย
http://news.thaipbs.or.th/content/263321
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้กยศ.ประสานข้อมูลกับนายจ้างในหน่วยงานราชการและบริษัทเอกชน เพื่อขอหักเงินจากบัญชีเงินเดือนลูกหนี้ ค้างชำระของกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ. เริ่ม 26 ก.ค.นี้
หลังคณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการ พ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. 2560 เพื่อรวบกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ. กับกองทุนเงินให้กู้ยืมที่ผูกกับรายได้ในอนาคต หรือ กรอ. เข้าด้วยกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
วันนี้(11 มิ.ย.2560) นายปรเมศวร์ สังข์เอี่ยม ผู้อำนวยการฝ่ายคดีและบังคับคดี กยศ. ระบุว่า กฎหมายฉบับใหม่ มีผลบังคับใช้วันที่ 26 ก.ค.นี้ โดยกฎหมายได้ระบุให้นายจ้าง สามารถหักเงินจากรายได้ของลูกจ้างที่เป็นลูกหนี้ในกองทุน กยศ. เช่นเดียวกับการหักภาษีของกรมสรรพากรในแต่ละเดือน
โดยขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบและรวบรวมข้อมูลของลูกหนี้ กยศ. ที่มีอยู่ทั้งหมด 4 ล้าน 8 แสนคนและประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องราชการและบริษัทเอกชน เช่น กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กรมสรรพากร เพื่อดูข้อมูลที่อยู่ สถานที่ทำงาน รายได้ เพื่อทำเรื่องหักบัญชีเงินเดือนของลูกจ้าง นำส่งคืนกองทุน กยศ.
เบื้องต้นจะเริ่มหักรายได้ลูกหนี้ กยศ. ที่เป็นข้าราชการก่อนซึ่งมีประมาณ 100-200 หน่วยงาน โดยมีข้าราชการที่เป็นลูกหนี้ กยศ.และค้างชำระหนี้ ทั้งสิ้น 200,000 ราย มูลหนี้ 80,000 ล้านบาท
จากนั้นจะทยอยประสานบริษัทเอกชน เพื่อหักรายได้ของลูกจ้าง มั่นใจว่า จะช่วยลดยอดหนี้ค้างชำระได้ ที่มีอยู่ ร้อยละ 53 ของจำนวนลูกหนี้ค้างชำระทั้งหมด 1.9 แสนราย มูลหนี้ 62,000 ล้านบาท
ส่วนแนวทางการดึงลูกหนี้กยศ.เข้าสู่ระบบเครดิตบูโร อยู่ระหว่างจัดทำข้อมูลให้ถูกต้องที่สุด คาดว่า จะเริ่มดึงลูกหนี้กยศ.เข้าสู่เครดิตบูโรได้ในปี 2563 จากเดิมปี 2561
ไม่เห็นด้วยกับการที่ กยศ.เตรียมหักบัญชีรายได้ของผู้กู้
ผมไม่ได้ทำสัญญาชำระแบบรายเดือนครับ แต่ชำระแบบรายปี
คือชำระปีละครั้ง ปีนี้เป็นปีที่ ๖ แล้ว ที่ผมชำระมา ชำระครบทุกบาทที่กยศ.กำหนดมาโดยตลอด
และไม่เคยถูกปรับด้วย
แต่การที่ กยศ.บอกว่าจะร่วมมือกับ นายจ้าง หรือหน่วยงานราชการ
เพื่อที่จะหักเงินจากบัญชีผมโดยอัตโนมัติทุกๆเดือน แบบนี้ผมคิดว่าไม่เป็นธรรมสักเท่าไหร่
เพราะไม่ได้เป็นไปตามเงื่อนไขที่เราได้ตกลงกันตั้งแต่แรก (ในสัญญาเงินกู้)
ผมมีคำถามคือว่า แล้วคนที่ตกงาน หรือจงใจไม่ทำงาน(ที่บ้านมีเงิน แต่ไม่อยากชำระหนี้) หรือไม่โอนเงินเข้าในบัญชีล่ะ
กยศ.มีวิธีหักเงินเขาอย่างไร ฟ้องเหรอ? แล้วยังไง ยอมความ?
แน่จริงก็ไปยึดบ้าน ยึดทรัพย์สินของผู้กู้บางคนเลยสิ เพราะบางคนตั้งแต่เรียนจบมา ยังไม่เคยชำระสักบาทเลยก็มี
สิ่งที่ผมอยากแนะนำ กยศ.คือ ถ้าจะหักเงินจาก บช.ผู้กู้แบบอัตโนมัติ
ควรไปหักเฉพาะคนที่ไม่เคยชำระหนี้เลย หรือไม่ก็ชำระนิดๆหน่อยๆแล้วหายไปนานหลายปี
ค่อยชำระอีกนิดๆหน่อย คนประเภทนี้มีเยอะเหมือนกัน
ส่วนคนที่ชำระตรงเวลามาตลอด ควรให้เป็นธรรมแก่เขาด้วย
http://news.thaipbs.or.th/content/263321
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้