Becoming Bond - A Hulu Documentary Review
ไหนมีใครชอบดู James Bond กันบ้าง เชื่อว่ามีหลายคนแน่ๆที่เคยแอบประทับใจคิวบู๊ และคิวจีบสาว ของ Bond จนกลายเป็นแรงบันดาลใจต่อเรื่องอื่นๆอีกหลายอย่าง
วันนี้เลยว่าจะเขียนรีวิวหนังสารคดีเกี่ยวกับ Bond ซะหน่อย เรื่อง Becoming Bond นี้เป็นสารคดีที่ทางค่าย Hulu ตั้งใจจะถ่ายทำขึ้นเพื่อเล่าถึง James Bond คนหนึ่งในประวัติศาสตร์โลกและวงการภาพยนตร์แนวสายลับ Action "George Lazenby"
กำกับและเขียนบทโดย Josh Greenbaum และนำแสดงโดย Josh Lawson
หนังเล่าเรื่องเกี่ยวกับประวัติชีวิตของ George Lazenby ตั้งแต่เกิดออกมาจากท้องแม่ (ณ เมืองเมืองหนึ่งในออสเตรเลีย) เป็นเด็กนักเรียน เป็นเด็กวัยรุ่น ลาออกจากโรงเรียน เริ่มหางานทำ เป็นช่างซ่อมรถ เป็นเซลส์แมน ไปจนถึงเริ่มเข้าสู่วงการนายแบบ และตามด้วยวงการบันเทิง
ที่ถือเป็นจุดสูงสุดในชีวิตการทำงานของเขา ในการได้รับบท James Bond สายลับอังกฤษ เรื่อง On Her Majesty's Secret Service หรือ James Bond ภาคที่ 6 ในปี 1969
แต่ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น ขณะที่ทางค่ายหนังกำลังจะให้ Lazenby ทำการเซ็นสัญญาเพื่อเล่นหนัง James Bond ต่อ หลังจากได้แสดงไปแล้วหนึ่งเรื่อง พร้อมเงินค่าขนมพิเศษอีก 1 ล้าน ดอลลาร์ เขากลับตัดสินใจที่จะไม่ต่อสัญญาและเลือกที่จะรับบท James Bond เพียงครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิต...
หนังใช้วิธีการเล่าเรื่องของ Lazenby โดยให้ตัว Lazenby เองมาปรากฏตัวนั่งให้สัมภาษณ์เดี่ยว แล้วปล่อยให้เขาเล่าเรื่องของตัวเองไปเรื่อยๆ ชิลล์ๆ (ระหว่างเล่าเรื่อง ก็จะให้อารมณ์เหมือนกับมีญาติผู้ใหญ่วัยทอง มานั่งเล่าระลึกความหลังให้ฟังเพลินๆ)
และในขณะเดียวกับที่เขาเล่าเรื่องนั้น ก็จะมี 'หนัง' ที่มีคนมาแสดงเป็นตัวเขาในวัยเด็ก วัยรุ่น และวัยทำงานให้เราดูประกอบกันไปด้วย
(Becoming Bond จึงเป็นสารคดีแนวๆผสม คือมีทั้งส่วนที่ฉายเป็นสารคดี มีภาพเก่าๆ ตัวอย่างหนังที่ Lazenby เคยแสดง และส่วนที่เป็นหนังที่ถ่ายทำขึ้นมาใหม่เพื่อจำลองชีวิตของ Lazenby เองไปด้วย)
หนังที่ซ้อนอยู่ในสารคดีก็สนุกดีนะครับ ดูเรื่อยๆ ค่อยๆเห็นการเจริญเติบโตของตัวละครดี (แสดงโดย Josh Lawson) จะเน้นหนักไปทางฉากและความทรงจำตลกๆในชีวิตของ Lazenby ซะส่วนใหญ่ (ซึ่งจะจริง 100% หรือมีส่วนที่แต่งเพิ่มมาหรือเปล่าก็ไม่ทราบได้ เพราะ George Lazenby เองก็ยอมรับกับปากเองว่า บางเรื่องก็อาจจะไม่จริงก็ได้)
ใครที่ตั้งใจจะมาดูความเป็น James Bond ในตัว Lazenby ขอบอกได้เลยว่าไม่ต้องคาดหวังอะไรขนาดนั้น เพราะหนังใช้เวลาเกริ่นไปประมาณเกือบ 1 ชั่วโมงกับชีวิตและการเจริญเติบโตของ Lazenby ก่อนมารับบท James Bond ในประเทศอังกฤษ
(ก็ประมาณ 20-30 นาทีสุดท้ายของหนังนั้นแหละที่จะได้เห็นความเป็น James Bond ของ Lazenby)
ซึ่งเมื่อถึงจุดที่ Lazenby เดินทางมาถึงบท James Bond ก็ไม่ผิดหวังครับ เพราะหนังได้ฉายให้เห็นความอินดี้ ความฮิปส์ และความเป้นตัวของตัวเองของเขาอย่างเต็มที่ (เต็มซะจนบางคนอาจหมั่นไส้เลย 555) โดยเฉพาะกับตอนมาปล่อยความอินดี้ ขณะถ่ายทำหนัง James Bond ช่วงปลายยุค 60 เนี่ยแหละ (จะอินดี้ยังไงต้องไปดูการแสดงของ Josh Lawson เอาเองในเรื่องครับ)
ผมชื่นชมงานกำกับของ Greenbaum นะเรื่องนี้ เขารู้จักเก็บรายละเอียดเล็กๆน้อยๆดี ทั้ง cast นักแสดงจากออสเตรเลียมาจริงๆ ทั้งภาษา และบทที่ใช้ มีการแทรกบทพูดที่มีพวกคำแสลง และศัพท์เฉพาะของคนออสเตรเลียมาไว้ในหนังจริงๆ แถมยังคอยย้ำความแตกต่างของสำเนียงอังกฤษและออสซี่ให้คนดูอีกด้วย
สิ่งที่ผมไม่ค่อยชอบก็คือตัว Josh Lawson เองที่มารับบทเป็น Lazenby เนี่ยแหละ คือหน้าเขาไม่เหมือน Lazenby อะ ไม่คล้ายเลยด้วย เมื่อเอา footage และภาพเก่าๆของ Lazenby มาเทียบจะพบว่าแค่โครงหน้าก็ไม่ค่อยเหมือนกันแล้ว
(หน้าของ Lawson เหมือนเอาตัวร้ายใน The Flash มารวมกับพระเอกซีรีส์เรื่อง Last Man on Earth)
แต่ก็ยังดีหน่อยที่ Lawson ยังสามารถเรียกเอาความขำขัน ตลกหน้าตาย หน้าซื่อบื้อให้ออกมาจาก character ของ Lazenby ในวัยรุ่นได้ สร้างอารมณ์ขันได้พอสมควร
ในส่วนของตัวละครที่มีตัวตนจริงๆคนอื่นๆที่ถูกนำเข้ามาไว้ในเรื่อง ผมว่ามันดูไม่ค่อยเด่นพอที่จะถูกพูดถึงซักเท่าไร เหมือนมาแค่ตัวประกอบ ไม่ได้มีอะไรมาก เช่นพวก Producer หนัง Bond อะไรพวกนี้
ตอนจบนี่ยอมรับเลยว่าจบอย่างสวยงาม เพลงตอนจบอาจจะดูเหมือนมีโทนเศร้าๆ และออกแนวอำลา farewell ไปนิดหน่อย แต่มันแฝงไปด้วยความซึ้ง ความตื้นตันที่ปู่ Lazenby ได้แสดงและแผ่มันออกมาทางแววตา (ส่วนนี้ไม่แน่ใจว่าเขาวางบทไว้งี้หรือมันออกมาเอง) พร้อมกับเปรยๆให้คนดูฟังทำนองว่าชีวิตตัวเขาเองนั้นสนุกและทำอะไรที่อยากทำมาจนพอใจแล้ว
ดูๆแล้วภายใต้ความโทนเศร้าๆนี้ก็มีอารมณ์แนว Happy ของ Lazenby อยู่นะ เป็นความ happy กับชีวิตในบั้นปลาย (อายุจะ 80 ละ)
ในหนังนี้ รู้สึกชอบอยู่ประโยคนึงที่บ่งบอกถึงสไตล์และความเป็นตัวของตัวเองของ Lazenby เขาพูดว่า "
may not be great, but I'm an original..." (ผมอาจจะดูไม่ยิ่งใหญ่ แต่ผมไม่เหมือนใคร)
James Bond 007
#JamesBond
#GeorgeLazenby
#Movies
#Hulu
#Documentary
Documentary Club
ถ้าชอบก็เรียนเชิญไปมาพูดคุยและกดไลค์เพจกันได้ครับ อิอิ: https://www.facebook.com/critiquesofeverything/
[SR] Becoming Bond - เมื่อ James Bond อยากเป็นฮิปสเตอร์
Becoming Bond - A Hulu Documentary Review
ไหนมีใครชอบดู James Bond กันบ้าง เชื่อว่ามีหลายคนแน่ๆที่เคยแอบประทับใจคิวบู๊ และคิวจีบสาว ของ Bond จนกลายเป็นแรงบันดาลใจต่อเรื่องอื่นๆอีกหลายอย่าง
วันนี้เลยว่าจะเขียนรีวิวหนังสารคดีเกี่ยวกับ Bond ซะหน่อย เรื่อง Becoming Bond นี้เป็นสารคดีที่ทางค่าย Hulu ตั้งใจจะถ่ายทำขึ้นเพื่อเล่าถึง James Bond คนหนึ่งในประวัติศาสตร์โลกและวงการภาพยนตร์แนวสายลับ Action "George Lazenby"
กำกับและเขียนบทโดย Josh Greenbaum และนำแสดงโดย Josh Lawson
หนังเล่าเรื่องเกี่ยวกับประวัติชีวิตของ George Lazenby ตั้งแต่เกิดออกมาจากท้องแม่ (ณ เมืองเมืองหนึ่งในออสเตรเลีย) เป็นเด็กนักเรียน เป็นเด็กวัยรุ่น ลาออกจากโรงเรียน เริ่มหางานทำ เป็นช่างซ่อมรถ เป็นเซลส์แมน ไปจนถึงเริ่มเข้าสู่วงการนายแบบ และตามด้วยวงการบันเทิง
ที่ถือเป็นจุดสูงสุดในชีวิตการทำงานของเขา ในการได้รับบท James Bond สายลับอังกฤษ เรื่อง On Her Majesty's Secret Service หรือ James Bond ภาคที่ 6 ในปี 1969
แต่ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น ขณะที่ทางค่ายหนังกำลังจะให้ Lazenby ทำการเซ็นสัญญาเพื่อเล่นหนัง James Bond ต่อ หลังจากได้แสดงไปแล้วหนึ่งเรื่อง พร้อมเงินค่าขนมพิเศษอีก 1 ล้าน ดอลลาร์ เขากลับตัดสินใจที่จะไม่ต่อสัญญาและเลือกที่จะรับบท James Bond เพียงครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิต...
หนังใช้วิธีการเล่าเรื่องของ Lazenby โดยให้ตัว Lazenby เองมาปรากฏตัวนั่งให้สัมภาษณ์เดี่ยว แล้วปล่อยให้เขาเล่าเรื่องของตัวเองไปเรื่อยๆ ชิลล์ๆ (ระหว่างเล่าเรื่อง ก็จะให้อารมณ์เหมือนกับมีญาติผู้ใหญ่วัยทอง มานั่งเล่าระลึกความหลังให้ฟังเพลินๆ)
และในขณะเดียวกับที่เขาเล่าเรื่องนั้น ก็จะมี 'หนัง' ที่มีคนมาแสดงเป็นตัวเขาในวัยเด็ก วัยรุ่น และวัยทำงานให้เราดูประกอบกันไปด้วย
(Becoming Bond จึงเป็นสารคดีแนวๆผสม คือมีทั้งส่วนที่ฉายเป็นสารคดี มีภาพเก่าๆ ตัวอย่างหนังที่ Lazenby เคยแสดง และส่วนที่เป็นหนังที่ถ่ายทำขึ้นมาใหม่เพื่อจำลองชีวิตของ Lazenby เองไปด้วย)
หนังที่ซ้อนอยู่ในสารคดีก็สนุกดีนะครับ ดูเรื่อยๆ ค่อยๆเห็นการเจริญเติบโตของตัวละครดี (แสดงโดย Josh Lawson) จะเน้นหนักไปทางฉากและความทรงจำตลกๆในชีวิตของ Lazenby ซะส่วนใหญ่ (ซึ่งจะจริง 100% หรือมีส่วนที่แต่งเพิ่มมาหรือเปล่าก็ไม่ทราบได้ เพราะ George Lazenby เองก็ยอมรับกับปากเองว่า บางเรื่องก็อาจจะไม่จริงก็ได้)
ใครที่ตั้งใจจะมาดูความเป็น James Bond ในตัว Lazenby ขอบอกได้เลยว่าไม่ต้องคาดหวังอะไรขนาดนั้น เพราะหนังใช้เวลาเกริ่นไปประมาณเกือบ 1 ชั่วโมงกับชีวิตและการเจริญเติบโตของ Lazenby ก่อนมารับบท James Bond ในประเทศอังกฤษ
(ก็ประมาณ 20-30 นาทีสุดท้ายของหนังนั้นแหละที่จะได้เห็นความเป็น James Bond ของ Lazenby)
ซึ่งเมื่อถึงจุดที่ Lazenby เดินทางมาถึงบท James Bond ก็ไม่ผิดหวังครับ เพราะหนังได้ฉายให้เห็นความอินดี้ ความฮิปส์ และความเป้นตัวของตัวเองของเขาอย่างเต็มที่ (เต็มซะจนบางคนอาจหมั่นไส้เลย 555) โดยเฉพาะกับตอนมาปล่อยความอินดี้ ขณะถ่ายทำหนัง James Bond ช่วงปลายยุค 60 เนี่ยแหละ (จะอินดี้ยังไงต้องไปดูการแสดงของ Josh Lawson เอาเองในเรื่องครับ)
ผมชื่นชมงานกำกับของ Greenbaum นะเรื่องนี้ เขารู้จักเก็บรายละเอียดเล็กๆน้อยๆดี ทั้ง cast นักแสดงจากออสเตรเลียมาจริงๆ ทั้งภาษา และบทที่ใช้ มีการแทรกบทพูดที่มีพวกคำแสลง และศัพท์เฉพาะของคนออสเตรเลียมาไว้ในหนังจริงๆ แถมยังคอยย้ำความแตกต่างของสำเนียงอังกฤษและออสซี่ให้คนดูอีกด้วย
สิ่งที่ผมไม่ค่อยชอบก็คือตัว Josh Lawson เองที่มารับบทเป็น Lazenby เนี่ยแหละ คือหน้าเขาไม่เหมือน Lazenby อะ ไม่คล้ายเลยด้วย เมื่อเอา footage และภาพเก่าๆของ Lazenby มาเทียบจะพบว่าแค่โครงหน้าก็ไม่ค่อยเหมือนกันแล้ว
(หน้าของ Lawson เหมือนเอาตัวร้ายใน The Flash มารวมกับพระเอกซีรีส์เรื่อง Last Man on Earth)
แต่ก็ยังดีหน่อยที่ Lawson ยังสามารถเรียกเอาความขำขัน ตลกหน้าตาย หน้าซื่อบื้อให้ออกมาจาก character ของ Lazenby ในวัยรุ่นได้ สร้างอารมณ์ขันได้พอสมควร
ในส่วนของตัวละครที่มีตัวตนจริงๆคนอื่นๆที่ถูกนำเข้ามาไว้ในเรื่อง ผมว่ามันดูไม่ค่อยเด่นพอที่จะถูกพูดถึงซักเท่าไร เหมือนมาแค่ตัวประกอบ ไม่ได้มีอะไรมาก เช่นพวก Producer หนัง Bond อะไรพวกนี้
ตอนจบนี่ยอมรับเลยว่าจบอย่างสวยงาม เพลงตอนจบอาจจะดูเหมือนมีโทนเศร้าๆ และออกแนวอำลา farewell ไปนิดหน่อย แต่มันแฝงไปด้วยความซึ้ง ความตื้นตันที่ปู่ Lazenby ได้แสดงและแผ่มันออกมาทางแววตา (ส่วนนี้ไม่แน่ใจว่าเขาวางบทไว้งี้หรือมันออกมาเอง) พร้อมกับเปรยๆให้คนดูฟังทำนองว่าชีวิตตัวเขาเองนั้นสนุกและทำอะไรที่อยากทำมาจนพอใจแล้ว
ดูๆแล้วภายใต้ความโทนเศร้าๆนี้ก็มีอารมณ์แนว Happy ของ Lazenby อยู่นะ เป็นความ happy กับชีวิตในบั้นปลาย (อายุจะ 80 ละ)
ในหนังนี้ รู้สึกชอบอยู่ประโยคนึงที่บ่งบอกถึงสไตล์และความเป็นตัวของตัวเองของ Lazenby เขาพูดว่า " may not be great, but I'm an original..." (ผมอาจจะดูไม่ยิ่งใหญ่ แต่ผมไม่เหมือนใคร)
James Bond 007
#JamesBond
#GeorgeLazenby
#Movies
#Hulu
#Documentary
Documentary Club
ถ้าชอบก็เรียนเชิญไปมาพูดคุยและกดไลค์เพจกันได้ครับ อิอิ: https://www.facebook.com/critiquesofeverything/