ทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ ผมต้องขับรถไปทำงานโดยใช้เส้นทางจากวงเวียนใหญ่เข้าถนนประชาธิปก มุ่งหน้าไปขึ้นสะพานสมเด็จพระปกเกล้า
ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาการจราจรติดขัดบริเวณเชิงสะพานทุกวัน สาเหตุสำคัญคือ
ความมักง่ายของผู้ปกครองที่มาส่งนักเรียนของโรงเรียนศึกษานารี และ ไม่มีการวางแผนบรรเทาการจราจรของผู้บริหารโรงเรียนร่วมกับตำรวจเลย
ถนนประชาธิปก มีถึง 5 เลน และมีป้ายรถเมล์ก่อนถึงโรงเรียนประมาณ 150 เมตร รถผู้ปกครองแทบจะไม่มีใครใช้เลนซ้ายสุด แต่จะใช้เลนที่ 2 -3
เพราะคงไม่ต้องการไปต่อท้ายรถเมล์ บางคันยิ่งหนักวิ่งเลนที่ 4 แล้วคอยวิ่งตัดกระแสรถเพื่อมาจอดหน้าโรงเรียน ทำให้เกิดการกระจุกตัว
เช้านี้ก็เจออีกจนอดทนไม่ไหว ต้องบีบแตรใส่ยาวเลย หน้าโรงเรียนก็มีการทาสีขาวแดงบนขอบบาทวิถี ซึ่งแสดงว่าห้ามจอด แต่ทำไมจึงยังจอดส่ง
นักเรียนกันได้ แล้วพอส่งเสร็จท่านก็จะรีบมากปาดขวาออกมาทันที เคยพบแบบทุเรศสุดๆคือ ปาดไปขวาสุดเพื่อขึ้นสะพานพุทธ ย้ำสะพานพุทธไม่ใช่
สะพานพระปกเกล้า ท่านก็ยังทำกันได้
ยิ่งรถตู้รับส่งนักเรียน นี่เลวสุด ส่วนใหญ่เลย จะวิ่ง เลนที่ 5 ซึ่งเป็นเลนขวาสุด แล้วปาดพรวดเพื่อมาจอดส่งนักเรียนที่เชิงสะพาน คงจะมีประเทศเดียวในโลกที่สามารถจอดรับส่งกันได้บริเวณนี้ ผมไม่เข้าใจว่าโรงเรียนไม่ห่วงนักเรียนบ้างหรือที่ต้องเสี่ยงอันตรายแบบนี้ บ่อยครั้งที่ผมเห็นคือวิ่งขวาสุดมาตั้งแต่
ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสินก่อนถึงวงเวียนใหญ่แล้ว
เวลาปิดเทอมครั้งใด ช่างเป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขมากในการขับรถผ่านหน้าโรงเรียนนี้
ผมเคยส่งอีเมล์เพื่อร้องเรียนปัญหาไปที่โรงเรียน แต่ก็เงียบไม่มีการชี้แจงใดๆ ครับ
ผมอยากเสนอแนวทางแก้ไขปัญหานี้ให้ลดลง โดยควรห้ามไม่ให้มีการจอดส่งหน้าโรงเรียน และกำหนดจุดรับส่งถอยร่นมาบริเวณป้ายรถเมล์ปัจจุบัน
อาจตั้งกรวยในเลนที่ 1 เป็นช่องไว้สัก 10 คัน เมื่อรถเข้ามาครบก็จอดแล้วให้นักเรียนลงพร้อมกัน เป็นชุดๆ เพื่อความรวดเร็ว
โดยจัดนักเรียนรุ่นพี่มาช่วยกันอำนวยความสะดวก และให้นักเรียนเดินข้ามสะพานลอยคนข้ามเพื่อเข้าสู่โรงเรียน
แล้วผู้สัญจรอื่นๆที่ใช้รถเมล์หละต้องมาเดือดร้อนด้วยคงจะด่าผมแน่ว่าทำไมเขาต้องมาเสียเวลา เท่าที่ผมคิดได้คืออาจต้องขยับ
ป้ายรถเมล์ถอยลงไปอีกสัก 100 เมตร
ผมหวังว่ากระทู้นี้จะมีโอกาสสะท้อนไปถึงท่านผู้บริหารโรงเรียน และผู้ปกครองบ้าง ได้โปรดมีจิตสำนึกต่อสังคมสักนิด
ที่จะช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรลงบ้าง และรับข้อเสนอของผมไปพิจารณาหรือท่านจะมีแนวทางอื่นที่ดีกว่าก็ตามแต่ที่เห็นสมควร
ปัญหานี้ หลายโรงเรียนก็สามารถจัดการให้เบาบางลงได้ครับ
เมื่อไรผู้บริหารและผู้ปกครองโรงเรียนศึกษานารีจะมีสำนึกต่อสังคมบ้างว่าเป็นต้นเหตุของการจราจรติดขัด
ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาการจราจรติดขัดบริเวณเชิงสะพานทุกวัน สาเหตุสำคัญคือ
ความมักง่ายของผู้ปกครองที่มาส่งนักเรียนของโรงเรียนศึกษานารี และ ไม่มีการวางแผนบรรเทาการจราจรของผู้บริหารโรงเรียนร่วมกับตำรวจเลย
ถนนประชาธิปก มีถึง 5 เลน และมีป้ายรถเมล์ก่อนถึงโรงเรียนประมาณ 150 เมตร รถผู้ปกครองแทบจะไม่มีใครใช้เลนซ้ายสุด แต่จะใช้เลนที่ 2 -3
เพราะคงไม่ต้องการไปต่อท้ายรถเมล์ บางคันยิ่งหนักวิ่งเลนที่ 4 แล้วคอยวิ่งตัดกระแสรถเพื่อมาจอดหน้าโรงเรียน ทำให้เกิดการกระจุกตัว
เช้านี้ก็เจออีกจนอดทนไม่ไหว ต้องบีบแตรใส่ยาวเลย หน้าโรงเรียนก็มีการทาสีขาวแดงบนขอบบาทวิถี ซึ่งแสดงว่าห้ามจอด แต่ทำไมจึงยังจอดส่ง
นักเรียนกันได้ แล้วพอส่งเสร็จท่านก็จะรีบมากปาดขวาออกมาทันที เคยพบแบบทุเรศสุดๆคือ ปาดไปขวาสุดเพื่อขึ้นสะพานพุทธ ย้ำสะพานพุทธไม่ใช่
สะพานพระปกเกล้า ท่านก็ยังทำกันได้
ยิ่งรถตู้รับส่งนักเรียน นี่เลวสุด ส่วนใหญ่เลย จะวิ่ง เลนที่ 5 ซึ่งเป็นเลนขวาสุด แล้วปาดพรวดเพื่อมาจอดส่งนักเรียนที่เชิงสะพาน คงจะมีประเทศเดียวในโลกที่สามารถจอดรับส่งกันได้บริเวณนี้ ผมไม่เข้าใจว่าโรงเรียนไม่ห่วงนักเรียนบ้างหรือที่ต้องเสี่ยงอันตรายแบบนี้ บ่อยครั้งที่ผมเห็นคือวิ่งขวาสุดมาตั้งแต่
ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสินก่อนถึงวงเวียนใหญ่แล้ว
เวลาปิดเทอมครั้งใด ช่างเป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขมากในการขับรถผ่านหน้าโรงเรียนนี้
ผมเคยส่งอีเมล์เพื่อร้องเรียนปัญหาไปที่โรงเรียน แต่ก็เงียบไม่มีการชี้แจงใดๆ ครับ
ผมอยากเสนอแนวทางแก้ไขปัญหานี้ให้ลดลง โดยควรห้ามไม่ให้มีการจอดส่งหน้าโรงเรียน และกำหนดจุดรับส่งถอยร่นมาบริเวณป้ายรถเมล์ปัจจุบัน
อาจตั้งกรวยในเลนที่ 1 เป็นช่องไว้สัก 10 คัน เมื่อรถเข้ามาครบก็จอดแล้วให้นักเรียนลงพร้อมกัน เป็นชุดๆ เพื่อความรวดเร็ว
โดยจัดนักเรียนรุ่นพี่มาช่วยกันอำนวยความสะดวก และให้นักเรียนเดินข้ามสะพานลอยคนข้ามเพื่อเข้าสู่โรงเรียน
แล้วผู้สัญจรอื่นๆที่ใช้รถเมล์หละต้องมาเดือดร้อนด้วยคงจะด่าผมแน่ว่าทำไมเขาต้องมาเสียเวลา เท่าที่ผมคิดได้คืออาจต้องขยับ
ป้ายรถเมล์ถอยลงไปอีกสัก 100 เมตร
ผมหวังว่ากระทู้นี้จะมีโอกาสสะท้อนไปถึงท่านผู้บริหารโรงเรียน และผู้ปกครองบ้าง ได้โปรดมีจิตสำนึกต่อสังคมสักนิด
ที่จะช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรลงบ้าง และรับข้อเสนอของผมไปพิจารณาหรือท่านจะมีแนวทางอื่นที่ดีกว่าก็ตามแต่ที่เห็นสมควร
ปัญหานี้ หลายโรงเรียนก็สามารถจัดการให้เบาบางลงได้ครับ