สวัสดีครับนี่เป็นครั้งแรกที่ผมเล่น Pantip และกระทู้นี้ก็เป็นกระทู้แรกด้วย
ก่อนอื่นขอแนะนำตัวเองก่อน คือ ผมเป็นผู้ชายธรรมดา ๆ คนนึง อายุ 22 ปี กำลังศึกษาอยู่ (ใกล้จบละครับ) ไม่ได้มีโรคซึมเศร้า หรือ มีปัญหาชีวิตแต่อย่างใด แต่ที่อยากพิมพ์เล่าให้ทุกท่านได้อ่านกันนี่ มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกว่ามันคืออะไรกันแน่....ซึ่งชอบเกิดขึ้นกับใจบ่อย ๆ (เรียกว่าจิตฟุ้งซ่านมั้ง)
ซึ่งตั้งแต่จำความได้ ผมก็ได้สังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่าง ๆ รอบตัว รู้สึกว่าตอนเด็ก ๆ เรามีแต่เสียงหัวเราะ มีแต่รอยยิ้ม ความสุขมันสามารถหาได้จากทุก ๆ สิ่ง มองไปทางไหนก็มีเรื่องราวดี ๆ ให้เราได้ตื่นเต้นไปกับมัน มีผู้คนรายล้อมมากมาย พ่อแม่ เพื่อนฝูง ญาติพี่น้องอยู่รวมกันเต็มไปหมด แต่เมื่อเราเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ สิ่งเหล่านี้มันกลับจางหายไปเลย ทำไมมันยิ่งมีแต่ปัญหาหรือสิ่งรบกวนและบั่นทอนใจ ให้เราแก้ไขอยู่เสมอ บางทีมันก็น่าเบื่อหน่ายที่ต้องเจออะไรแบบนี้อยู่บ่อย ๆ หรือว่านี่คือบททดสอบของชีวิต ในการที่จะก้าวเป็นผู้ใหญ่และสามารถรับผิดชอบชีวิตของตัวเองได้ จะตัดสินใจทำอะไร ก็ต้องรอบคอบและระมัดระวังมากขึ้น ไม่ประมาทในทุกย่างก้าวตามจังหวะของชีวิต (ใครบอกเป็นผู้ใหญ่สนุก มันน่าเบื่อจะตาย อยากกลับไปเป็นเด็กจัง) ยิ่งโตขึ้นยิ่งรู้สึกว่าเพื่อนแท้หายากเหลือเกินครับ มีอะไรก็บอกใครไม่ได้เลย ต้องเก็บไว้ในใจคนเดียว เพราะเราไม่รู้เลยว่าใครจะหวังดี หรือหวังร้ายกับเรา บางทีก็รู้สึกเหงานะครับ คิดอยู่เสมอว่าเพื่อนแท้ที่อยู่กับเรามาตลอดก็คือ "ตัวของเราเอง" นี่ล่ะ
ลองสังเกตดูกันสิครับว่า รอบ ๆ ตัวเรามีอะไรที่อยู่เหมือนเดิมคงทนถาวรตลอดไปบ้าง ผมเข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างย่อมเปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอ พ่อแม่ก็อายุมากขึ้น ๆ ทุกวัน ซึ่งไม่รู้ว่าพวกท่านจะอยู่กับเราได้อีกนานแค่ไหน เพื่อนฝูงสมัยเด็กที่เคยวิ่งเล่นหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน ก็สูญหายไปจากชีวิตเรื่อย ๆ เพราะทุกคนก็ต่างมีภาระหน้าที่และความรับผิดชอบ มีเส้นทางเดินในชีวิตที่แตกต่างกัน พอโตขึ้นเราต้องไปร่วมงานที่ไม่น่าอภิรมย์ใจมากขึ้น บางทีก็ป้าคนโน้นเสีย สักพักก็ลุงคนนี้บ้าง บางทีเพิ่งคุยกันอยู่เมื่อวาน วันรุ่งก็ด่วนจากไปเสียแล้ว ชีวิตนี่มันไม่มีอะไรแน่นอนจริง ๆ ครับ ทุกวันนี้ผมยังคิดอยู่ครับว่า ถ้าหากไม่มีพ่อกับแม่แล้ว ชีวิตผมจะเป็นเช่นไร จะเอาตัวรอดในสังคมบนโลกใบนี้ได้หรือไม่ จะเลี้ยงดูพ่อกับแม่ให้สุขสบายอย่างที่ใจต้องการได้หรือเปล่า จะได้หน้าที่การงานอย่างที่ใจหวังไว้มั๊ย ชีวิตมันวิตกกังวลกับอนาคตไปหมดเลยครับ เหมือนทุกสิ่งทยอยจากเราไป ทำให้เรามองไม่เห็นอะไร และสุดท้ายเราก็ต้องอยู่คนเดียว พึ่งพาตัวเองให้ได้ เพราะไม่มีใครอยู่กับเราไปตลอด มาคนเดียวแบบตัวเปล่า ก็ต้องกลับไปคนเดียวแบบตัวเปล่าเช่นกัน ยิ่งโตความสุขมันยิ่งหายากจริง ๆ นะครับ เหมือนว่าเราตั้งเงื่อนไขกับทุกสิ่งในชีวิต กังวลและกลัวในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ต้องรับผิดชอบและจริงจังกับชีวิตมากขึ้น ไม่มีอะไรที่ให้เราสนุกสนานเหมือนตอนเป็นเด็กได้เลย ทุกวันนี้หลายครั้งหลายคราความรู้สึกมันก็เหมือนอยู่ไปวัน ๆ แบบไม่มีเป้าหมายหรือจุดมุ่งหมายในชีวิตเลย ส่วนตัวก็ไม่ได้ยากลำบากอะไร แต่ทำไมกลับหาความสุขไม่เจอ ไม่รู้ว่าต่อจากนี้ชีวิตจะเป็นเช่นไรบ้าง เหมือนเคว้งคว้างเหลือเกิน แต่สิ่งที่ยึดเหนี่ยวหรือคอยหล่อเลี้ยงจิตใจผมไม่ให้หดหู่ ก็คือ ตัวผมเอง , ความสุขที่ได้เห็นพ่อกับแม่ยิ้มและหัวเราะ หรือธรรมะคำสอนดี ๆ บางทีชีวิตมันก็ต้องการแค่นี้จริง ๆ ครับ
การเป็นมนุษย์นี่มันยากเหลือเกินเนอะ ชีวิตมีแค่นี้หรอกเหรอ? เกิด ใช้ชีวิต และก็ตายไป ..... หรือความรู้สึกทั้งหมดนี้ ผมอาจจะแค่คิดมากไปเอง ไม่ก็จริงจังกับชีวิตเกินไป !!! ก็ได้แต่ทำใจ ปลงกับชีวิตและสู้ต่อไป เพราะเรายังมีลมหายใจอยู่

......................................................................................................
ที่โพสต์ลงก็เพื่ออยากจะระบาย ความรู้สึกที่มันอัดอั้นจนบอกไม่ถูก ถือว่าช่วยได้พอสมควรครับ
แล้วพวกคุณเคยมีความรู้สึกแบบนี้กันบ้างไหม แล้วผ่านมันมาได้อย่างไรครับ
ทำไม? เมื่อโตขึ้น มันยิ่งรู้สึก อ้างว้าง เหงาหงอย โดดเดี่ยว เหมือนอยู่ตัวคนเดียวบนโลกครับ
ก่อนอื่นขอแนะนำตัวเองก่อน คือ ผมเป็นผู้ชายธรรมดา ๆ คนนึง อายุ 22 ปี กำลังศึกษาอยู่ (ใกล้จบละครับ) ไม่ได้มีโรคซึมเศร้า หรือ มีปัญหาชีวิตแต่อย่างใด แต่ที่อยากพิมพ์เล่าให้ทุกท่านได้อ่านกันนี่ มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกว่ามันคืออะไรกันแน่....ซึ่งชอบเกิดขึ้นกับใจบ่อย ๆ (เรียกว่าจิตฟุ้งซ่านมั้ง)
ซึ่งตั้งแต่จำความได้ ผมก็ได้สังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่าง ๆ รอบตัว รู้สึกว่าตอนเด็ก ๆ เรามีแต่เสียงหัวเราะ มีแต่รอยยิ้ม ความสุขมันสามารถหาได้จากทุก ๆ สิ่ง มองไปทางไหนก็มีเรื่องราวดี ๆ ให้เราได้ตื่นเต้นไปกับมัน มีผู้คนรายล้อมมากมาย พ่อแม่ เพื่อนฝูง ญาติพี่น้องอยู่รวมกันเต็มไปหมด แต่เมื่อเราเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ สิ่งเหล่านี้มันกลับจางหายไปเลย ทำไมมันยิ่งมีแต่ปัญหาหรือสิ่งรบกวนและบั่นทอนใจ ให้เราแก้ไขอยู่เสมอ บางทีมันก็น่าเบื่อหน่ายที่ต้องเจออะไรแบบนี้อยู่บ่อย ๆ หรือว่านี่คือบททดสอบของชีวิต ในการที่จะก้าวเป็นผู้ใหญ่และสามารถรับผิดชอบชีวิตของตัวเองได้ จะตัดสินใจทำอะไร ก็ต้องรอบคอบและระมัดระวังมากขึ้น ไม่ประมาทในทุกย่างก้าวตามจังหวะของชีวิต (ใครบอกเป็นผู้ใหญ่สนุก มันน่าเบื่อจะตาย อยากกลับไปเป็นเด็กจัง) ยิ่งโตขึ้นยิ่งรู้สึกว่าเพื่อนแท้หายากเหลือเกินครับ มีอะไรก็บอกใครไม่ได้เลย ต้องเก็บไว้ในใจคนเดียว เพราะเราไม่รู้เลยว่าใครจะหวังดี หรือหวังร้ายกับเรา บางทีก็รู้สึกเหงานะครับ คิดอยู่เสมอว่าเพื่อนแท้ที่อยู่กับเรามาตลอดก็คือ "ตัวของเราเอง" นี่ล่ะ
ลองสังเกตดูกันสิครับว่า รอบ ๆ ตัวเรามีอะไรที่อยู่เหมือนเดิมคงทนถาวรตลอดไปบ้าง ผมเข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างย่อมเปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอ พ่อแม่ก็อายุมากขึ้น ๆ ทุกวัน ซึ่งไม่รู้ว่าพวกท่านจะอยู่กับเราได้อีกนานแค่ไหน เพื่อนฝูงสมัยเด็กที่เคยวิ่งเล่นหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน ก็สูญหายไปจากชีวิตเรื่อย ๆ เพราะทุกคนก็ต่างมีภาระหน้าที่และความรับผิดชอบ มีเส้นทางเดินในชีวิตที่แตกต่างกัน พอโตขึ้นเราต้องไปร่วมงานที่ไม่น่าอภิรมย์ใจมากขึ้น บางทีก็ป้าคนโน้นเสีย สักพักก็ลุงคนนี้บ้าง บางทีเพิ่งคุยกันอยู่เมื่อวาน วันรุ่งก็ด่วนจากไปเสียแล้ว ชีวิตนี่มันไม่มีอะไรแน่นอนจริง ๆ ครับ ทุกวันนี้ผมยังคิดอยู่ครับว่า ถ้าหากไม่มีพ่อกับแม่แล้ว ชีวิตผมจะเป็นเช่นไร จะเอาตัวรอดในสังคมบนโลกใบนี้ได้หรือไม่ จะเลี้ยงดูพ่อกับแม่ให้สุขสบายอย่างที่ใจต้องการได้หรือเปล่า จะได้หน้าที่การงานอย่างที่ใจหวังไว้มั๊ย ชีวิตมันวิตกกังวลกับอนาคตไปหมดเลยครับ เหมือนทุกสิ่งทยอยจากเราไป ทำให้เรามองไม่เห็นอะไร และสุดท้ายเราก็ต้องอยู่คนเดียว พึ่งพาตัวเองให้ได้ เพราะไม่มีใครอยู่กับเราไปตลอด มาคนเดียวแบบตัวเปล่า ก็ต้องกลับไปคนเดียวแบบตัวเปล่าเช่นกัน ยิ่งโตความสุขมันยิ่งหายากจริง ๆ นะครับ เหมือนว่าเราตั้งเงื่อนไขกับทุกสิ่งในชีวิต กังวลและกลัวในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ต้องรับผิดชอบและจริงจังกับชีวิตมากขึ้น ไม่มีอะไรที่ให้เราสนุกสนานเหมือนตอนเป็นเด็กได้เลย ทุกวันนี้หลายครั้งหลายคราความรู้สึกมันก็เหมือนอยู่ไปวัน ๆ แบบไม่มีเป้าหมายหรือจุดมุ่งหมายในชีวิตเลย ส่วนตัวก็ไม่ได้ยากลำบากอะไร แต่ทำไมกลับหาความสุขไม่เจอ ไม่รู้ว่าต่อจากนี้ชีวิตจะเป็นเช่นไรบ้าง เหมือนเคว้งคว้างเหลือเกิน แต่สิ่งที่ยึดเหนี่ยวหรือคอยหล่อเลี้ยงจิตใจผมไม่ให้หดหู่ ก็คือ ตัวผมเอง , ความสุขที่ได้เห็นพ่อกับแม่ยิ้มและหัวเราะ หรือธรรมะคำสอนดี ๆ บางทีชีวิตมันก็ต้องการแค่นี้จริง ๆ ครับ
การเป็นมนุษย์นี่มันยากเหลือเกินเนอะ ชีวิตมีแค่นี้หรอกเหรอ? เกิด ใช้ชีวิต และก็ตายไป ..... หรือความรู้สึกทั้งหมดนี้ ผมอาจจะแค่คิดมากไปเอง ไม่ก็จริงจังกับชีวิตเกินไป !!! ก็ได้แต่ทำใจ ปลงกับชีวิตและสู้ต่อไป เพราะเรายังมีลมหายใจอยู่
......................................................................................................
ที่โพสต์ลงก็เพื่ออยากจะระบาย ความรู้สึกที่มันอัดอั้นจนบอกไม่ถูก ถือว่าช่วยได้พอสมควรครับ
แล้วพวกคุณเคยมีความรู้สึกแบบนี้กันบ้างไหม แล้วผ่านมันมาได้อย่างไรครับ