พืชหลักทางการเกษตร ใน 2 อำเภอของจังหวัดนครราชสีมาตกต่ำต่อเนื่อง เกษตรกรขายมันสำปะหลังได้เพียงกิโลกรัมละ 84 สตางค์ ซึ่งจากเดิมเคยได้กว่า 3 บาท
สภาพไร่มัน ไร่อ้อย และข้าวโพด ในอำเภอสูงเนินอำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ที่ในภาพรวมของทั้งสองอำเภอ นิยมปลูกพืชไร่เป็นหลัก
จากการพูดคุยกับเกษตรกร พบปัญหาคล้ายคลึง กับชาวนาในภาคกลาง นั่นคือราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ไม่ว่าจะเป็น ข้าวโพด มันสําปะหลัง หรือแม้กระทั่ง ข้าว
ปัจจุบันราคามันสำปะหลัง เมื่อนำไปขายให้กับผู้รับซื้อหรือนำไปขายให้กับผู้ประกอบการได้ราคาเพียงกิโลกรัมละ 84สตางค์เท่านั้น จากเดิมที่เกษตรกรเคยได้กว่ากิโลกรัมละ 3 บาท 50 สตางค์ ในสมัยรัฐบาลที่ผ่านมา
เช่นเดียวกับพืชหลักในพื้นที่อย่างข้าวโพด ซึ่งจากเดิมเคยขายได้เกือบตันละ 10,000 บาท แต่ปัจจุบันราคาตกต่ำลงกว่าครึ่ง เหลือเพียง 5- 6 พันบาทเท่านั้น
สำหรับอ้อย แม้ในช่วงปีที่ผ่านมาราคาจะปรับตัวสูงขึ้น แต่เกษตรกรก็มีความกังวลไม่น้อยว่าในปีนี้จะได้ราคาที่เกษตรกรพออยู่ได้เหมือนในปีที่ผ่านมาหรือไม่ เพราะมีหลายครอบครัวที่ปรับเปลี่ยนมาปลูกอ้อยแทนพืชชนิดเดิม ซึ่งอาจทำให้ผลผลิตล้นตลาด
ขณะที่ข้าวก็เป็นพืชอีกหนึ่งชนิดที่พี่น้องชาวนาอย่างต้องเผชิญกับปัญหาเรื่องราคาตกต่ำ ข้าวเปลือกเจ้า โรงสีหรือนายทุนรับซื้อเพียง 6,000 กว่าบาทเท่านั้น
ทั้งหมดเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้พี่น้องเกษตรกรต้องพบกับสถานการณ์ความยากลำบากไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาระหนี้สินชีวิตความเป็นอยู่โดยเฉพาะเศรษฐกิจปากท้อง
ปัจจัยดังกล่าวมีผลทำให้หลายครอบครัวเลือกที่จะยุติการเพาะปลูก เลือกที่จะไม่เก็บมันสำปะหลังเพื่อนำไปขาย สาเหตุสำคัญมาจากราคาที่ตกต่ำเมื่อเก็บกู้แล้ว ไม่คุ้มค่าแรงงาน ไม่คุ้มกับเครื่องมือ และค่าขนส่ง
นอกจากเรื่องของราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ รวมถึงปัญหาหนี้สินที่พี่น้องเกษตรกรต้องเผชิญตลอด 4-5 ฤดูการผลิตที่ผ่านมาแล้ว การขายพืชผลทางการเกษตรก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก หลายคนนำผลิตผลทางการเกษตรไปขาย พ่อค้าคนกลางหรือนายทุนจำกัดปริมาณการรับซื้อ รวมถึงตั้งราคาที่พี่น้องเกษตรกรไม่สามารถต่อรองได้ โดยการขายพืชผลทางการเกษตรในปัจจุบัน พี่น้องชาวไร่ชาวนาจำเป็นต้องรอฟังนายทุนว่าจะรับซื้อเมื่อใด และรับซื้อในปริมาณเท่าใด
ปัจจัยทั้งหมดมีผลให้การค้าการขายหรือเศรษฐกิจในปัจจุบัน ของพื้นที่ดังกล่าวค่อนข้างเงียบเหงา พ่อค้าแม่ขายต่างสะท้อนถึงปัญหาทางธุรกิจหรือยอดขายที่ได้รับผลกระทบ อันเนื่องมาจากราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ส่งผลให้พี่น้องเกษตรกรไม่มีกำลังซื้อ และที่น่าเป็นห่วงคือเมื่อรายได้ไม่พอกับรายจ่าย ปัญหาอาชญากรรมโดยเฉพาะเรื่องของยาเสพติด จึงเริ่มปรากฏชัดมากขึ้น โดยเกษตรกรกลุ่มดังกล่าวสะท้อนว่าในหมู่บ้านชุมชนเยาวชนติดยาเสพติดเพิ่มมากขึ้น
JJNY : เสดตะกิดดี๊ดี...ซี้จุกสูญ ชาวไร่โอด! อ้อย-มัน-ข้าวโพด ราคาตก แต่ปัญหายาเสพติดพุ่ง
สภาพไร่มัน ไร่อ้อย และข้าวโพด ในอำเภอสูงเนินอำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ที่ในภาพรวมของทั้งสองอำเภอ นิยมปลูกพืชไร่เป็นหลัก
จากการพูดคุยกับเกษตรกร พบปัญหาคล้ายคลึง กับชาวนาในภาคกลาง นั่นคือราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ไม่ว่าจะเป็น ข้าวโพด มันสําปะหลัง หรือแม้กระทั่ง ข้าว
ปัจจุบันราคามันสำปะหลัง เมื่อนำไปขายให้กับผู้รับซื้อหรือนำไปขายให้กับผู้ประกอบการได้ราคาเพียงกิโลกรัมละ 84สตางค์เท่านั้น จากเดิมที่เกษตรกรเคยได้กว่ากิโลกรัมละ 3 บาท 50 สตางค์ ในสมัยรัฐบาลที่ผ่านมา
เช่นเดียวกับพืชหลักในพื้นที่อย่างข้าวโพด ซึ่งจากเดิมเคยขายได้เกือบตันละ 10,000 บาท แต่ปัจจุบันราคาตกต่ำลงกว่าครึ่ง เหลือเพียง 5- 6 พันบาทเท่านั้น
สำหรับอ้อย แม้ในช่วงปีที่ผ่านมาราคาจะปรับตัวสูงขึ้น แต่เกษตรกรก็มีความกังวลไม่น้อยว่าในปีนี้จะได้ราคาที่เกษตรกรพออยู่ได้เหมือนในปีที่ผ่านมาหรือไม่ เพราะมีหลายครอบครัวที่ปรับเปลี่ยนมาปลูกอ้อยแทนพืชชนิดเดิม ซึ่งอาจทำให้ผลผลิตล้นตลาด
ขณะที่ข้าวก็เป็นพืชอีกหนึ่งชนิดที่พี่น้องชาวนาอย่างต้องเผชิญกับปัญหาเรื่องราคาตกต่ำ ข้าวเปลือกเจ้า โรงสีหรือนายทุนรับซื้อเพียง 6,000 กว่าบาทเท่านั้น
ทั้งหมดเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้พี่น้องเกษตรกรต้องพบกับสถานการณ์ความยากลำบากไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาระหนี้สินชีวิตความเป็นอยู่โดยเฉพาะเศรษฐกิจปากท้อง
ปัจจัยดังกล่าวมีผลทำให้หลายครอบครัวเลือกที่จะยุติการเพาะปลูก เลือกที่จะไม่เก็บมันสำปะหลังเพื่อนำไปขาย สาเหตุสำคัญมาจากราคาที่ตกต่ำเมื่อเก็บกู้แล้ว ไม่คุ้มค่าแรงงาน ไม่คุ้มกับเครื่องมือ และค่าขนส่ง
นอกจากเรื่องของราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ รวมถึงปัญหาหนี้สินที่พี่น้องเกษตรกรต้องเผชิญตลอด 4-5 ฤดูการผลิตที่ผ่านมาแล้ว การขายพืชผลทางการเกษตรก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก หลายคนนำผลิตผลทางการเกษตรไปขาย พ่อค้าคนกลางหรือนายทุนจำกัดปริมาณการรับซื้อ รวมถึงตั้งราคาที่พี่น้องเกษตรกรไม่สามารถต่อรองได้ โดยการขายพืชผลทางการเกษตรในปัจจุบัน พี่น้องชาวไร่ชาวนาจำเป็นต้องรอฟังนายทุนว่าจะรับซื้อเมื่อใด และรับซื้อในปริมาณเท่าใด
ปัจจัยทั้งหมดมีผลให้การค้าการขายหรือเศรษฐกิจในปัจจุบัน ของพื้นที่ดังกล่าวค่อนข้างเงียบเหงา พ่อค้าแม่ขายต่างสะท้อนถึงปัญหาทางธุรกิจหรือยอดขายที่ได้รับผลกระทบ อันเนื่องมาจากราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ส่งผลให้พี่น้องเกษตรกรไม่มีกำลังซื้อ และที่น่าเป็นห่วงคือเมื่อรายได้ไม่พอกับรายจ่าย ปัญหาอาชญากรรมโดยเฉพาะเรื่องของยาเสพติด จึงเริ่มปรากฏชัดมากขึ้น โดยเกษตรกรกลุ่มดังกล่าวสะท้อนว่าในหมู่บ้านชุมชนเยาวชนติดยาเสพติดเพิ่มมากขึ้น