หลบความรุ่งเรืองมุ่งสู่เมืองเชียงใหม่ อ.อมก๋อย ฐานะครูอาสา

ใครหลายคนถ้าได้ยินชื่อว่า อมก๋อย ทุกคนคงคิดถึง ความกันดาร กันใช่ไหมคะ ใช่แล้วค่ะ ที่อมก๋อยแห่งนี้ เป็นพื้นที่ห่างไกลความเจริญเลยทีเดียว บางจุดก็ยังไม่มีไฟฟ้า ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ค่ะก่อนอื่นต้องขอเท้าความถึงที่มาของการอาสามาเป็นครูดอยในครั้งนี้ก่อนนะคะ (ค่อนข้างยาว ตัดออกไม่ได้จริงๆค่ะ)
    
     เรื่องมีอยู่ว่าหลังจากที่เราประชาชนชาวไทยต่างร่ำไห้ทั่วทั้งแผ่นดินคือในวันที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุยเดชเสด็จสวรรคตเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พ.ศ 2559 เราก็เป็นหนึ่งในคนที่อยู่ในอาการเศร้าโศกเสียใจ แต่เสียใจไม่นานสติก็มาค่ะ ยึดหลักในใจว่า - เสียใจให้เพียงพอแล้วดำเนินชีวิตต่ออย่างพอเพียง- และแล้วก็มีบรรดาน้องๆชวนกันไปบริจาคของที่สนามหลวง แต่เราคิดว่าของที่สนามหลวงนั้นเยอะมากเกินความจำเป็น เราเลยเริ่มมานั่งคิดว่าทำยังไงให้ของบริจาคนั้นเกิดประโยชน์สูงสุด แล้วใครจะเป็นผู้รับประโยชน์นั้น แน่นอนก็ต้องเป็นคนที่ขาดแคลน แล้วที่ไหนล่ะที่ขาดแคลน


ผ่านไปเกือบ 3 เดือนจึงโพสบอกเพื่อนใน Facebook ว่าเราหาโรงเรียนได้ละนะ มาได้โรงเรียนแม่ลานหลวง อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ เป็นแห่งแรก

โรงเรียนแม่ลานหลวงนี้ มีความต้องการที่ล้างหน้าแปรงฟันสำหรับเด็กที่ต้องนอนค้างที่โรงเรียน ภาพมีตั้งแต่ก่อนและหลังปรับปรุงนะคะ






ครูทรงพลและเด็กๆโรงเรียนแม่ลานหลวง

เพื่อนๆพี่ๆน้องๆใน Facebook ให้ความสนใจร่วมกันบริจาคมามากเลยทีเดียวค่ะภายในเวลาไม่ถึง 3 สัปดาห์ (โพสเรื่องบริจาคว่าได้โรงเรียนแล้วครั้งแรก 12/12/2559) ยอดบริจาคทั้งหมดอยู่ที่ 152,791.50 บาท ปิดรับเงินบริจาค 30/12/2559 ระหว่างนั้นก็หาข้อมูลอีก 2 โรงเรียน เพราะว่าเงินบริจาคมีค่อนข้างเยอะ ทีแรกไม่คิดว่าจะบริจาคกันมากถึงเพียงนี้ค่ะ เพราะเพื่อนเราใน Facebook นั้นมีเพียง สามร้อยปลายๆเท่านั้น หลังจากที่ทำการหาข้อมูลเราจึงได้โรงเรียนบ้านสบลาน อ.อมก๋อย และ ศูนย์การเรียนรู้ชาวไทยภูเขาแม่ฟ้าหลวง ห้วยบง มาเพิ่ม รวมทั้งหมดเป็น 3 โรงเรียนค่ะ

โรงเรียนบ้านสบลานมีความต้องการโต๊ะและเก้าอี้สำหรับรับประทานอาหารกลางวัน ภาพก่อนและหลังตามลำดับ




แบบโต๊ะละเก้าอี้ที่คุณครูร่างมาให้





ต่อไปคือรูปศูนย์การเรียนรู้ชาวไทยภูเขาแม่ฟ้าหลวง ที่นี่มีความต้องการที่นอนและเสื่อน้ำมันผ้าห่มและแบบเรียนสำหรับเด็กอนุบาล





    ปกติเราเป็นคนชอบเที่ยวมากอย่างช่วงปีใหม่ไม่เคยพลาดที่ต้องขับรถขึ้นเหนือค่ะ แต่ปีใหม่ครั้งนี้เป็นการไปเที่ยวแบบเกิดประโยชน์ และเป็นที่จดจำไปตลอดชีวิตค่ะ ก่อนที่จะถึงเวลานั้น เราและเพื่อนสาวอีกคน รวมเป็น 2 คน ใช่ค่ะมีแค่ 2 คน หลักๆ จริงๆก็เหมือนทำไรเกินตัวไปเยอะค่ะ แต่โชคดีที่มีเพื่อนอีกหลายคน ที่ไปรวบรวมข้าวของและเงินบริจาค พวกเค้าก็ช่วยเราได้เยอะเลยทีเดียวค่ะ เพื่อนบางคนส่งของไปให้ถึงที่ รร. เลย เพราะรถเราไม่พอขนค่ะ แต่หลักก็ยังเป็นเรา 2 คนที่จัดแจงแพคข้าวของ หรือออกไปหาซื้อแบบเรียนไปบ่อยจนเจ้าของร้านแถมที่ใส่ดินสอปากกาฝากเอาไปให้เด็กๆหลายสิบอันเลยค่ะ

เลือกซื้อหนังสือแบบเรียนต่างๆ




ตกดึกต้องไปโบเบ้หาซื้อเสื้อผ้าไปให้เด็กๆใส่ ถ้าพวกเค้ามีเสื้อใหม่ใสฉลองปีใหม่ก็คงดีใจคิดแค่นี้ และตอนนั้นเงินบริจาคก็ยังไม่มากพอสำหรับเรื่องนี้ ก็โพสบอกเพื่อนใน Facebook อีกคือทุกนาทีตลอดเกือบ 3 สัปดาห์เวลาของเราเป็นของเด็กๆที่ไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นหน้าเลยด้วยซ้ำ แต่ยินดีละเต็มใจทำให้ เพื่อนๆก็ช่วยกันอีกคนละเล็กคนละน้อยจนมีงบสำหรับเสื้อใหม่ของเด็กๆ ดีใจแทนเด็กๆเลยค่ะ

ที่ตลาดโบ้เบ้ เกิดมาก็เพิ่งจะมาเดินครั้งแรก ตอนตี 2

นั่งคัดsize และแยกให้แต่ละโรงเรียน

เสื้อเด็กๆลายปิกาจู

เด็กปิกาจูจากแม่ลานหลวง

เด็กปิกาจูจากบ้านสบลาน

เด็กปิกาจูจากศูนย์แม่ฟ้าหลวง

เป็นไงค่ะเด็กๆน่ารักไหมคะ

ของที่เราเตรียมไปให้เด็กๆทั้ง 3 โรงเรียนมีดังนี้ค่ะ
ที่นอนและสื่อน้ำมันสำหรับเด็กการเรียนรู้ชาวไทยภูเขาแม่ฟ้าหลวง

ผ้าห่ม

แบบฝึกหัดฝึกทักษะต่างๆ (น้องๆที่ทำงานช่วยกันทำ)

หนังสือเรียน นิทาน สื่อการสอนต่างๆทั้ง 3 โรงเรียน


ของใช้ต่างๆสำหรับเด็กที่บ้านไกลต้องนอนค้างที่โรงเรียน

และของที่รับบริจาคมา คือบ้านเรากลายเป็นร้านขายของเก่าไปเลย ขอบคุณครอบครัวที่ช่วยจัดการทุกอย่างให้ เพราะทุกอย่างต้องเริ่มจากบ้านค่ะ ที่เราเป็นคนแบบนี้ก็เพราะครอบครัวให้ความความรักและความเข้าใจ ที่ประสบความสำเร็จหลายๆเรื่องในชีวิตก็เพราะครอบครัวเป็นผู้สนับสนุน

โครงการเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เราก็เลยตั้งชื่อให้โครงการสักหน่อยค่ะ “ปิดทองให้ทั่วองค์พระ” มีเพจด้วยนะคะฝากประชาสัมพันธ์เลยละกันค่ะ ตามไปดูได้ที่ เพจปิดทองให้ทั่วองค์พระ จะบอกรายละเอียดทั้งหมดกับเรื่องบริจาคในครั้งนี้ ฝากกด Like และกดแชร์เมื่อเห็นว่าเป็นประโยชน์ มีคนกดไม่ถึง 70 คนเลยค่ะ ฝากด้วยนะคะ รบกวนทีค่ะ ขอบคุณค่ะ

ทีมาของชื่อโครงการนี้ก็มาจากการทำความดี ไม่แค่เป็นการปิดทองหลังพระ ถ้ามีแต่คนปิดทองแต่ด้านใดด้านหนึ่งเพียงด้านเดียว แล้วอีกด้านที่เหลือล่ะใครจะเป็นคนปิด หมายความว่า เราจะทำดี และถ้ามีโอกาสเราก็จะทำดีในทุกที่บนแผ่นดินไทยนี้ แผ่นดินที่ให้ที่อยู่ทำกิน และเป็นคนเต็มคนได้ถึงทุกวันนี้ เลยถือโอกาสนี้ตอบแทนแผ่นดินค่ะ โครงการนี้จะไม่สำเร็จเลยถ้าขาดเพื่อนๆพี่ๆน้องๆของเราที่ช่วยกันบริจาค ไม่ว่าจะเป็นข้าวของหรือเงินก็ตาม บางคนเราไม่รู้จักด้วยซ้ำ แต่พวกเขาก็ใจดีช่วยกันร่วมทำบุญในครั้งนี้ บางคนเป็นเพื่อนที่ทำงานของเพื่อนเราอีกที บางคนมาจากกลุ่มสถาปนิก(รุ่นพี่ช่วยไปประชาสัมพันธ์ให้) บางคนเป็นเพื่อนสมัยเรียนม.ต้น ที่ไม่เคยเรียนห้องเดียวกัน ไม่เคยคุยกันเลยด้วยซ้ำ หน้ายังจำไม่ได้ บางคนเป็นญาติห่างๆ และหลายคนเป็นเพื่อนทั้งสนิทและไม่สนิท รุ่นน้องที่มหาลัยที่ห่างกันเกือบ 10 รุ่น หรือไม่ว่าจะเป็นเพื่อนที่ทำงาน บางคนเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด แต่พอถึงเวลาที่ต้องช่วยกัน ทุกคนยินดีและเต็มใจช่วย เรียกว่า คนไทยไม่ทิ้งกันก็คงไม่ผิดค่ะ ต้องขอขอบคุณคนเหล่านี้มากๆค่ะ ขอบคุณแทนเด็กๆที่อมก๋อยด้วย ขอบคุณจริงๆค่ะ เพื่อเป็นการตอบแทนทุกๆคนที่ช่วยกันในครั้งนี้เราเลยทำโปสการ์ด 2 ใบ กะว่าให้เด็กเขียนมาขอบคุณพี่ๆที่ใจดีด้วยตัวเอง เพราะก่อนหน้านี้มีเด็กๆที่โรงเรียนแม่ลานหลวงส่งของขวัญเล็กๆน้อยๆมาขอบคุณ

เราอยากให้เพื่อนๆยิ้มมุมปากตอนรับการ์ดเหมือนที่เราเป็น เราจึงออกแบบโปสการ์ดนี้ด้วยตัวเอง โดยไปcopyรูปโปรไฟล์จากfacebookของคนที่บริจาคทุกคน เอามาทำเป็นโปสการ์ด โดยหวังว่าเด็กๆจะได้เห็นหน้าเห็นตาคนที่ช่วยเหลือพวกเค้า

ส่วนใบนี้เป็นรูปในหลวงรัชกาลที่9 ที่เราวาดเอง เพราะโครงการนี้เกิดจากพระองค์ท่านจริงๆ
ด้านหลังโปสการ์ด ไว้สำหรับให้เด็กๆเขียน

ต้นฉบับที่วาดรูปในหลวงรัชกาลที9 ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงก็วาดเสร็จ เราไม่เคยเรียนวาดรูปนะคะ รูปนี้เราใช้ใจล้วนๆวาดค่ะ

ในระหว่างที่วาดไปก็เปิดเพลง "ของขวัญจากก้อนดิน" ฟังวนไปจนเสร็จค่ะ  ขับร้อง:พี่เบิร์ด คำร้อง:พี่ดี้ นิติพงษ์ ห่อนาค

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่