คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
เรื่องเกี่ยวกับฮิตเล่อร์นี่ปกติผมไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยว เพราะถ้าให้คอยแก้ไขเรื่องราวฮิตเล่อร์ที่เอามาลงในพันทิปผมคงต้องนั่งแก้ไขบ่อยครั้ง ฉะนั้นจึงมักปล่อยผ่านไปทั้งๆ ที่ผิดบ้างถูกบ้าง เนื่องจากเห็นว่าเป็นการเขียนกันแบบสนุกสนานบันเทิงมากกว่าจะเอาความรู้ถึงข้อเท็จจริง
แต่ตอบครั้งนี้ เพราะเห็นว่าคนตั้งกระทู้เป็นคุณ tottui ซึ่งน่าจะเป็นผู้ที่ต้องการรู้เรื่องจริง
เรื่องจริงๆ ตามประวัติที่บันทึกและตรวจสอบแล้วจากนักประวัติศาสตร์เยอรมันและประเทศอื่นๆ และลงพิมพ์เก็บอยู่ในหอสมุดแห่งชาติอย่างเป็นทางการเป็นดังนี้
ฮิตเล่อร์เกิดปี 1889 ที่เมือง Braunau (เบราเนา) ซึ่งถึงแม้จะอยู่ใกล้ชายแดนเยอรมนีก็จริง แต่ไม่ได้มีผลอะไรกับสัญชาติฮิตเล่อร์เพราะเขาถือสัญชาติออสเตรียตั้งแต่เกิดซึ่งขณะนั้นยังเป็นอาณาจักรออสเตรีย-ฮังการี ตั้งแต่ปี 1918 ถึงแยกออกมาเป็นออสเตรียจนถึงปัจจุบัน ทั้งๆ ที่ฮิตเล่อร์เข้ามาอาศัยอยู่ในมิวนิคตั้งแต่ปี 1913 แต่ก็ยังถือสัญชาติออสเตรีย ฮิตเล่อร์รู้สึกว่าตนเองเป็นเยอรมันมากกว่าเป็นออสเตรีย-ฮังการี เพราะคิดว่าออสเตรีย-ฮังการีนั้นมีเลือดของชาวสลาฟเข้ามาปะปน ไม่ได้เป็นเยอรมันแท้ๆ
ฮิตเล่อร์หนีการรับเข้าเกณฑ์ทหารในออสเตรียเข้ามาอยู่ในมิวนิคและอยู่ภายใต้ความกลัวว่าจะถูกส่งตัวกลับไปให้ออสเตรียตลอดเวลา การที่ฮิตเล่อร์เข้ารับราชการทหารในกองทัพเยอรมันทำให้เขารอดตัวไปจากการส่งกลับไปออสเตรีย ตั้งแต่ปี 1919 ฮิตเล่อร์มีบทบาทในการต่อต้านระบบประชาธิปไตย ตั้งแต่ปี 1921 จึงถูกลงโทษทั้งปรับและจำคุก คราวนี้ก็กลัวถูกส่งตัวกลับออสเตรียอีกในฐานะที่เป็นต่างชาติที่บ่อนทำลายความมั่นคงของประเทศเยอรมนี
ฮิตเล่อร์เลยใช้วีธียื่นเรื่องขอสละสัญชาติออสเตรียและประสบความสำเร็จในวันที่ 30 เมษายน 1925 เขากลายเป็นผู้ไร้สัญชาติ เยอรมนีจะส่งตัวกลับไปออสเตรียก็ไม่ได้อีกต่อไปเพราะเขาเป็นคนไร้สัญชาติไปแล้ว
หลังจากนั้นฮิตเล่อร์ไม่เคยยื่นเรื่องขอสัญชาติเยอรมันใหม่เลย เพราะเขาถือว่าการที่เขามาสู้รบในกองทัพเยอรมันก็เป็นการบ่งชี้ชัดเจนแล้วว่าเขาเลือกเยอรมันเป็นบ้านที่แท้จริงแทนที่จะไปต่อสู้ให้กับกองทัพออสเตรีย ฉะนั้นไม่ใช่ตัวเขาเองที่จะมาร้องขอสัญชาติแต่เป็นรัฐบาลเยอรมันต่างหากที่ควรเห็นคุณค่าของเขาและหยิบยื่นสัญชาติเยอรมันให้เขาเอง
ฮิตเล่อร์มาน้อยเนื้อต่ำใจจริงจังก็เมื่อในปี 1932 ที่มีการออกกฏหมายให้สัญชาติแก่ชาวยิวและคนเร่ร่อนอื่นๆ ราว 2-3 แสนคนในขณะที่ตนเองก็ยังไม่มีใครจะหยิบยื่นสัญชาติเยอรมันให้ และนับจากจุดนี้เองที่ลูกสมุนที่ติดตามความคิดของฮิสเล่อร์เริ่มเป็นเดือดเป็นร้อน และมีการพยายามยื่นเรื่องของสัญชาติให้ฮิตเล่อร์ถึง 6 ครั้ง และล้มเหลวทุกครั้งในแต่ละต่างรัฐกัน
เรื่องสัญชาติฮิตเล่อร์กลายเป็นเรื่องเร่งด่วนสำคัญที่สุดในพรรค NSDAP ของฮิตเล่อร์เนื่องจากวันเลือกตั้งประธานาธิบดีซึ่งกำหนดไว้วันที 13 มีนาคม 1932 ใกล้เข้ามาทุกที มาสำเร็จเอาใน Braunschweig ซึ่งขณะนั้นมีรัฐบาลผสม ซึ่งพรรคซึ่งเป็นผู้คล้อยตามฮิตเล่อร์ร่วมอยู่ด้วยและขู่ว่าถ้าไม่ผ่านการให้สัญชาติฮิตเล่อร์ก็จะถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาล ในขณะนั้นเงื่อนไขการที่จะได้รับสัญชาติจะต้องมีหน้าที่รับผิดชอบที่สำคัญในหน่วยงานราชการ จึงได้มีการแต่งตั้งฮิตเล่อร์ขึ้นมารับตำแหน่ง Professor ในมหาวิทยาลัยของ Braunschweig ด้วย แต่กระนั้นก็ยังไม่ผ่านการอนุมัติสัญชาติอยู่ดี กลายเป็นที่น่าขบขันของสาธารณะ เลยมาแต่งตั้งกันใหม่ให้ฮิตเล่อร์เป็นที่ปรึกษาของคณะรัฐบาล Brauschweig กันอีก
ในที่สุดฮิตเล่อร์จึงได้รับการอนุมัติให้ได้สัญชาติในวันที่ 26 กุมภาพันธุ์ 1932 ทันการเข้ารับการเลื่อกตั้งประธานาธิบดีหลังจากนั้น เมื่อฮิตเล่อร์ขึ้นครองอำนาจแล้วได้เปลี่ยนแปลงกฏหมายการให้สัญชาตินี้ทันที กลายเป็นว่าไม่มีการให้สัญชาติเยอรมันแก่ต่างชาติในภายหลังอีก
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เรื่องบ้านเกิดของฮิตเล่อร์ใน Braunau ก็เหมือนกัน รัฐบาลพยายามขอซื้อบ้านหลังนี้มากจากเจ้าของเดิมหลายครั้งและต้องการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงบ้าน แต่เจ้าของบ้านไม่ยินยอมในทุกกรณี รัฐบาลออสเตรียจึงออกกฏหมายผ่านสภาเมื่อเดือนมกราคมปีนี้เพื่อยึดบ้าน เจ้าของบ้านจึงนำเรื่องขึ้นสู่ศาล ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญเพิ่งตัดสินสดๆ ร้อนๆ วันนี้เองให้รัฐบาลเข้ายึดบ้านหลังนี้เป็นของรัฐได้หลังจากมีปัญหาในการใช้บ้านหลังนี้มาเป็นเวลานานหลายสิบปีและสิ้นเปลืองงบประมาณของรัฐบาลมาตลอด เพียงเพราะไม่ต้องการให้ตกไปอยู่ในการใช้สอบของกลุ่มขวาจัดหรือ Neo-Nazi
ส่วนจะรื้อลงหรือจะนำไปใช้เพื่อจุดประสงค์ใดยังไม่มีการตัดสินใจ แต่ตอนนี้บ้านหลังนี้ตกเป็นของรัฐบาลออสเตรียแล้ว โดยรัฐบาลจ่ายเงินให้เจ้าของเดิมไปตามจำนวนที่มีการประเมินราคาปัจจุบัน
แต่ตอบครั้งนี้ เพราะเห็นว่าคนตั้งกระทู้เป็นคุณ tottui ซึ่งน่าจะเป็นผู้ที่ต้องการรู้เรื่องจริง
เรื่องจริงๆ ตามประวัติที่บันทึกและตรวจสอบแล้วจากนักประวัติศาสตร์เยอรมันและประเทศอื่นๆ และลงพิมพ์เก็บอยู่ในหอสมุดแห่งชาติอย่างเป็นทางการเป็นดังนี้
ฮิตเล่อร์เกิดปี 1889 ที่เมือง Braunau (เบราเนา) ซึ่งถึงแม้จะอยู่ใกล้ชายแดนเยอรมนีก็จริง แต่ไม่ได้มีผลอะไรกับสัญชาติฮิตเล่อร์เพราะเขาถือสัญชาติออสเตรียตั้งแต่เกิดซึ่งขณะนั้นยังเป็นอาณาจักรออสเตรีย-ฮังการี ตั้งแต่ปี 1918 ถึงแยกออกมาเป็นออสเตรียจนถึงปัจจุบัน ทั้งๆ ที่ฮิตเล่อร์เข้ามาอาศัยอยู่ในมิวนิคตั้งแต่ปี 1913 แต่ก็ยังถือสัญชาติออสเตรีย ฮิตเล่อร์รู้สึกว่าตนเองเป็นเยอรมันมากกว่าเป็นออสเตรีย-ฮังการี เพราะคิดว่าออสเตรีย-ฮังการีนั้นมีเลือดของชาวสลาฟเข้ามาปะปน ไม่ได้เป็นเยอรมันแท้ๆ
ฮิตเล่อร์หนีการรับเข้าเกณฑ์ทหารในออสเตรียเข้ามาอยู่ในมิวนิคและอยู่ภายใต้ความกลัวว่าจะถูกส่งตัวกลับไปให้ออสเตรียตลอดเวลา การที่ฮิตเล่อร์เข้ารับราชการทหารในกองทัพเยอรมันทำให้เขารอดตัวไปจากการส่งกลับไปออสเตรีย ตั้งแต่ปี 1919 ฮิตเล่อร์มีบทบาทในการต่อต้านระบบประชาธิปไตย ตั้งแต่ปี 1921 จึงถูกลงโทษทั้งปรับและจำคุก คราวนี้ก็กลัวถูกส่งตัวกลับออสเตรียอีกในฐานะที่เป็นต่างชาติที่บ่อนทำลายความมั่นคงของประเทศเยอรมนี
ฮิตเล่อร์เลยใช้วีธียื่นเรื่องขอสละสัญชาติออสเตรียและประสบความสำเร็จในวันที่ 30 เมษายน 1925 เขากลายเป็นผู้ไร้สัญชาติ เยอรมนีจะส่งตัวกลับไปออสเตรียก็ไม่ได้อีกต่อไปเพราะเขาเป็นคนไร้สัญชาติไปแล้ว
หลังจากนั้นฮิตเล่อร์ไม่เคยยื่นเรื่องขอสัญชาติเยอรมันใหม่เลย เพราะเขาถือว่าการที่เขามาสู้รบในกองทัพเยอรมันก็เป็นการบ่งชี้ชัดเจนแล้วว่าเขาเลือกเยอรมันเป็นบ้านที่แท้จริงแทนที่จะไปต่อสู้ให้กับกองทัพออสเตรีย ฉะนั้นไม่ใช่ตัวเขาเองที่จะมาร้องขอสัญชาติแต่เป็นรัฐบาลเยอรมันต่างหากที่ควรเห็นคุณค่าของเขาและหยิบยื่นสัญชาติเยอรมันให้เขาเอง
ฮิตเล่อร์มาน้อยเนื้อต่ำใจจริงจังก็เมื่อในปี 1932 ที่มีการออกกฏหมายให้สัญชาติแก่ชาวยิวและคนเร่ร่อนอื่นๆ ราว 2-3 แสนคนในขณะที่ตนเองก็ยังไม่มีใครจะหยิบยื่นสัญชาติเยอรมันให้ และนับจากจุดนี้เองที่ลูกสมุนที่ติดตามความคิดของฮิสเล่อร์เริ่มเป็นเดือดเป็นร้อน และมีการพยายามยื่นเรื่องของสัญชาติให้ฮิตเล่อร์ถึง 6 ครั้ง และล้มเหลวทุกครั้งในแต่ละต่างรัฐกัน
เรื่องสัญชาติฮิตเล่อร์กลายเป็นเรื่องเร่งด่วนสำคัญที่สุดในพรรค NSDAP ของฮิตเล่อร์เนื่องจากวันเลือกตั้งประธานาธิบดีซึ่งกำหนดไว้วันที 13 มีนาคม 1932 ใกล้เข้ามาทุกที มาสำเร็จเอาใน Braunschweig ซึ่งขณะนั้นมีรัฐบาลผสม ซึ่งพรรคซึ่งเป็นผู้คล้อยตามฮิตเล่อร์ร่วมอยู่ด้วยและขู่ว่าถ้าไม่ผ่านการให้สัญชาติฮิตเล่อร์ก็จะถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาล ในขณะนั้นเงื่อนไขการที่จะได้รับสัญชาติจะต้องมีหน้าที่รับผิดชอบที่สำคัญในหน่วยงานราชการ จึงได้มีการแต่งตั้งฮิตเล่อร์ขึ้นมารับตำแหน่ง Professor ในมหาวิทยาลัยของ Braunschweig ด้วย แต่กระนั้นก็ยังไม่ผ่านการอนุมัติสัญชาติอยู่ดี กลายเป็นที่น่าขบขันของสาธารณะ เลยมาแต่งตั้งกันใหม่ให้ฮิตเล่อร์เป็นที่ปรึกษาของคณะรัฐบาล Brauschweig กันอีก
ในที่สุดฮิตเล่อร์จึงได้รับการอนุมัติให้ได้สัญชาติในวันที่ 26 กุมภาพันธุ์ 1932 ทันการเข้ารับการเลื่อกตั้งประธานาธิบดีหลังจากนั้น เมื่อฮิตเล่อร์ขึ้นครองอำนาจแล้วได้เปลี่ยนแปลงกฏหมายการให้สัญชาตินี้ทันที กลายเป็นว่าไม่มีการให้สัญชาติเยอรมันแก่ต่างชาติในภายหลังอีก
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เรื่องบ้านเกิดของฮิตเล่อร์ใน Braunau ก็เหมือนกัน รัฐบาลพยายามขอซื้อบ้านหลังนี้มากจากเจ้าของเดิมหลายครั้งและต้องการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงบ้าน แต่เจ้าของบ้านไม่ยินยอมในทุกกรณี รัฐบาลออสเตรียจึงออกกฏหมายผ่านสภาเมื่อเดือนมกราคมปีนี้เพื่อยึดบ้าน เจ้าของบ้านจึงนำเรื่องขึ้นสู่ศาล ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญเพิ่งตัดสินสดๆ ร้อนๆ วันนี้เองให้รัฐบาลเข้ายึดบ้านหลังนี้เป็นของรัฐได้หลังจากมีปัญหาในการใช้บ้านหลังนี้มาเป็นเวลานานหลายสิบปีและสิ้นเปลืองงบประมาณของรัฐบาลมาตลอด เพียงเพราะไม่ต้องการให้ตกไปอยู่ในการใช้สอบของกลุ่มขวาจัดหรือ Neo-Nazi
ส่วนจะรื้อลงหรือจะนำไปใช้เพื่อจุดประสงค์ใดยังไม่มีการตัดสินใจ แต่ตอนนี้บ้านหลังนี้ตกเป็นของรัฐบาลออสเตรียแล้ว โดยรัฐบาลจ่ายเงินให้เจ้าของเดิมไปตามจำนวนที่มีการประเมินราคาปัจจุบัน
แสดงความคิดเห็น
+++ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ เกิดที่ออสเตรีย (น่าจะเป็นคนออสเตรียน) แต่ทำไมถึงไปเป็นผู้นำเผด็จการในเยอรมนีได้ครับ ???
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้