“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! พระผู้มีพระภาค ทรงเป็นผู้เอ็นดู
เกื้อกูลแก่สัตว์ทั้งปวง อยู่มิใช่หรือ พระเจ้าข้า ?”.
คามณิ ! ถูกแล้ว, ตถาคตเป็นผู้เอ็นดูเกื้อกูลแก่
สัตว์ทั้งปวงอยู่.
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ถ้าอย่างนั้น ทำไมพระองค์ จึง
ทรงแสดงธรรมแก่คนบางพวก โดยเอื้อเฟื้อ, และแก่คนบางพวก
โดยไม่เอื้อเฟื้อเล่า พระเจ้าข้า ?”
คามณิ ! ถ้าอย่างนั้น เราขอย้อนถามท่านในข้อนี้
ท่านจงตอบเราตามที่ควร. คามณิ ! ท่านจะสำคัญความ
ข้อนี้เป็นไฉน : ในถิ่นแห่งเรานี้ ชาวนาผู้คหบดีคนหนึ่ง
มีนาอยู่ ๓ แปลง แปลงหนึ่งเป็นนาชั้นเลิศ, แปลงหนึ่ง
เป็นนาปานกลาง, แปลงหนึ่งเป็นนาเลว มีดินเป็นก้อนแข็ง
มีรสเค็ม พื้นที่เลว. คามณิ ! ท่านจะสำคัญความข้อนี้
ว่าอย่างไร : ชาวนาผู้คหบดีนั้น เมื่อประสงค์จะหว่านพืช
เขาจะหว่านในนาแปลงไหนก่อน คือว่าแปลงที่เป็นนาเลิศ,
นาปานกลาง, หรือว่านาเลว มีดินเป็นก้อนแข็ง มีรสเค็ม
พื้นที่เลวเล่า ?
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ชาวนาคหบดีผู้ประสงค์จะหว่านพืช
คนนั้น ย่อมหว่านในนาเลิศก่อน, แล้วจึงหว่านในนาปานกลาง,
สำหรับนาเลว ซึ่งดินเป็นก้อนแข็ง มีรสเค็ม พื้นที่เลวนั้น เขาก็
หว่านบ้าง ไม่หว่านบ้าง เพราะเหตุว่า อย่างมากที่สุด ก็หว่านไว้
ให้โคกิน พระเจ้าข้า !”
คามณิ ! นาเลิศนั้น เปรียบเหมือนภิกษุ ภิกษุณี
ของเรา เราย่อมแสดงธรรม งดงามในเบื้องต้น งดงาม
ในท่ามกลาง งดงามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์บริสุทธ์ิ
บริบูรณ์สิ้นเชิง พร้อมทั้งอรรถะ พร้อมทั้งพยัญชนะ
แก่ภิกษุ ภิกษุณีเหล่านั้น. ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า ?
คามณิ ! เพราะเหตุว่า ภิกษุ ภิกษุณีทั้งหลายเหล่านั้น
มีเราเป็นประทีป มีเราเป็นที่ซ่อนเร้น มีเราเป็นที่ต้านทาน
มีเราเป็นที่พิงอาศัยอยู่.
คามณิ ! นาปานกลางนั้น เปรียบเหมือนอุบาสก
อุบาสิกาของเรา เราย่อมแสดงธรรม งดงามในเบื้องต้น
งดงามในท่ามกลาง งดงามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์
บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง พร้อมทั้งอรรถะ พร้อมทั้ง
พยัญชนะ แก่อุบาสก อุบาสิกาทั้งหลายเหล่านั้น. ข้อนั้น
เพราะเหตุไรเล่า ?
คามณิ ! เพราะเหตุว่า ชนทั้งหลายเหล่านั้น มีเรา
เป็นประทีป มีเราเป็นที่ซ่อนเร้น มีเราเป็นที่ต้านทาน
มีเราเป็นที่พิงอาศัยอยู่.
คามณิ ! นาเลว มีดินเป็นก้อนแข็ง มีรสเค็ม
พื้นที่เลวนั้น เปรียบเหมือนสมณพราหมณ์ ปริพาชก
ทั้งหลาย ผู้เป็นเดียรถีย์เหล่าอื่น เราก็ย่อมแสดงธรรม
งดงามในเบื้องต้น งดงามในท่ามกลาง งดงามในที่สุด
ประกาศพรหมจรรย์บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง พร้อมทั้งอรรถะ
พร้อมทั้งพยัญชนะ แก่ชนทั้งหลายเหล่านั้น.
ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า ?
เพราะเหตุว่า ถึงแม้ว่าเขาจะเข้าใจธรรมที่เราแสดง
สักบทเดียว นั่นก็ยังเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล และ
ความสุขแก่ชนทั้งหลายเหล่านั้น ตลอดกาลนาน.
สฬา. สํ. ๑๘/๓๘๗/๖๐๓-๖๐๔.
ทรงเป็นผู้เอ็นดูเกื้อกูล แก่สรรพสัตว์ทั้งปวง(พระสูตร)
เกื้อกูลแก่สัตว์ทั้งปวง อยู่มิใช่หรือ พระเจ้าข้า ?”.
คามณิ ! ถูกแล้ว, ตถาคตเป็นผู้เอ็นดูเกื้อกูลแก่
สัตว์ทั้งปวงอยู่.
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ถ้าอย่างนั้น ทำไมพระองค์ จึง
ทรงแสดงธรรมแก่คนบางพวก โดยเอื้อเฟื้อ, และแก่คนบางพวก
โดยไม่เอื้อเฟื้อเล่า พระเจ้าข้า ?”
คามณิ ! ถ้าอย่างนั้น เราขอย้อนถามท่านในข้อนี้
ท่านจงตอบเราตามที่ควร. คามณิ ! ท่านจะสำคัญความ
ข้อนี้เป็นไฉน : ในถิ่นแห่งเรานี้ ชาวนาผู้คหบดีคนหนึ่ง
มีนาอยู่ ๓ แปลง แปลงหนึ่งเป็นนาชั้นเลิศ, แปลงหนึ่ง
เป็นนาปานกลาง, แปลงหนึ่งเป็นนาเลว มีดินเป็นก้อนแข็ง
มีรสเค็ม พื้นที่เลว. คามณิ ! ท่านจะสำคัญความข้อนี้
ว่าอย่างไร : ชาวนาผู้คหบดีนั้น เมื่อประสงค์จะหว่านพืช
เขาจะหว่านในนาแปลงไหนก่อน คือว่าแปลงที่เป็นนาเลิศ,
นาปานกลาง, หรือว่านาเลว มีดินเป็นก้อนแข็ง มีรสเค็ม
พื้นที่เลวเล่า ?
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ชาวนาคหบดีผู้ประสงค์จะหว่านพืช
คนนั้น ย่อมหว่านในนาเลิศก่อน, แล้วจึงหว่านในนาปานกลาง,
สำหรับนาเลว ซึ่งดินเป็นก้อนแข็ง มีรสเค็ม พื้นที่เลวนั้น เขาก็
หว่านบ้าง ไม่หว่านบ้าง เพราะเหตุว่า อย่างมากที่สุด ก็หว่านไว้
ให้โคกิน พระเจ้าข้า !”
คามณิ ! นาเลิศนั้น เปรียบเหมือนภิกษุ ภิกษุณี
ของเรา เราย่อมแสดงธรรม งดงามในเบื้องต้น งดงาม
ในท่ามกลาง งดงามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์บริสุทธ์ิ
บริบูรณ์สิ้นเชิง พร้อมทั้งอรรถะ พร้อมทั้งพยัญชนะ
แก่ภิกษุ ภิกษุณีเหล่านั้น. ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า ?
คามณิ ! เพราะเหตุว่า ภิกษุ ภิกษุณีทั้งหลายเหล่านั้น
มีเราเป็นประทีป มีเราเป็นที่ซ่อนเร้น มีเราเป็นที่ต้านทาน
มีเราเป็นที่พิงอาศัยอยู่.
คามณิ ! นาปานกลางนั้น เปรียบเหมือนอุบาสก
อุบาสิกาของเรา เราย่อมแสดงธรรม งดงามในเบื้องต้น
งดงามในท่ามกลาง งดงามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์
บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง พร้อมทั้งอรรถะ พร้อมทั้ง
พยัญชนะ แก่อุบาสก อุบาสิกาทั้งหลายเหล่านั้น. ข้อนั้น
เพราะเหตุไรเล่า ?
คามณิ ! เพราะเหตุว่า ชนทั้งหลายเหล่านั้น มีเรา
เป็นประทีป มีเราเป็นที่ซ่อนเร้น มีเราเป็นที่ต้านทาน
มีเราเป็นที่พิงอาศัยอยู่.
คามณิ ! นาเลว มีดินเป็นก้อนแข็ง มีรสเค็ม
พื้นที่เลวนั้น เปรียบเหมือนสมณพราหมณ์ ปริพาชก
ทั้งหลาย ผู้เป็นเดียรถีย์เหล่าอื่น เราก็ย่อมแสดงธรรม
งดงามในเบื้องต้น งดงามในท่ามกลาง งดงามในที่สุด
ประกาศพรหมจรรย์บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง พร้อมทั้งอรรถะ
พร้อมทั้งพยัญชนะ แก่ชนทั้งหลายเหล่านั้น.
ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า ?
เพราะเหตุว่า ถึงแม้ว่าเขาจะเข้าใจธรรมที่เราแสดง
สักบทเดียว นั่นก็ยังเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล และ
ความสุขแก่ชนทั้งหลายเหล่านั้น ตลอดกาลนาน.
สฬา. สํ. ๑๘/๓๘๗/๖๐๓-๖๐๔.