พะอืดพะอมกับประสบการณ์ครั้งนี้จริงๆ

สวัสดีค่ะชาวพันทิปทุกคน
ชื่ออุ้มหรือลินนะค่ะ ยังไงขอเรียกแทนตัวเองว่าลินนะคะ ลินอยากระบายสิ่งที่ลินได้ประสบมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ลินแค่ไม่เข้าใจว่าคนที่ไม่คิดร้ายหรือโกงใครอย่างลิน โง่มากเลยหรอที่คิดไม่ถึงว่าคนอื่นจะโกงลินเหมือนกัน จนไม่ทันได้ระวังตัว? ทุกคนคงจะงงสินะคะว่าลินบ่นอะไร ลินขอเล่าตั้งแต่ต้นเลยนะคะ ขอโทษด้วยเรื่องมันอาจจะยาวหน่อย

เรื่องมันมีอยู่ว่า...
เมื่อวันพุธสัปดาห์ที่แล้ว ลินกับสามีมีนัดคุยกับพี่เลี้ยงเด็กที่เนิร์สเซอรี เพราะลูกสาวต้องเข้าเนิร์สเซอรีเดือนสิงหานี้ แล้วพี่เลี้ยงเด็กบอกว่าเด็กทุกคนต้องเอารถเข็นเด็กของตัวเองมาไว้นอนกลางวันด้วย ซึ่งที่พวกเรามีมันเล็ก ลูกสาวลินนอนไม่ได้แล้ว เลยต้องซื้อใหม่ซึ่งราคาแพงมาก (ลินลืมบอกไปว่าลินกับสามีเป็นคนไทยที่อยู่ประเทศเดนมาร์ก ซึ่งเนิร์สเซอรีส่วนใหญ่จะให้เด็กนอนกลางวันในรถเข็นของตัวเอง) ด้วยว่าเงินเราก็ไม่ค่อยมีสามีเลยออกว่าเห็นว่าหาซื้อมือสองใช้ไปก่อน จากนั้นก็เริ่มหารถเข็นเด็กมือสองกันในเว็บ ซึ่งเป็นเว็บสำหรับคนทั่วไปที่ต้องการขายของที่ไม่ใช้แล้ว และคนที่นี้ก็ซื้อขายของมือสองกันแบบนี้เป็นปกติ ลินกับสามีก็เคยขายของที่ไม่ได้ใช้แล้ว 4-5 ครั้ง แต่แค่ยังไม่เคยซื้อ มาเข้าเรื่องกันต่อนะคะ พอเจอคันที่ถูกใจลินก็ให้สามีเป็นคนติดต่อ ได้เรื่องว่าต่อราคาจาก 2200 โคลน เหลือ 2000 โคลน และนัดรับของที่เค้าอยู่วันอาทิตย์ที่ 18 เวลาประมาณเที่ยงวัน

เหตุการณ์วันอาทิตย์ที่ 18
ลูกสาวลินหลับ 10 โมงเช้าถึง 11 โมงกว่าตามปกติ พอลูกตื่นพวกเราก็เตรียมของแล้วก็ออกเดินทาง พวกเราออกจากบ้านประมาณ 11 โมงครึ่ง ซึ่งมันสายแล้ว เพราะเค้าอยู่ค่อนข้างไกล ก่อนออกเดินทางก็เขียน SMS ไปบอกเค้าว่ากำลังไปนะ แต่ระหว่างทางลูกสาวค่อนข้างงอแงเพราะอยู่ในช่วงอย่านม แล้วเค้าจะอึด้วย พวกเราเลยต้องจอดรถเพื่อจะปลอบเค้าได้ เพราะเค้าต้องนั่งคาร์ซีทเวลารถวิ่ง สามีเลยถือโอกาสหาซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อแวะซื้อของด้วย สามีไปซื้อของคนเดียว บินกับลูกอยู่บนรถ ให้ลูกสาวทำธุระ เปลี่ยนแพทเทิร์นอะไรเรียบร้อย สามีซื้อของเสร็จก็ออกเดินทางกันต่อ ก่อนจะถึงที่หมายก็มีคนโทรมา 3 รอบ รอบสุดท้ายถึงที่หมาย จอดรถและรับสายทันพอดี คนขายโทรมา แต่ใช้อีกเบอร์โทร เรามาสายกันเกินครึ่งชั่วโมง เค้าบอกจะออกมารับ เราก็รออยู่หน้าตึกที่เค้าบอก รอสักพักเค้าก็เดินมาจากมุมของตึก

คนขาย : พวกเธอใช่ไหมที่จะมาซื้อรถเข็นเด็ก
ลินกับสามี : ใช่ๆ
คนขาย : งั้นตามฉันมา ไง? พวกเทอมากันไกลหรอ
สามี : ครับ พวกเราอยู่ใกล้ๆ(ชื่อเมือง) ไม่รู้ว่าคุณรู้จักหรือปล่าว
คนขาย : ฉันคิดว่าฉันพอรู้นะ ว่ามันอยู่ตรงไหน

คนขายเปิดประตูอีกฝั่งของตึก ข้างในจะเป็นทางเดินระหว่าง 2 ตึก จะค่อยข้างอับแสง รถเข็นจอดอยู่ซ้ายมือ 2 คัน ข้างๆ รถเข็นคันแรกมีชามใส่น้ำยาแล้วก็ที่ขัด กลิ่นนำ้ยาฉุนมากค่ะ ที่ล้อรถและช่วงล่างของรถเปียกและถูกปกคลุมไปด้วยนำ้ยา รวมไปถึงผ้าห่มที่ว่างอยู่ในตะกร้าด้วย

สามีพูดขึ้น : แล้วอีกคันล่ะ?
คนขาย : อ๋อ นั้นไม่ใช่ของฉัน
สามี : อ๋อ ครับ
คนขาย : ฉันเพิ่งล้างรถให้อยู่พอดี

แล้วคนขายจับตรงนั้นตรงนี้ของรถพร้อมกับอธิบายวิธีการใช้ ลินเป็นคนดูรถคนเดียว สามีอุ้มลูกสาวห่างออกไปหน่อยเพราะลูกค่อนข้างงอแง ลินก็ฟังๆดูเค้าทีดูลูกที แล้วตอนเข้ายกที่พิงหลังขึ้นให้ดูลินมองไม่เห็น ลินเลยจับเบาะรองพับให้เห็นที่เค้าทำ เค้าก็รีบดึงเบาะรองออกไปวางบนที่นอนแบบที่มีหูหิ้วทันที (เสียดายลินลงรูปไม่ได้ บัตรประชาชนลินหมดอายุไม่รู้ว่าจะใช้ยืนยันตัวตนในพันทิปได้รึป่าว) ลินก็มึนๆเพราะความล้าและความง่วง

ลิน : แล้วมันพับได้ไหม
คนขายก็ถอดชิ้นส่วนแล้วก็พับให้ดู
คนขาย : พับในนี้เลยนะ จะได้ยกขึ้นรถได้เลย
ลิน : ฉันลืมเงินไว้ในรถนะ เข็นไปพับที่รถจะง่ายกว่า
คนขายสตั้นไป 2 วิแล้วก็ประกอบรถเข็น ลูกสาวมาให้ลินอุ้ม ส่วนสามีเป็นคนเข็นรถออกมา
คนขาย : พวกคุนจอดรถไว้ไหน
สามี : รถเราคันนั้น พร้อมกับชี้ไปอีกฝั่งของถนน
สามี : ตรงล้อมันเข็นแปลกๆนะ

ไม่มีใครพูดอะไร จนไปถึงรถสามีกับคนขายก็ช่วยกันพับรถเข็น ลินอุ้มลูกไปนั่งในรถเพื่อจะหยิบเงินมาให้เค้า พอลินออกมาจากรถก็เห็นสามีกับคนขายชุลมุนวุ่นวายอยู่กับการยัดรถเข็นใส่ในรถ

สามี : ฉันว่าที่นอนพวกนี้มันใส่หลังรถไม่ได้หรอก ฉันเอาไปไปวางข้างหน้าน่าจะดีกว่า
คนขาย : ได้ๆ ยังเหลือที่อยูเลยแล้วก็จับที่นอนอันเล็กกับเบาะรองนอนอันใหญ่พยายามยัดที่หลังรถ แบบไม่ระวังเลยสักนิด ลินเอาเงินยื่นให้เค้า ในขณะที่สามี

เดินเอาที่นอนอันใหม่มาวางให้ที่นั่งข้างคนขับ(ลินกับลูกนั่งกันข้างหลัง) คนขายยืนนับเงินเสร็จก็เดินจากไปโดยที่ไม่บอกลา พวกเราก็รีบขึ้นรถกลับบ้านกัน เพราะลูกสาวเริ่มร้องไห้ มาถึงบ้านก็เกือบบ่าย 2 เป็นเวลาที่ลูกสาวต้องเข้านอน ลินก็กล่อมลูกนอน เค้าตื่นมาอีกทีก็ประมาณบ่าย 3 กว่าๆ พวกเราก็ออกไปนั่งสนามหญ้าหน้าบ้านกัน

ลิน : ไปเอารถเข็นมาลองดูไหม
สามี : เอาสิ (พร้อมกับไปเดินไปขนรถเข็นออกจากรถมาว่าไว้ตรงที่ลินกับลูกนั่งเล่นกันอยู่)
สามี : ทำไมล้อมันดูแปลกๆ เหมือนโดนพ่นสีเลย
ลิน : ไหนดูสิ

พอลินหยิบขึ้นมาดูก็เห็นเหมือนกันว่ามันน่าจะโดนพ่นสี แล้วก็ไปดูที่ตัวรถ

ลิน : ในรูปมันใช่คันนี้จริงหรอ ทำไมคันนี้สนิมเยอะจัง แน่ใจว่าจากปี 2013
สามี : ไม่รู้สิ

ถึงเวลาอาหารของลูกสาวลินก็เอาลูกเข้าบ้านแล้วก็ป้อนข้าวลูก พร้อมกับพูดคุยกับสามีเรื่องรถเข็น

สามี : ให้พี่ลองโทรไปถามไหมว่า เอาเงินคืนได้ป่าว
ลิน : ไม่มีทางอ่ะ เค้าไม่ให้หรอก
สามี : ก็ต้องลองดู

สามีเดินไปห้องทำงานปิดประตูและลองโทรไปหาคนขาย ลินเล่นกับลูกอยู่ห้องนั่งเล่นก็ได้ยินสามีพูดโทรศัพท์ แรกๆสามีก็พูดดีๆ เสียงคุยเริ่มดังขึ้นๆ ลินเลย
อุ้มลูกไปฟังที่หน้าประตู

สามี : ใจเย็นๆ คุณฟังฉันก่อน ฉันแค่อยากจะถามว่าจะคืนของแล้วเอาเงินคืนได้ไหม ฉันเพิ่งรับมันมาไม่กี่ชั่วโมงนี้เอง เดี๋ยวฉันขับรถเอาไปให้เลย
เสียงรอดตามสาย : และฉันบอกว่าพวกคุณว่าฉันไม่รับคืนเงิน พวกคุณไม่มีตากันหรอ มากันตั้ง 2 คน แถมมาสายอีกตั่งหาก ไม่ดูกันให้ดีๆเอง มันไม่ใช่ความผิดของฉัน พวกคุณตัดสินใจซื้อกันแล้วก็คือซื้อ จบ

ก็เป็นไปตามคาดของลิน พอสามีออกมาก็ดูเค้าก็โกดพอสมควร

ลิน : เอาที่นอนมาดูหน่อยสิว่าเป็นไงบ้าง

สามีเดินไปเอาที่นอนที่อยู่สนามหน้าบ้านเข้ามา ลินเอาผ้าคลุมเบาะรองนอนออกเพราะมันเปื้อน แล้วก็ต้องตกใจเพราะราเต็มเบาะ

ลิน : ราเต็มเลย จะใช้ยังไงเนี้ย
สามี : ไหนดูสิ (สามีพูดพร้อมกับคว้าเบาะไปดู)
สามี : เดี๋ยวพี่ลองโทรไปอีกที
ลิน : พอเถอะ ขอร้อง แค่นี้ก็รู้สึกแย่พอแล้ว เราดูไม่ดีเอง (พูดพร้อมนำ้ตา)

สามีเดินเข้าห้องทำงาน ปิดประตูหายไปสักพัก ก่อนจะออกมาถ่ายรูปเบาะรองนอนและส่งเป็นข้อความไปหาคนขาย

ขอโทรจริงๆค่ะไม่คิดว่าเรื่องมันจะยาวขนาดนี้ จะมีใครจะมาเสียเวลาอ่านจนจบไหมเนี่ย หรือลินควรจะสรุปสั้นๆไปเลยดี? ถ้าโพสต์รูปประกอบได้ด้วยคงดีนะคะ ทุกคนจะได้คิดภาพตามได้ง่ายขึ้น ยังไงลินขอมาต่อพรุ่งนี้นะคะ ลินไม่ไหวแล้วจริง ขอตัวไปอาบนำ้เข้านอนก่อนนะคะคืนนี้

แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ชีวิตในต่างแดน ประเทศเดนมาร์ก
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่