ก่อนอื่น บอกเลยว่าไม่มีข้อสรุปที่น่าเชื่อถือได้แบบ 100% หรอกนะ
เพราะว่า
Instagram ไม่มีทางที่จะยอมเปิดเผย Algorithm ในการจัดอันดับแน่นอน
แต่ๆ มันก็ยังมีทฤษฎีที่กำลังถกเถียงกันอยู่บ้างนะว่ามันใช้หลักการใดในการจัดอันดับ
ทฤษฎีที่ 1 INTERACTION BASE
มีชาวเน็ตฝรั่งถกเถียงกันว่า กลุ่มคนที่อยู่บน top list viewers เนี่ย ถูกจัดลำดับตามปฏิสัมพันธ์ที่เรามีกับคนๆนั้น บน IG เช่น Like กันบ่อยมั้ย, Mention กันใน Story หรือเปล่า, Tag มั้ยอะไรมั้ย, หรือเค้าดูเรา เราดูเค้าบ่อยแค่ไหนยังไง โดยผู้สนับสนุนทฤษฎีนี้เนี่ยเค้าให้เหตุผลว่า ผู้ผลิต IG ต้องการที่จะประหยัดเวลาให้ users ไม่ต้องไปเสียเวลาหาว่าเพื่อนเราดู story เรามั้ย IG จึงการสร้าง Algorithm ขึ้นมาเดาว่าเราสนิทกับใคร ละก็ดันคนพวกนั้นไปไว้บนๆ โดยวัดจากปฏิสัมพันธ์อย่างที่กล่าวไปซึ่งก็ Make sense มากกกกก ในระดับหนึ่ง แต่ก็อาจจะเป็นไปได้ที่ถ้าเราไปส่องเค้าอยู่เรื่อยๆๆๆๆ จนเค้าขึ้นมาอยู่บน Top List ของเรา ทั้งๆที่เค้า Interact กับเราแบบปกติ
ทฤษฎีที่ 2 THE STALKER
จริงๆแล้วคนก็ดูเหมือนกับจะคล้อยตามกับทฤษฎีแรกละหล่ะ แต่บังเอิ้ญ ความพีคบังเกิด มีคนมาเถียงว่า เนี่ย! อยู่ๆก็มีใครไม่รู้มาแย่งบัลลังก์ List 1 ของชั้น เค้าอยู่บนบัลลังก์มาเป็นเดือนๆ ทุกอย่างไปได้สวย อยู่ๆก็หล่นไปเฉย ทั้งๆที่ไม่ได้ไปส่อง หรือมี Interaction อะไรกับแอคเคาน์นั้นเลย ทำไมคะ ทำไม?? มันจึงเป็นที่มาของการพิสูจน์ครั้งใหญ่และจริงจังเกิดขึ้น มีคนพิสูจน์กันหลายเคสพอสมควร โดยการเอาแอคเคาน์นึง ไปส่องอีกอัน โดยไม่ให้อีกอันส่องกลับ เช่น แอคเคาน์แรกส่องแอคเคาน์สองอย่างเดียว ส่องทุกวัน โดยแอคเคาน์สองไม่ส่องกลับ ไม่ทำไรกับแอคเคาน์แรกเลย แล้วดูว่า List แอคเคาน์สองเปลี่ยนมั้ย
ผลปรากฏว่า!! เห้ยมันเปลี่ยนเว้ย แอคเคาน์แรกขึ้นมาบนสุดเฉย นั่นหมายความว่า ทฤษฎี Interaction ถูกล้มล้างไป เพราะแอคเคาน์สองไม่ได้ไปทำไรกับแอคเคาน์แรกเลย อนุมานได้ว่า หากอยู่ๆวันนึงมีคนที่เราไม่ค่อยได้ปฏิสัมพันธ์ด้วยเท่าไหร่ ทะยานขึ้นมาบน Top List ของเรา เขาผู้นั้นจะต้องแอบชอบเราแน่ๆ
ส่วนตัวแล้วคิดว่า Algorithm คงจะซับซ้อนกว่าสองทฤษฎีนี้มาก แต่เชื่อว่าเรากำลังมาได้อย่างถูกทาง มันอาจจะเป็นอะไรประมาณนี้ หรือมันจะซับซ้อนกว่านี้ หรือแบบ จับมัดรวมสองทฤษฎีรวมๆกันก็เป็นได้
ลำดับบุคคลใน IG Stories บอกอะไรเรา?
เพราะว่า
Instagram ไม่มีทางที่จะยอมเปิดเผย Algorithm ในการจัดอันดับแน่นอน
แต่ๆ มันก็ยังมีทฤษฎีที่กำลังถกเถียงกันอยู่บ้างนะว่ามันใช้หลักการใดในการจัดอันดับ
ทฤษฎีที่ 1 INTERACTION BASE
มีชาวเน็ตฝรั่งถกเถียงกันว่า กลุ่มคนที่อยู่บน top list viewers เนี่ย ถูกจัดลำดับตามปฏิสัมพันธ์ที่เรามีกับคนๆนั้น บน IG เช่น Like กันบ่อยมั้ย, Mention กันใน Story หรือเปล่า, Tag มั้ยอะไรมั้ย, หรือเค้าดูเรา เราดูเค้าบ่อยแค่ไหนยังไง โดยผู้สนับสนุนทฤษฎีนี้เนี่ยเค้าให้เหตุผลว่า ผู้ผลิต IG ต้องการที่จะประหยัดเวลาให้ users ไม่ต้องไปเสียเวลาหาว่าเพื่อนเราดู story เรามั้ย IG จึงการสร้าง Algorithm ขึ้นมาเดาว่าเราสนิทกับใคร ละก็ดันคนพวกนั้นไปไว้บนๆ โดยวัดจากปฏิสัมพันธ์อย่างที่กล่าวไปซึ่งก็ Make sense มากกกกก ในระดับหนึ่ง แต่ก็อาจจะเป็นไปได้ที่ถ้าเราไปส่องเค้าอยู่เรื่อยๆๆๆๆ จนเค้าขึ้นมาอยู่บน Top List ของเรา ทั้งๆที่เค้า Interact กับเราแบบปกติ
ทฤษฎีที่ 2 THE STALKER
จริงๆแล้วคนก็ดูเหมือนกับจะคล้อยตามกับทฤษฎีแรกละหล่ะ แต่บังเอิ้ญ ความพีคบังเกิด มีคนมาเถียงว่า เนี่ย! อยู่ๆก็มีใครไม่รู้มาแย่งบัลลังก์ List 1 ของชั้น เค้าอยู่บนบัลลังก์มาเป็นเดือนๆ ทุกอย่างไปได้สวย อยู่ๆก็หล่นไปเฉย ทั้งๆที่ไม่ได้ไปส่อง หรือมี Interaction อะไรกับแอคเคาน์นั้นเลย ทำไมคะ ทำไม?? มันจึงเป็นที่มาของการพิสูจน์ครั้งใหญ่และจริงจังเกิดขึ้น มีคนพิสูจน์กันหลายเคสพอสมควร โดยการเอาแอคเคาน์นึง ไปส่องอีกอัน โดยไม่ให้อีกอันส่องกลับ เช่น แอคเคาน์แรกส่องแอคเคาน์สองอย่างเดียว ส่องทุกวัน โดยแอคเคาน์สองไม่ส่องกลับ ไม่ทำไรกับแอคเคาน์แรกเลย แล้วดูว่า List แอคเคาน์สองเปลี่ยนมั้ย
ผลปรากฏว่า!! เห้ยมันเปลี่ยนเว้ย แอคเคาน์แรกขึ้นมาบนสุดเฉย นั่นหมายความว่า ทฤษฎี Interaction ถูกล้มล้างไป เพราะแอคเคาน์สองไม่ได้ไปทำไรกับแอคเคาน์แรกเลย อนุมานได้ว่า หากอยู่ๆวันนึงมีคนที่เราไม่ค่อยได้ปฏิสัมพันธ์ด้วยเท่าไหร่ ทะยานขึ้นมาบน Top List ของเรา เขาผู้นั้นจะต้องแอบชอบเราแน่ๆ
ส่วนตัวแล้วคิดว่า Algorithm คงจะซับซ้อนกว่าสองทฤษฎีนี้มาก แต่เชื่อว่าเรากำลังมาได้อย่างถูกทาง มันอาจจะเป็นอะไรประมาณนี้ หรือมันจะซับซ้อนกว่านี้ หรือแบบ จับมัดรวมสองทฤษฎีรวมๆกันก็เป็นได้